สำนักงานกกต. 25 พ.ค.-“สมหวัง” ทนายมาจากยโสธรบุกกกต.เร่งพิจารณาคุณสมบัติ “พิธา” ถือหุ้นไอทีวีก่อนประกาศรับรองผล ต้องไม่กลัวกระแสกดดัน ให้เวลาถึง 30 มิ.ย. ถ้านิ่งจะแจ้งความฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่
นายสมหวัง จำปาหอม ทนายความจากจังหวัดยโสธร ยื่นคำร้องให้กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เร่งพิจารณาคำร้องนายพิธา ลิเมเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) กรณีนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนจับตา เชื่อว่ากกต.มีข้อมูลเพียงพอที่จะวินิจฉัย และนายพิธาเองก็ยอมรับว่าถือหุ้นดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้กกต.ปล่อยให้นายพิธาถือหุ้นมาตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ทั้งที่ควรจะยื่นเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว
“ขอเทียบเคียงกับกรณีผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรีรายหนึ่งถือหุ้น บริษัท อสทม จำกัด (มหาชน) เพียง 1 หุ้น และถูกกกต.เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งภายในไม่ถึง 1 เดือนทั้งที่ไม่มีผู้ร้องเรียน ซึ่งเรื่องนี้กกต.ควรจะทำให้เกิดความเสมอภาคกับกรณีของนายพิธา แม้จะหมดวาระของสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว แต่จะมีผลต่อเรื่องเงินเดือนและผลประโยชน์ต่าง ๆ ผมจึงเดินทางมาจากจังหวัดยโสธรเพื่อขอให้กกต.เร่งพิจารณาภายในวันที่ 30 มิถุนายนนี้” นายสมหวัง กล่าว
นายสมหวัง กล่าวว่า อยากให้กกต.พิจารณาคุณสมบัติของนายพิธาให้เสร็จสิ้น ก่อนการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง หากปล่อยไว้เช่นนี้จะเกิดความเสียหายต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้ารับรองผลไปก่อน จะต้องไปร้องศาลรัฐธรรมนูญและต้องจัดเลือกตั้งใหม่จะทำให้เสียงบประมาณ แต่หากวินิจฉัยก่อนประกาศผล เพราะขาดคุณสมบัติ กกต.สามารถทำได้ตามหน้าที่ โดยกกต.ย้อนไปดูได้ว่านายพิธาเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลเมื่อใด และถือหุ้นสื่ออยู่หรือไม่ ก็จะพบว่านายพิธาขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรค ไม่สามารถเป็นส.ส.ได้ ประกอบกับทุกพรรคมีข้อบังคับพรรคเรื่องการถือหุ้นสื่ออยู่แล้ว
นายสมหวังกล่าวว่าการมายื่นคำร้องในวันนี้อยากเห็นความชัดเจน กกต.จะต้องทำหน้าที่โดยยึดความถูกต้อง กฎหมาย ไม่ใช่กระแสที่จะมากดดัน การที่ตนเดินทางมาจากจังหวัดยโสธรมายื่นเรื่อง เพราะต้องการให้เป็นข่าวเพื่อเร่งรัดการพิจารณาเรื่องนี้ให้ชัดเจน การเมืองจะได้เดินต่อไปแบบไม่มีข้อกังขา ตนไม่มีความเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้เสียใด ๆ แต่มาในฐานะประชาชน ไม่ใช่ผู้สมัครส.ส. เป็นคนธรรมดาที่ปกป้องประโยชน์แผ่นดินและอยากเห็นกฎหมาย ความถูกต้อง ไม่ใช่เอากระแสมาอยู่เหนือกฎหมาย ถ้าทำแบบนี้บ้านเมืองจะอยู่รอดหรือ
นายสมหวัง กล่าวว่า เมื่อกฎหมายเขียนไว้ต้องทำไม่เลือกหน้า ไม่ว่าจะพรรคไหนหรือใคร และเมื่อวันถึงวันที่ 30 มิถุนายน กกต.ไม่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาสถานภาพของนายพิธาในการเป็น ส.ส.สมัยแรกแล้ว ตนจะแจ้งความดำเนินคดีกับกกต.ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 หาก กกต.เห็นว่านายพิธาไม่ผิด จะเจอกับตนอีกยาวแน่ กกต.อย่าโบ้ยเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ควรรีบดำเนินการก่อนโดยไม่สนกระแสกดดัน พร้อมขอให้กำลังใจกกต.ทำหน้าที่อย่าหวั่นไหว
“คนเราบอกว่าจะเป็นนักประชาธิปไตย คุณต้องเคารพกฎหมาย เคารพสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าคุณบอกว่ากระแสประชาชนไม่ยอม นั่นคือประชาธิปไตย มันไม่ใช่ มันหมดเวลาแล้วที่เราจะเอาคนมาลงท้องถนนเพื่อกดดันต่าง ๆ นานา คุณบอกประชาธิปไตย เคารพเสียง เคารพประชาชน แต่คนที่เขาไม่เลือกคุณก็ไม่น้อย วันนี้ผมมีข้อมูลของพรรคก้าวไกล ของคุณพิธา ผมจึงมาร้อง ผมยืนยันได้มาด้วยความสุจริต มาเพื่อต้องการรักษากฎหมาย และประโยชน์ของพี่น้องประชาชน” นายสมหวัง กล่าว.-สำนักข่าวไทย