แนะ “พิธา” อยากเป็นนายกฯ ที่ดีต้องตรงไปตรงมา

ทำเนียบรัฐบาล 1 มิ.ย.-“ธนกร” ยันรทสช.ไม่ยุ่งเรื่องตั้งรัฐบาล แต่เอาใจช่วย อยากเห็นนโยบาย 100 วัน ไม่ใช่เวลารัฐบาลแห่งชาติ สอนมวย “พิธา” ต้องปรับตัว ตรงไปตรงมา ชี้คำพูด การกระทำหมายถึงตัวตน แนะอยากเป็นนายกฯ ที่ดี ให้ดู “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นตัวอย่าง ให้เกียรติทุกคน


นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ให้สัมภาษณ์กรณีนายจเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เสนอแนวคิดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ และเตรียมเสนอในกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภาเพื่อตอบโจทย์การเมืองในเวลานี้ ว่า การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติเป็นเรื่องที่ไกลมาก แต่เข้าใจว่า สมาชิกวุฒิสภาเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง อาจจะหวังดีกับบ้านเมือง แต่ไม่ใช่อยู่ ๆ จะตั้งรัฐบาลแห่งชาติ

“นายจเด็จอาจมองว่าหากประเทศติดหล่มหรือมีปัญหาขัดแย้งรุนแรงมาก ซึ่งก็เคยมีข้อเสนอแบบนี้มาหลายหนแล้ว ผมมองว่าอยากให้เป็นรัฐบาลแบบปกติ ตามระบอบประชาธิปไตย เพราะวันนี้เพิ่งเลือกตั้งมา ต้องให้เกียรติพรรคอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเชื่อว่าเขาจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่หากจับตั้งไม่ได้ก็ให้พรรคอันดับสองจัดตั้งไป ดังนั้น ควรเป็นรัฐบาลปกติตามระบอบประชาธิปไตยน่าจะเหมาะสมกว่า”นายธนกร กล่าว


เมื่อถามถึงคความเป็นไปได้กรณีเกิดการติดล็ก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร ววษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเข้ามาแก้ปัญหาแทนได้หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า เป็นเรื่องไกลไป เชื่อว่าวันนี้สถานการณ์บ้านเมืองยังปกติ ไม่ได้มีความขัดแย้งใด ๆ แต่อนาคตเราก็ไม่ทราบ ตอนนี้อยากให้บรรยากาศการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปด้วยดี

“พรรครวมไทยสร้างชาติขออยู่นิ่ง ๆ ใช้เวลาทำให้พรรคเป็นที่นิยมมากขึ้น และได้คุยกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เห็นตรงกันว่าช่วงนี้ว่าควรใช้เวลาอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติให้มากขึ้น และเฝ้ามองการจัดตั้งรัฐบาลด้วยการเอาใจช่วย ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาผมได้เจอกันในงานของสื่อมวลชนแห่งหนึ่งก็ได้ให้กำลังใจกับนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปด้วยเช่นกัน” นายธนกร กล่าว

ส่วนการออกมาเคลื่อนไหวของนายจเด็ด อินทร์ว่าง สมาชิกวุฒิสภา เป็นการส่งสัญญาณวงในว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ไม่มีหรอก เพราะนายจเด็ดเป็นผู้ใหญ่ พูดมีเหตุผลทุกครั้ง และมีโอกาสได้ฟังอภิปรายในสภาฯ ก็หลายครั้ง เป็นคนที่พูดตรงไปตรงมา คิดว่าท่านหวังดีกับประเทศ และอาจจะมองไปถึงอนาคต เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีการจุดพลุ จุดประเด็นมาหลายครั้งแล้ว


เมื่อถามย้ำว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ได้คาดว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเอนมาฝั่งขั้วอำนาจเดิมใช่หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า เราไม่คาดหวังอะไรอยู่แล้ว พรรครวมไทยสร้างชาติมี 36 เสียง พร้อมที่จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอยู่แล้ว

“สิ่งหนึ่งที่อยากฝากคือ ในข้อมูลของสื่อมวลชนและแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ที่ระบุว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มั่นใจว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะได้เป็นรัฐบาลแน่นั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยพูดเรื่องนี้ เพราะท่านเป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง บอกเสมอว่าตามกลไกระบอบประชาธิปไตยให้พรรคอันดับหนึ่งเขาว่าไป ยืนยันว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยพูด และที่มีข่าวออกมาว่าพล.อ.ประยุทธ์ขอให้คนในพรรครทสช.ใจเย็น ๆ ไม่มีครับ ไม่เป็นความจริง ท่านไม่เคยพูดประเด็นนี้เช่นกัน ท่านบอกว่าต้องให้พรรคอันดับหนึ่งจัดตั้งไป ยืนยันว่าท่านไม่เคยพูด ต้องให้ความเป็นธรรมท่านด้วย การสื่อสารแบบนี้คลาดเคลื่อน” นายธนกร กล่าว

เมื่อถามว่า หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จัดให้เลือกตั้งใหม่จะทำให้ส.ส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติมีจำนวนเพิ่มขึ้น และจับขั้วกับพรรคพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย สิ่งที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีพูดนั้น เข้าใจว่าท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ก็ให้ความเห็นว่า หากคำร้องเป็นแบบนี้ การวินิจฉัยจะกระทบแบบนี้ แต่สุดท้ายเป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย คงไม่ไปก้าวล่วง กลไกต่าง ๆ วันนี้เดินหน้าไปแล้ว ต้องรอกกต. พิจารณาไต่สวน ก่อนส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา และสุดท้ายก็อยู่ที่คำวินิจฉัยของศาลรธน. ซึ่งเชื่อว่าน่าจะยึดหลักกฏหมายและข้อเท็จจริง

