“ชาติชาย”ชี้”พิธา”ไม่ผิดหากถือหุ้นในนาม ผจก.มรดก

สำนักข่าวไทย 6 มิ.ย.- อดีตโฆษก กรธ. ชี้กรณี “พิธา” ถือหุ้นไอทีวีต้องดูข้อเท็จจริง หากถือในฐานะผู้จัดการมรดก ไม่ถือเป็นเจ้าของหุ้นตัวจริง ไม่เข้าข่ายขาดคุณสมบัติ และกรณีนี้เป็นเรื่องเฉพาะตัว ไม่พ่วงลูกพรรคที่รับรอง พร้อมระบุพรรคแกนนำตั้งรัฐบาลมี 151 เสียงย่อมถูกต่อรอง และทุกพรรคต่างอยากได้ตำแหน่งประธานสภา


นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)และอดีตโฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ขายหุ้นไอทีวี 4,200หุ้นแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมซึ่งอาจจะไม่มีผลต่อคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีว่า ตามรัฐธรรมนูญผู้ที่จะสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะต้องไม่ถือครองหุ้น ดังนั้นจะต้องดูในวันสมัครรับเลือกตั้ง โดยในวันนั้นหากคุณสมบัติไม่ครบ ก็แสดงว่าเป็นโมฆะ ไม่สามารถสมัครได้  ซึ่งในวันสมัครรับเลือกตั้งนั้น เจ้าตัวต้องเขียนรับรองว่าข้อความที่ข้าพเจ้ากรอกใบสมัครเป็นจริงทุกประการ ฉะนั้นในวันที่ไปสมัครรับเลือกตั้ง หากเจ้าตัวรู้ หรือไม่รอบคอบ ไม่รู้ว่าตัวเองถือหุ้นสื่ออยู่แล้วไปสมัครรับเลือกตั้ง เมื่อกกต.ตรวจพบทีหลัง ก็จะต้องถูกตัดสิทธิ เพราะคุณสมบัติไม่ครบ อย่างไรก็ตามจะต้องดูในรายละเอียดด้วยว่าคนที่ไปสมัครถือหุ้นในนามส่วนตัว หรือหุ้นตกอยู่กับเขาในฐานะผู้จัดการมรดก หากเป็นในฐานะผู้จัดการมรดก ถือเป็นเรื่องคำสั่งศาล ที่สิ่งต่างๆ ที่เป็นมรดกจะอยู่ภายใต้ชื่อเขา แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นเจ้าของมรดกหรือเป็นเจ้าของหุ้น  ก็ถือว่าไม่เข้าข่าย

ส่วนข้อสงสัยว่าหากนายพิธาขายหุ้นก่อนวันเลือกตั้ง กกต.จะต้องส่งเรื่องไปศาลฎีกาหรือศาลรัฐธรรมนูญนั้น อดีตโฆษกกรธ. กล่าวว่า ก่อนอื่นจะต้องดูว่าหุ้นที่มีข้อมูลว่าเป็นของนายพิธานั้นเป็นของนายพิธาโดยส่วนตัว ที่ซื้อมาตั้งแต่แรก หรือเป็นของเขาในนามผู้จัดการมรดก จะต้องแยกออกมา หากเป็นหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดก ก็ถือว่าเขาไม่ได้ถือหุ้น และไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้น เป็นเพียงแต่ตามกฎหมายให้มาดูแลหุ้นที่เป็นมรดกของพ่อเท่านั้นเอง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ถือว่า นายพิธาไม่เข้าข่ายว่าถือหุ้น และไม่ผิด และไม่ขาดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัครส.ส.และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี


