“ลุงศักดิ์-ทนายอั๋น”บุก กกต.ค้าน”พี่ศรี”สอบก้าวไกล 

กกต. 22 พ.ค. – “ลุงศักดิ์” พร้อมทนายอั๋น บุก กกต. หวังเจอ “ศรีสุวรรณ” ถามได้อะไรจากการยื่นเรื่องร้องเรียน ลั่นจะยื่นค้านทุกคำร้องสกัดก้าวไกลและ 6 พรรคการเมือง    ด้านประธานสี่เสาหลักให้กำลังใจ “พี่ศรี” ไม่ผิด ทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ลั่นพร้อมปกป้องสถาบัน


นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล หรือลุงศักดิ์ ผู้ที่เคยบุกชกนายศรีสุวรรณ จรรยา พร้อมด้วยนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ เดินทางมาเพื่อยื่นคัดค้านกรณีที่นายศรีสุวรรณ และบุคคลอื่นๆ ที่ร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. ต่อ กกต. โดยนายวีรวิชญ์ได้ถามหานายศรีสุวรรณ ว่าวันนี้จะมาหรือไม่ เพราะอยากเจอ และชอบแฟชั่นหน้ากากอนามัยรูปยักษ์ของนายศรีสุวรรณ จึงได้เตรียมหน้ากากอนามัยรูปหนุมานมาใส่ด้วย พร้อมระบุด้วยว่าวันนี้ตั้งใจมาเจอนายศรีสุวรรณให้ได้

นายวีรวิชญ์ กล่าวว่า อยากให้ประชาธิปไตยเดินหน้า เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครจะมายื่นเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้ง การยุบพรรคก้าวไกล และพรรคการเมือง 6 พรรค เพราะมองว่าเป็นการขัดขวางประชาธิปไตย ขอความอนุเคราะห์วุฒิสภา หรือ กกต. ไม่ว่าท่านจะคิดต่างอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ขอให้ยึดหลักประชามติเสียงข้างมากของประชาชน ถ้าคนรุ่นใหม่บริหารแค่ 4 ปี ขนาด 9 ปี ประชาชน 70 ล้านคน ยังรอได้ ทั้งที่อึดอัดทรมานเจ็บปวดก็ยังรอได้ ในฐานะที่เป็น ส.ว.สูงอายุก็ควรรออีก 4 ปีได้หรือไม่ เพื่อให้ประเทศนี้เดินไปสู่ประชาธิปไตย ดังนั้น จะมาทุกวัน ใครมายื่นร้องเรียนตนก็จะมายื่นคัดค้าน


นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า มายื่นคัดค้านกรณีที่นำศรีสุวรรณจรรยาและบุคคลอื่นๆ มายื่นคำร้องต่อประธาน กกต. เพื่อสอบข้อเท็จจริงนำสู่การพิจารณายุบพรรคก้าวไกล และ 6 พรรคการเมือง เช่น กรณีที่นายศรีสุวรรณ ระบุว่าพรรคก้าวไกล นัด 6 พรรคการเมือง กินข้าวกัน แล้วมองว่าเป็นการยินยอมให้บุคคลภายนอกเข้ามาร่วมประชุมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเข้าข่ายผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ให้เข้ามาครอบงำพรรคการเมือง ตนในฐานะประชาชนไม่อยากเห็นประเทศไทยไปตามครรลองที่ไม่ปกติ ไม่อยากเห็นเกมการเมืองเข้ามาทำให้ประเทศนี้ จึงมายื่นคัดค้านต่อ กกต. เชื่อว่า กกต. จะพิจารณาเรื่องเรียนของนายศรีสุวรรณและบุคคลอื่นด้วยความรอบคอบ ปราศจากการแทรกแซง ยึดหลักความเที่ยงธรรม สงบสุข และโปรดระงับเรื่องราวร้องเรียนทั้งหลาย โดยคำนึงถึงประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ซึ่งตอนนี้เสียหายหนักมาก เมื่อมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาจะทำให้เกิดการชะงัก ดังนั้น ไม่ว่าจะมาร้องที่ กกต. หรือไปร้องที่ไหน ตนจะยื่นเรื่องคัดค้านไปที่นั่น เพราะเรื่องที่ร้องไร้สาระ และทำให้เกิดความแตกแยก ตนไม่อยากเห็นลุงศักดิ์คนที่ 2 คนที่ 3 อีก ทั้งนี้ ตนเห็นต่างจากนายศรีสุวรรณ ลุงศักดิ์ก็เห็นตาม แต่ใช้วิธีการต่างกับตน 

