ตรวจสอบ “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่ใช่แก้แค้น

เพื่อไทย 6 มิ.ย. – “พิธา” เผยเตรียมส่งคณะทำงานลงพื้นที่สัญจร รับทราบปัญหา นัดประชุมครั้งต่อไป 20 มิ.ย. ที่พรรคก้าวไกล ยันการตรวจสอบ “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่ใช่เช็กบิล ไม่ใช่แก้แค้น


นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นประธานประชุมคณะกรรมการประสานงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล นำคณะทำงานฯ แถลงผลการประชุมว่า ติดตามความคืบหน้าของคณะทำงาน กำหนดบทบาททำงาน ซึ่งผลลัพธ์ที่ต้องการเห็นจากคณะทำงาน 7 คณะ และกำหนดวาระทำงานเพิ่ม 4-5 ประเด็นที่ประชาชนสนใจ ประกอบด้วย 1.คณะทำงานเศรษฐกิจและรัฐบาลดิจิทัล 2.คณะทำงานต่อต้านคอร์รัปชันต่อต้านส่วย 3.คณะทำงานสาธารณสุข 4.คณะทำงานเพื่อความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคม 5.คณะทำงานปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ หวังมีคำตอบให้สังคมในช่วงที่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

“สำหรับรายละเอียดว่าแต่ละคณะมีใครบ้างจะทำเอกสารแจ้งทั้ง 12 คณะ พร้อมกันนี้จะมีการประชุมนัดถัดไปในวันที่ 20 มิถุนายน 2566 ที่พรรคก้าวไกล และอาจมีการประชุมคณะทำงานสัญจรลงพื้นที่ไปในจุดต่างๆ ที่เป็นปัญหา เช่น ลงพื้นที่ไปดูการผลิตสุราเสรี ที่ จ.อุบลราชธานี หรือการดูปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ภาคเหนือ เป็นต้น” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว


นายพิธา กล่าวว่า ส่วนความคาดหวังผลลัพธ์จากคณะทำงานแต่ละชุดว่าอายุของคณะทำงานที่ตั้งขึ้นจะอยู่ในช่วง 2-3 เดือนก่อนการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหลายเรื่องได้ให้รัฐบาลใหม่เพื่อดำเนินการแล้ว ตนมองภาพการทำงานล่วงหน้าไว้ เพื่อเป็นการเริ่มปฐมนิเทศใหม่ โดยผลลัพธ์ที่ต้องการคือในช่วงสั้นที่สุดเมื่อตั้งรัฐบาล เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรและเลือกนายกรัฐมนตรีได้แล้ว สามารถแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้เลย และเมื่อถึงเวลาประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สามารถประชุมได้เลย ขณะเดียวกันการประชุมครม. ในช่วง 100 วันแรกในรัฐบาลของก้าวไกล สามารถคิดนโยบายได้ตั้งแต่ตอนนี้แล้ว เหลือเพียงอำนาจที่จะปฏิบัติ

เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ห่วงเรื่องพรรคก้าวไกลจะเช็กบิล  จะทำอย่างไรกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้ทำรัฐประหาร นายพิธา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่สามารถอนุมานได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ควรจะยินดีการเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ เนื่องจาก 8-9 ปีที่ปฏิบัติหน้าที่มาประพฤติผิด ไม่ชอบเรื่องใดบ้าง

“ต้องเรียนไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวที่จะต้องมาเช็กบิล แต่ต้องการให้เกิดวัฒนธรรมรับผิด รับชอบ ไม่ว่าจะเรื่องการทำรัฐประหาร หรือการใช้ ม.44 ที่มีผลกระทบต่อประชาชนและสิทธิมนุษยชน เช่น เรื่องพระราชบัญญัติแร่ปี 60 ทุกอย่างต้องเป็นไปตามระบบ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวที่จะต้องแก้แค้น” นายพิธา กล่าว


นายเผ่าภูมิ  โรจนสกุล รองเลขาพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมการประสานงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล แถลงว่า เป็นจุดเรื่มต้นที่ดี 8 พรรคทำงานด้วยกันและใช้ทุกวินาทีคุ้มค่า เพราะทุกวินาทีเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และความเดือดร้อนของประชาชน โดยเพื่อไทยมีข้อเสนอ 5 ข้อ กรอบทำงานภาพใหญ่ ทำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด 1.เสนอความมั่นคงทางการคลัง ตั้งใจลดการขาดดุลทางการคลัง 2.เสนอระบบภาษีที่มีประสิทธิภาพ ฐานภาษีที่สูงขึ้นทำให้คนเข้าระบบภาษีมากขึ้น 3.เสนอออกแบบนโยบายต้องมีการคิดคำนวณการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่การเท่าเทียมการกระจายรายได้ 4.เสนอแต่ละคณะอนุต้องวางแผนการทำงานระยะสั้นแก้ไขปัญหาประชาชนระยะกลางและระยะยาว เกี่ยวกับโครงสร้างด้านต่างๆ และ 5.เปิดให้ประเทศเปิดหารายได้จากต่างประเทศ เชื่อมโลกดึงดูดการค้าการลงทุน

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า คณะทำงานเดิมที่มีทำหน้าที่จะต้องทำโรดแมปสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนใต้ และแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำความยากจน โดยเฉพาะปัญหาที่เป็นรากเหง้า ที่ดีทำกิน ต้องกระจายถือครองที่ดินที่เป็นธรรม

ส่วน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องจัดเป็นวาระเร่งด่วนให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด รวมถึงประเด็นเรื่องพลังงาน น้ำมัน และค่าไฟฟ้า โดย 8 พรรคร่วมรัฐบาลจะพิจารณาอย่างรอบรอบให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด เพื่อให้ประชาชนสามารถบริโภคราคาพลังงานและราคาไฟฟ้าได้อย่างเป็นธรรม และเรื่องความเท่าเทียมด้านเศรษฐกิจและสังคม ไม่ใช่การให้ความเท่าเทียมเรื่องรัฐสวัสดิการเท่านั้น แต่รัฐและสังคมต้องเติบโตเท่ากัน

นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลัง กล่าวว่า การประชุมวันนี้ (6 มิ.ย.) เป็นการติดตามงาน รวมถึงดูความเหมาะสม วางคนให้ถูกงาน วางงานให้ถูกคน อีกทั้งยังหารือถึงปัญหาหนี้สินเกษตรกร ความเท่าเทียมเศรษฐกิจ การเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรเพื่อเพิ่มรายได้ เพื่อทำให้คุณภาพชีวิตเกษตรกรดีขึ้น

นายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม กล่าวว่า ทุกคณะทำงานที่ตั้งขึ้นนั้น เน้นทำงานเร่งรัดปัญหาของประชาชนเป็นหลัก เช่น การจัดการปัญหาชายแดนภาคใต้ ที่มีหลายมิติต้องพูดคุยหารือกัน  

นายวิรัตน์ วรศริน เลขาธิการพรรคเสรีรวมไทย สนับสนุนการปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ตราไว้ตั้งแต่ปี 2507 แต่ปัจจุบันนี้มีประชากรไทยเพิ่มขึ้น 35 ล้านคน จึงจำเป็นต้องปฏิรูปที่ดินเพื่อความเป็นธรรมและเท่าเทียม เป็นนโยบายลำดับแรกของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้ประชาชนได้มีที่ดินทำกินของตัวเอง.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยภาคเหนือฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 28 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย และน่าน ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย และน่าน ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ตอนบนของภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน มีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ […]

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]