“ในความเป็นจริงผมก็ไม่รู้รายละเอียดว่าหุ้นนี้มาจากไหน อย่างไร ถ้าเป็นหุ้นที่เป็นมรดกพ่อเขา และไม่ได้เขียนพินัยกรรมไว้ หรือถ้าเขียนไว้ก็ต้องดูว่ายกให้ใคร และถ้าไม่ได้ยกให้ใคร ลูกหลานก็ต้องมาตกลงกันเองว่าหุ้นมรดกนี้ว่าใครจะเอาไป ซึ่งคงยังไม่ได้จัดการ ผมก็ไม่รู้นะ แต่ถ้าเป็นกรณีว่าเขาเป็นผู้ดูแลหุ้นในฐานะที่เป็นผู้จัดการมรดกและหุ้นยังไม่ได้แบ่ง ก็ถือว่าเขายังไม่ได้เป็นคนถือหุ้นนั้น เป็นแค่ผู้จัดการมรดกเฉยๆ แต่หุ้นเป็นมรดกของพ่อเขา 

ไม่ใช่ของเขา ผมก็ไม่รู้รายละเอียดอะไร ว่ากันไปตามข้อเท็จจริงและตัวบทกฎหมาย ว่าเจตนาของมาตรานี้ก็มีแค่นั้น คือไม่อยากให้นักการเมืองหรือใครมาสมัครเป็นส.ส.ถือหุ้นสื่อ เพราะการถือหุ้นสื่อมีโอกาสที่จะใช้สื่อให้คุณให้โทษกับตัวเอง และคู่แข่งได้ ดังนั้นถ้าเป็นผู้จัดการมรดก ก็ถือว่าไม่ใช่เจ้าของหุ้น “ นายชาติชาย กล่าว

นายชาติชาย กล่าวว่าก่อนจะส่งเรื่องไปให้ศาลใดวินิจฉัย กกต.จะต้องขอหลักฐานจากนายพิธา หรือเรียกนายพิธาไปให้คำชี้แจง เพื่อหาข้อเท็จจริงและวินิจฉัยตรงนี้ก่อน หากมีมูลจึงจะส่งให้ศาลวินิจฉัยต่อ หากไม่มีมูลศาลคงไม่รับคำร้อง


ส่วนเรื่องที่มีการร้องนายพิธา ควรจะต้องวินิจฉัยให้เสร็จก่อนที่จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายชาติชาย กล่าวว่า ไม่จำเป็น เพราะต้องขึ้นอยู่กับกกต.ที่จะส่งเรื่องไป และอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ  ซึ่งศาลฯคงต้องดูว่าหากมีมูลก็คงต้องเร่งพิจารณา เพราะจะกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวม

สำหรับกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าหากศาลวินิจฉัยว่านายพิธาขาดคุณสมบัติเพราะถือหุ้นสื่อ อาจจะกระทบกับผู้สมัครส.ส.ที่เซ็นรับรองในฐานะหัวหน้าพรรคนั้น นายชาติชาย กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการตีความ  หากเจ้าตัวขาดคุณสมบัติก็ถือเป็นความผิดเฉพาะตัว หากไปรับรองผู้สมัครในฐานะหัวหน้าพรรค ก็ไม่น่าจะมีผลกับคนอื่น เพราะตามรัฐธรรมนูญเขียนไว้เฉพาะตัว หากเจ้าตัวไปทำอะไรผิดก็เป็นเรื่องเฉพาะตัว

นายชาติชาย ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลอยู่ในกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลว่าจะสำเร็จหรือไม่ เป็นเรื่องที่ตอบยาก เพราะอำนาจเป็นเรื่องที่นักการเมืองอยากได้ และอยากเป็นรัฐบาล แต่ละฝ่ายคงจะมีกลเม็ดต่อรองกัน เพราะพรรคอันดับหนึ่งมี 151 เสียง จึงอาจจะต้องยอมพรรคอันดับสอง เพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้ และเชื่อว่าตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ยังไม่ลงตัวถือเป็น “ปมร้อน” เพราะเป็นตำแหน่งสำคัญที่จะต้องจัดประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี และเป็นคนจัดวาระเข้าสู่สภา ดังนั้นหากกฎหมายอะไรที่ประธานเห็นว่ากฎหมายอะไรที่กระทบต่อบ้านเมือง อาจจะไม่บรรจุเข้าระเบียบวาระได้ จึงทำให้พรรคการเมืองอยากได้ตำแหน่งนี้.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. – ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ก.คลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีที่กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351 /2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังเฉพาะส่วน ให้ชดใช้จำนวน 10,028 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่งยึดอาญัติทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาด และคำสั่งอื่น โดยเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้นบางส่วน ศาลพิจารณาว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการจำนำข้าวเปลือกนาปี แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี จากความเสียหาย 20,057 ล้านบาท เพราะประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิด ร้อยละ 50 […]

