ทำเนียบฯ 1 มิ.ย.-“อนุชา” เมินให้นายกฯ เก็บของพ้นทำเนียบฯ บอกให้ดูไทม์ไลน์หลังเลือกตั้ง เหน็บ “ก้าวไกล” ถกส่วนราชการ เหมาะสมหรือไม่
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่แสดงความยินดีกับพรรคที่ได้อันดับหนึ่ง หลังการเลือกตั้ง ว่า ขอชี้แจงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวแสดงความยินดีกับพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ในสัปดาห์แรกหลังการเลือกตั้งไปแล้ว จึงอยากให้เข้าใจตรงกัน
ส่วนที่มีการเรียกร้องสปิริตของรัฐบาล และตั้งข้อสงสัยรัฐบาลไม่ให้ความร่วมมือเรื่องการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล นายอนุชา กล่าวว่า ได้ชี้แจงไปหลายรอบแล้วถึงไทม์ไลน์หลังการเลือกตั้ง ว่าต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งภายใน 60 วัน จากนั้นจะเปิดประชุมรัฐสภา และเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นขั้นตอนต่อไป เมื่อมีนายกรัฐมนตรี และมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ มีรัฐบาลใหม่ รัฐบาลชุดเก่าก็พร้อมหยุดปฎิบัติหน้าที่ เพื่อให้รัฐบาลใหม่ทำงานต่อ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นได้ช่วงเดือนสิงหาคม และทุกอย่างเดินไปตามนี้ อีกทั้งยืนยันว่าไม่ได้ห้ามปรามพรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้งรัฐบาล ที่จะเดินสายพบหน่วยงานภาคเอกชน แต่การจะไปพบส่วนราชการต่างๆ ได้มีฟีดแบ็กกลับมาที่รัฐบาลว่าจะเหมาะสมหรือไม่ เพราะรัฐบาลปัจจุบันยังทำหน้าที่เต็มที่ จึงอยากให้ประชาชนและพรรคการเมืองที่จะตั้งรัฐบาลในปัจจุบัน เข้าใจบทบาทหน้าที่ของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ว่ายังทำหน้าที่อยู่
ทั้งนี้ ในขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรี หากยังไม่สามารถเลือกได้ รัฐบาลปัจจุบันยังต้องทำหน้าที่รักษาการต่อไปเรื่อยๆ หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลยังต้องทำหน้าที่ และต้องขอความเห็นจาก กกต. ในเรื่องการขออนุมัติงบประมาณ เป็นต้น ขอย้ำว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยังทำหน้าที่จนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ และฟอร์ม ครม.ไปจนถึงการถวายสัตย์ปฏิญาณฯ จึงจะเรียกเป็นการยุติการทำหน้าที่รัฐบาลปัจจุบัน
ส่วนที่พรรคก้าวไกล เรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมเก็บของออกจากทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา กล่าวว่า เวลานี้ยังไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องเก็บของ หรือแสดงสปิริตย้ายออกจากทำเนียบรัฐบาล หรือไม่มาทำงาน ย้ำว่ายังต้องทำหน้าที่ต่อไป ทั้งรองนายก ฯ และรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ยังต้องทำงาน.-สำนักข่าวไทย