พรรคเพื่อไทย 29 พ.ค.- “นพ.ชลน่าน” เผยยังไม่พูดคุยแบ่งเค้กครม.ทางการ ชี้ ปมชิงตำแหน่งประธานสภาฯ ไม่ใช่ปัญหา แค่เห็นต่าง โทษสื่อหาว่าขัดแย้ง ขอยึดระบอบประชาธิปไตย อำนาจ 3 เสาหลักต้องแบ่งชัดเจน ย้ำก้าวไกล-เพื่อไทยยังมัดกันแน่น ด้วยเสียงเลือกตั้งของปชช.
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงการนัดหารือของพรรคร่วมรัฐบาลในวันพรุ่งนี้(30 พ.ค.) ที่พรรคประชาชาติ ว่า ยังไม่ทราบประเด็นที่จะหารือเนื่องจากพรรคก้าวไกลประสานมาทางคณะเจรจา แต่คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการกำหนดทิศทางการทำงานร่วมกันของ 8 พรรคร่วม ส่วนปัญหาต่าง ๆ ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะเรื่องของตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรเบื้องต้น ยังไม่ได้พูดคุยกัน เนื่องจากมีคณะเจรจาที่แต่ละพรรคมอบหมาย ซึ่งคณะเจรจาอาจจะพบปะพูดคุยแบบไม่เป็นทางการ ส่วนที่เป็นทางการจะคุยกันในวันพรุ่งนี้(30 พ.ค.)
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเราต้องมองในมิติของประชาธิปไตย เป็นสิทธิ์เสรีภาพที่แต่ละฝ่ายจะแสดงความเห็น แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยวางกรอบชัดเจน เราพูดคุยผ่านคณะเจรจา จึงต้องยึดจากคณะเจรจา ดังนั้น ความเห็นที่อยู่นอกเหนือคณะเจรจาจึงไม่เกี่ยวข้องกับเจรจา และเป็นประเด็นภายนอกเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะหลงประเด็น ต้องยอมรับว่าพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีความเห็นขัดแย้งกัน มีเพียงสื่อมวลชนที่เห็นว่าเป็นประเด็นขัดแย้งแล้วนำเสนอออกไป เรายืนยันว่าแบบนั้นไม่ใช่ข้อขัดแย้ง ถือเป็นความเห็นต่างตามระบอบประชาธิปไตย
“ผมพูดเสมอเลยว่าก้าวไกลกับเพื่อไทย ในวงของเราต้องมาช่วยกัน หาความเห็นร่วมในความเห็นร่วมในความเห็นต่างให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งเป็นหน้าที่ของเรา” นพ.ชลน่าน กล่าว
เมื่อถามว่า พูดคุยเรื่องการจัดสรรตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การพูดคุยอย่างเป็นทางการ ยังไม่มี ตอนนี้อยู่ในกระบวนการของ MOU แต่การทำงานร่วมกันมันปฏิเสธเรื่องของการจัดสรรตำแหน่งไม่ได้ แต่เราก็ระมัดระวังอยากให้ประชาชนมองว่า เราแบ่งงานกันทำตามภาระหน้าที่ ที่เหมาะสม ตามนโยบายของแต่ละพรรคไม่ใช่ออกไปในลักษณะแย่งงานกันทำ และวันพรุ่งนี้ ไม่น่าจะมีการพูดคุยเรื่องนี้
เมื่อถามย้ำว่าจุดยืนของพรรคเพื่อไทยยังอยากได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า คณะเจรจากำลังพูดคุยกัน ซึ่งตนในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคและมีชื่อปรากฏ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย จึงไม่อยากแสดงความคิดเห็นตอนนี้ เป็นหน้าที่ของคณะเจรจาที่จะพูดคุยกันอย่างมีเหตุผล และเคยย้ำหลายครั้งเป้าหมายของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยคือให้ความสำคัญกับอาณัติของประชาชน 25 ล้านเสียงเขามอบให้เรามา เปรียบเสมือนการมัดทั้ง 2 พรรคให้ทำงานร่วมกัน ต้องยึดตรงนั้นเป็นหลักเพราะประชาชนต้องการรัฐบาลประชาธิปไตย ยุติการสืบทอดอำนาจของอีกฝ่าย จึงมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องหลัก หากยึดหลักตรงนี้เชื่อว่า จะสามารถพูดคุยทำความเข้าใจกันได้ง่าย
“ผมมั่นใจว่ามันคลายไม่ได้ เพราะเรายึด 25 ล้านเสียงเป็นหลัก ยึดเป้าหมายฝ่ายประชาธิปไตยเป็นหลัก ตรงนี้ยากที่จะคลายจากกันได้ ไม่ต้องเอาอะไรมามัด เพราะประชาชนมัดเราอยู่แล้ว หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแตกแยกออกไป ก็จะทำให้ความหวังของพี่น้องประชาชนเสียหายไป จะปฏิเสธอำนาจที่มอบจากประชาชนไม่ได้ เพราะเราเป็นผู้รับมอบอำนาจ ต้องตรงไปตรงมาอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้าพรรคร่วมมีมติเสนอชื่อผม ก็ขึ้นอยู่กับผลการเจรจาจะมีทางออกอย่างไร ส่วนที่เสนอให้ฟรีโหวตในการเลือกประธานสภาฯ ผมมองว่าใคร ๆ ก็เสนอได้ แต่คณะเจรจาจะใช้แนวทางนี้หรือไม่ ต้องไปฟังเขาคุยกัน ปัจจัยแวดล้อมไม่เอา เพราะจะทำให้การเจรจานอกลู่นอกทาง ต้องเอาประจักษ์พยาน และความจริงที่นั่งคุยกัน” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว
เมื่อถามว่าตำแหน่งประธานสภา จะต้องนับรวมกับการเกลี่ยเก้าอี้ฝ่ายบริหารหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หากเป็นเสียงข้างมากแบบเป็น เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เราก็ยอมรับในกติกานั้น แต่การปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ต้องยึดหลักการแบ่งแยกอำนาจ ต้องมีการถ่วงดุลการแบ่งแยกอำนาจ จึงจะเรียกว่าประชาธิปไตยได้ คือฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ แต่กรณีที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็มีวิธีการคิดหลายเรื่องที่จะหาโอกาสทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคร่วมรัฐบาลที่มีเสียงใกล้เคียงกัน จึงต้องมีวิธีที่ทำให้ยอมรับซึ่งกันและกัน.-สำนักข่าวไทย