“ยิ่งลักษณ์” ส่งทนายฟังคำพิพากษา ลุ้นชดใช้คดีจำนำข้าว

ศาลปกครอง 22 พ.ค.- “ยิ่งลักษณ์” ส่งทนายรอฟังคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ชดใช้ 3.5 หมื่นล้านบาท คดีจำนำข้าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.30 น. ศาลปกครองสูงสุดเตรียมออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา ในคดีที่กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท ในคดีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร กรณีที่ร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย บรรยากาศที่ศาลปกครอง ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน. ทุ่งสองห้องราว 20 นาย มารักษาความสงบเรียบร้อย […]

ปรับแผนช่วยคนงานตกหลุมลึก 19 เมตร – 4 วันยังไม่ถึงครึ่งทาง

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เตรียมปรับแผนการค้นหานำร่างคนงานขึ้นจากหลุมลึก 19 เมตร หลัง 4 วัน ยังขุดลงไปไม่ถึงครึ่งทาง ผ่านไปแล้ว 4 วัน สำหรับการค้นหานำร่างคนงานที่ตกลงไปในหลุมโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 8 ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครยังคงทำงานกันอย่างต่อเนื่องแบบ 24 ชั่วโมง มีรายงานว่า ขณะนี้ขุดลงไปได้ประมาณ 7 เมตร จากความลึกของหลุม 19 เมตร ยังไม่พบร่างของผู้สูญหายแต่อย่างใด อุปสรรคสำคัญคือเสาเข็มปูนขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ในหลุม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการประชุมหารือปรับแผนการช่วยเหลือกันอีกครั้ง หลังจากวางแผ่นชีสไพล์แล้ว แต่ยังไม่มั่นใจ 100% ว่าแผนนี้จะป้องกันไม่ให้ดินสไลด์ลงไปทับคนงานที่กำลังลงไปช่วยหรือไม่ โดยการทำงานจะเน้นความปลอดภัยของทุกคนเป็นหลัก ส่วนตัวเลขการขุดเจาะ เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) ทางรองผู้ว่าฯ กทม. แจ้งว่าขุดลึกไปได้แล้ว 9 เมตรนั้น ทางหน้างานขอชี้แจงว่าให้ยึดตัวเลขล่าสุดเป็นหลัก เพราะวัดจากขอบถนนและพื้นด้านล่างไม่เสมอกัน บางชุดอาจขุดลงไปได้มากกว่า แต่เป็นจุดที่ลงไปไม่ได้ ยอมรับการปฏิบัติงานครั้งนี้ยากกว่าที่คิด แต่ไม่เกินขีดความสามารถอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” นำทีมแถลงคืบหน้าคดี “ทิดแย้ม” เปิดคลิปเสียงหลักฐานเด็ด

22 พ.ค. – “บิ๊กเต่า” นำแถลงความคืบหน้าคดี “ทิดแย้ม” ยักยอกเงินวัดไร่ขิง พร้อมเปิดคลิปเสียงหลักฐานเด็ด สนทนากับสีกาคนสนิท ส่วนเงินบัญชีวัดไร่ขิง และภายในมูลนิธิฯ พบว่ามีการทำธุรกรรมผิดปกติหลายรายการ และยังพบเงินกฐินถูกถอนออกไป ไม่มีการนำเข้าบัญชีวัด.-สำนักข่าวไทย