เมื่อถามว่าพรรครวมไทยสร้างชาติวิเคราะห์หรือไม่ว่าจะปล่อยให้พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลแล้วสอยทีหลัง หรือจะเปลี่ยนแปลงก่อนโดยจับขั้วใหม่จัดตั้งรัฐบาล นายธนกร กล่าวว่า เราไม่วิเคราะห์ แต่เราเอาใจช่วย เพราะในระบอบประชาธิปไตยพรรคที่ได้เสียงอันดับหนึ่งต้องจัดตั้งรัฐบาล เวลาที่เหลืออยู่พล.อ.ประยุทธ์บอกแล้วว่าจะต้องทำงานให้เต็มที่จนนาทีสุดท้าย ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่ค่อยพูดเรื่องการเมือง เพราะไม่อยากก้าวล่วงและพูดให้เป็นประเด็น ต้องปล่อยให้พรรคก้าวไกลเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลไป ซึ่งตนดูแล้วก็ไม่ง่าย น่าจะเจออุปสรรคหลายอย่าง ขอเอาใจช่วย

เมื่อถามย้ำว่าหากคำวิเคราะห์ของนายวิษณุเป็นความจริงคือการเลือกตั้งโมฆะทั้งหมด หรือจะโมฆะเฉพาะพรรคก้าวไกล นายธนกร กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคตตอบไม่ได้ ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่นายวิษณุเป็นกูรูด้านกฎหมาย ท่านมีความเชี่ยวชาญ ก็ต้องดู แต่ความเห็นนั้นเป็นความเห็นส่วนตัว ก็ต้องรับฟังไว้ สุดท้ายก็ต้องอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ

ส่วนกรณีพรรคก้าวไกลประสานข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเป็นการเปลี่ยนถ่ายรัฐบาลนั้นเหมาะสมหรือไม่ นายธนากร กล่าวว่า ต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะวันนี้รัฐบาลยังอยู่ ข้าราชการอาจจะอึดอัดก็ได้ ส่วนกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุข้าราชการขอมาพบเองนั้น มันไม่ใช่ นายกรัฐมนตรีได้สอบถามจากข้าราชการ ไม่มีใครไปขอพบเลย

“พอไปดูข้อเท็จจริงพรรคก้าวไกลต่างหากที่เป็นคนไปขอพบกับหน่วยงานของราชการ เช่น อบจ. เทศบาล ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น เห็นได้ว่าสิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำมันต่างกัน ผมไม่อยากก้าวล่วงท่านหรอก แต่บางครั้งก็ต้องพูดตรงไปตรงมา เพราะประชาชนจับตาอยู่ เป็นถึงว่าที่นายกรัฐมนตรี การพูด การกระทำของท่านมันจะหมายถึงตัวตนของท่าน คิดว่าตัวท่านเองวันนี้ก็ต้องปรับตัวเหมือนกัน ถ้าท่านจะเป็นนายกฯ ที่ดีก็ต้องปรับตัว” นายธนกร กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า นายพิธาบิดเบือนใช่หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ไม่ใช่บิดเบือน แต่ข้อมูลไม่ตรงกัน พล.อ.ประยุทธ์เป็นหลักในการ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีได้ว่าเป็นอย่างไรก็ขอให้ดูพล.อ.ประยุทธ์ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ให้เกียรติทุกคน

“ที่มีหนังสือจากพรรคก้าวไกลเชิญสมาคมอบจ. แห่งประเทศไทยมาเข้าพบและพูดคุย ก็นี่ไง ก็ใช่ไงครับ ก็ก้าวไกลบอกว่าหน่วยงานราชการเชิญท่านมา แต่ กลับกลายเป็นว่าท่านเป็นคนเชิญหน่วยงานมาหารือเอง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่อยากให้พูดตรงไปตรงมา เพราะประชาชนชอบแบบตรงไปตรงมา ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ต้องดูความตรงไปตรงมาและความเหมาะสม ผมเอาใจช่วยอยู่แล้ว อยากให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล อยากเห็นนโยบาย 100 วันของท่าน มันทำได้หรือไม่อย่างไร เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาล” นายธนกร กล่าว

เมื่อถามว่า การใช้มวลชนกดดัน สร้างกระแสมีผลอะไรหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ตนไม่อยากมองอย่างนั้น แต่หลายฝ่ายมองแบบนั้น ซึ่งไม่อยากให้ไปเคลื่อนไหวกดดัน ไม่ว่าจะเป็นมวลชนหรือโซเชียลมีเดีย เพราะตอนนี้ในโซเชียลมีเดียก็เคลื่อนไหวกดดันคนที่เห็นต่าง ซึ่งตอนนี้มวลชนที่เป็นเครือข่ายของพรรคก้าวไกลก็เริ่มออกมาแล้วว่าต้องแสดงพลังหากไม่ได้ดั่งใจ คิดว่าถ้าเป็นแบบนี้บ้านเมืองก็จะเดินไปสู่ความขัดแย้งอีก ไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้ คิดว่าสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ทำมา มาไกลมากแล้ว เรามีความสงบ เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น หลายอย่างดีขึ้น สื่อมวลชนได้ใช้ชีวิตตามปกติ หากมีม็อบอะไรขึ้นมาจะไปไกลกว่านั้นอีก คิดว่ามันไม่ควร.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]