“ตนอยากเจอนายศรีสวรรณเพื่อสอบถามว่าท่านได้ประโยชน์อะไรจากการมาร้องเรียน  ถ้าเห็นว่ามีคนกระทำผิด ทำไมไม่ใช้กระบวนการแจ้งความ หรือเพราะกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีกลับฐานแจ้งความเท็จ เหมือนเป็นการหากินกับความขัดแย้ง ดังนั้น ขอให้มีการตรวจสอบคุณสมบัตินายศรีสุวรรณ ว่าเป็นทนายความหรือไม่ ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ตนก็โผล่ขึ้นมา อยากถามว่าคนอะไรจะยอมโดนคนต่อย ยอมโดนคนประณาม สาปแช่ง เขาได้อะไรจากพฤติกรรมเหล่านั้น เมื่อไรจะหยุด ตนไม่ได้ถามหาความรุนแรง ไม่ต้องถามเหตุผลว่าทำไมลุงศักดิ์ หรือลุงทศพลไปชกหน้านายศรีสุวรรณ เพราะตราบใดที่นายศรีสุวรรณยังมีพฤติกรรมแบบนั้น ตนไม่ได้อยากเห็นความรุนแรง แต่ต้นตอปัญหาอยู่ที่นายศรีสุวรรณมาทำอะไร ต้องการอะไรกับประเทศนี้ หรือมีใครสั่งมา รับรองไม่มีความรุนแรง แค่อยากถาม” นายภัทรพงศ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ลุงศักดิ์และทนายอั๋น ให้สัมภาษณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว และระหว่างรอนายศรีสุวรรณอยู่นั้น นายธิติ ชัยนาม ประธานโครงการสี่เสาหลัก ก็ได้เดินทางมาเพื่อให้กำลังใจนายศรีสุวรรณ โดยระบุว่า เพราะมองว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ไม่ควรถูกละเมิด ความเห็นต่างไม่ใช่เรื่องผิด เสียงข้างมากก็ควรต้องเคารพเสียงข้างน้อย ความคิดต่างของนายศรีสุวรรณจึงไม่ใช่เรื่องผิด ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้เกิดความรุนแรง การที่มีผู้มาคัดค้านการมาแสดงความเห็นของนายศรีสุวรรณนั้น ตนมองว่าปากอ้างหลักการประชาธิปไตย แต่นิสัยเป็นเผด็จการ เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ตนเป็นทายาทของเสรีไทยสายตรง ลุงคือนายดิเรก ชัยนาม ที่ผ่านมาเราเคลื่อนไหวในเรื่องการปกป้องสถาบัน ซึ่งในอนาคตจะดูว่ามีความเคลื่อนไหวที่เป็นภัยต่อความมั่นคง หรือการละเมิดต่อประมวลกฎหมายมาตรา 112 หรือไม่ มีการใช้มวลชนในการกดดันสถาบันหรือไม่ หากมีการกดมากๆ ก็พร้อมออกมาเคลื่อนไหว มองว่าปัญหาของประชาธิปไตยไม่ได้อยู่ที่สถาบัน แต่อยู่ที่วิวัฒนาการพรรคการเมือง ถ้าไม่มีเงื่อนไขการคอร์รัปชัน ไม่มีการโกงกิน ตนเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น แต่การไปเคลมว่าเป็นความผิดสถาบันนั้น เป็นเพราะคุณลำเอียง วันนี้ถ้าไม่มีสถาบัน  แล้วไปยึดคนคนเดียวที่สร้างภาพด้วยแนวคิดฝรั่งมังค่า แล้วขึ้นมาปกครองประเทศ แล้วจุดสมดุลของประเทศจะอยู่อย่างไร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายศรีสุวรรณทราบข่าวว่าลุงศักดิ์มาดักรอก็ได้เลื่อนกำหนดการยื่นหนังสือต่อ กกต. ออกไป เพื่อป้องกันความปลอดภัย และไม่อยากให้เกิดเรื่อง จากนั้นในเวลา 11.40 น. ลุงศักดิ์และทนายอั๋นได้ตัดสินใจไม่รอนายศรีสุวรรณและเดินทางกลับ.- สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง