กทม. 22 พ.ค.-“พ.ต.อ.จรุงวิทย์” ยอมรับ MOU ไม่มี ม.112 ทำให้บรรยากาศ ส.ว.ไปในทิศทางดีขึ้น ระบุม็อบกดดัน ส.ว.โหวตนายกฯ ผลเสียมากกว่าผลดี
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา สมาชิกวุฒิสภา มองว่าหากบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยูของพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีประเด็นมาตรา 112 ก็จะทำให้บรรยากาศการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของสมาชิกวุฒิสภาเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามมองว่าประเด็นดังกล่าว ส.ว.ยังมีเวลาในการตัดสินใจ แต่ยอมรับท่าทีที่ยอมถอยในบางเรื่องของพรรคที่จะจัดตั้งรัฐบาล ดูดีขึ้น จากนี้ก็คงต้องรอดูเรื่องของการจัดวางรัฐมนตรี และอีกหลายอย่างประกอบกันด้วย
สำหรับปัจจัยที่ จะประกอบการตัดสินใจของตน ว่าจะโหวตหรือไม่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คือ MOU ที่มีการตกลงร่วมกันกับพรรคร่วมรัฐบาล ตลอดจนโครงสร้างเรื่องของการปรับเปลี่ยนระบบราชการ ซึ่งทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป หากหักมากเกินไปอาจจะส่งผลทำให้การบริหารงานได้สะดุด และเราไม่ต้องการจะให้เกิดการยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ เพราะสิ้นเปลืองงบประมาณมาก
เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นเลขาคณะกรรมการการเลือกตั้งมาก่อน การรับรองการเลือกตั้ง ส.ส.ภายใน 60 วันจะสามารถทำได้เร็วขึ้นหรือไม่ หรือจะมีปัญหาสิ่งใดหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ระบุว่าจากการติดตาม เชื่อว่า ขณะนี้เริ่มมีการพิจารณาแล้ว และน่าจะไม่ช้า ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาปัจจัยเรื่องร้องเรียนต่างๆ ประกอบกัน ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ยอมรับว่าดีขึ้น การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งน้อยลง
เมื่อถามว่ามีใครมาประสานขอพูดคุยเจรจาให้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายจรุงวิทย์ ยอมรับว่ามีการประสานพูดคุย และมีการพูดคุยในหลักการบ้าง ส่วนตัวยังไม่ตัดสินใจว่าจะโหวตหรือไม่โหวต เพราะยอมรับว่าในขณะนี้ความเห็นของสมาชิกวุฒิสภาแบ่งเป็นสามกลุ่ม คือกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยที่จะโหวต กลุ่มที่เห็นด้วย และกลุ่มที่กำลังพิจารณาตัดสินใจ ซึ่งกลุ่มที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจมีจำนวนมาก ย้ำว่ายังมีเวลาในการพิจารณา ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงของปลายเดือนกรกฎาคมที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวกดดันการตัดสินใจของสมาชิกวุฒิสภา นายจรุงวิทย์ มองว่าไม่เหมาะสม เพราะควรจะปล่อยให้เป็นวิถีประชาธิปไตย ให้อำนาจในการตัดสินใจของสมาชิกวุฒิสภามากกว่าการไปกดดัน ซึ่งการกดดัน อาจกลายเป็นปัจจัยที่เป็นผลลบ ต่อกลุ่มที่อยู่ระหว่าง การตัดสินใจของสมาชิกวุฒิสภาที่จะโหวตให้อาจจะเป็นตรงกันข้ามได้ ซึ่งมองว่าไม่เป็นผลดี อยากให้เป็นดุลย์พินิจส่วนตัวของบุคคลมากกว่า .- สำนักข่าวไทย