กว่า 3 ล้านชี้ ส.ว.ควรโหวตนายกฯ เสียงข้างมาก

ธรรมศาสตร์ 18 พ.ค. – เครือข่ายนักวิชาการเสียงประชาชน เผยผลสำรวจกว่า 3 ล้าน เห็นด้วย ส.ว. เคารพเสียงประชาชน โหวตนายกฯ จากเสียงข้างมาก แนะถ้าจะมานั่งเฉยๆ ไม่ลงมติ ให้ลาออกไปดีกว่า


เครือข่ายนักวิชาการเสียงประชาชน นำโดยนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล นักวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นายวันวิชิต บุญโปร่ง มหาวิทยาลัยรังสิต นายโอฬาร ถิ่นบางเตียว มหาวิทยาลัยบูรพา และนายธนพร ศรียากูล สมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมแถลงในนามเครือข่ายนักวิชาการเสียงประชาชน ที่คณะนิติศาสตร์ มหาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

นายปริญญา กล่าวว่า ผลโหวตเสียงประชาชนและข้อเสนอแนะต่อการจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกรัฐมนตรีที่เครือข่ายนักวิชาการเสียงประชาชนจาก 10 มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกับสื่อมวลชน 10 สำนักโหวต “เสียงประชาชน” ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 15 พฤษภาคม ถึงเวลา 12.00 น. ของวันนี้ (18 พ.ค.) เครือข่ายนักวิชาการเสียงประชาชนจึงขอแถลงผลการโหวต พร้อมกับข้อเสนอแนะต่อการจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกรัฐมนตรีตามระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ดังต่อไปนี้ 1.ผลการโหวตเสียงประชาชน : คำถามคือ “ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่ ส.ว. ควรเคารพเสียงประชาชน โดยโหวตเลือกนากยกรัฐมนตรีตามเสียงข้างมากของ ส.ส.” โดยมีการโหวตทั้งสิ้น 3,487,313 ครั้ง เห็นด้วย 85% และไม่เห็นด้วย 15%


นายปริญญา กล่าวว่า การโหวตเสียงประชาชนครั้งนี้ โดยหลักการคือการเปิดให้ประชาชนไม่ว่าฝ่ายใดได้ออกเสียงในประเด็นที่จะต้องตัดสินใจ โดยผู้มีอำนาจหน้าที่ คือการออกเสียงประชามติตามหลักการของ “ประชาธิปไตยโดยตรง” ปัจจุบันเราสามารถทำได้สะดวก ไม่สิ้นเปลือง และรู้ผลโดยรวดเร็ว ซึ่งรัฐบาลที่จะตั้งขึ้นมาบริหารประเทศนับจากนี้ไปควรพิจารณานำไปพัฒนาต่อไปในการให้ประชาชนเจ้าของประเทศได้มีส่วนร่วมตัดสินใจในเรื่องราวต่างๆ ให้มากขึ้นและบ่อยขึ้น 2.ข้อเสนอแนะต่อ ส.ส : การโหวตเสียงประชาชนที่ทำมาทั้ง 3 ครั้ง มีเป้าหมายประการเดียว คือ ให้ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจในเรื่องสาธารณะของประเทศได้รับฟังเสียงของประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศและเจ้าของงบประมาณของประเทศ

“สำหรับการโหวตเสียงประชาชนในครั้งนี้ ประเด็นคือเรื่องของการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของ ส.ว. ทั้งนี้ เนื่องจาก ส.ว. มีอำนาจเท่ากับ ส.ส. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และได้เงินเดือนและค่าตอบแทนเท่ากับ ส.ส. แต่ไม่ได้ถูกเลือกมาจากประชาชน และไม่ได้มีสัญญาประชาคมกับประชาชนว่าจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี ดังเช่น ส.ส. ที่ได้กระทำในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ดังนั้น ส.ว.จึงต้องฟัง “เสียงประชาชน” ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และไม่ควรทุ่มเถียงหรือเกี่ยงงอนกับประชาชน หรือบอกประชาชนไม่ให้กดดัน เพราะตำแหน่ง ส.ว. ไม่ได้ทำหน้าที่แบบให้เปล่า แต่มีเงินเดือนและค่าตอบแทนจากภาษีอากรของประชาชน และการเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ใช่บุคคล หรือกิจการส่วนตัวของ ส.ว. แต่เป็นเรื่องส่วนรวมที่ประชาชนเจ้าของประเทศย่อมมีได้ ในวิถีทางภายใต้กฎหมายและวิธีการที่เหมาะสมด้วย” นายปริญญา กล่าว

นายปริญญา กล่าวว่า 3.การจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกรัฐมนตรีตามระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา : ระบบรัฐสภาคือการให้ประชาชนเลือกนายกรัฐมนตรีผ่านการเลือก ส.ส. และพรรคการเมือง พรรคใดได้เสียงข้างมากย่อมได้จัดตั้งรัฐบาล เพราะได้ฉันทานุมัติมาจากประชาชนจากการเลือกตั้ง ในกรณีที่ไม่มีพรรคใดได้ ส.ส.เกินครึ่ง ก็ต้องตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคอื่นที่มีแนวนโยบายไปในทางเดียวกัน โดยพรรคที่ได้ ส.ส.มากที่สุดจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล การตั้งรัฐบาลผสมซึ่งเป็นกรณีปกติของระบบรัฐสภา สิ่งที่พรรคที่จัดตั้งรัฐบาลพึงกระทำไมใช่เพียงแค่ตกลงหรือต่อรองกันในเรื่องการจัดสรรหรือแบ่งกระทรวง แต่ต้องเป็นการตกลงกันในเรื่องนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน นโยบายที่เหมือนกันก็นำมาเป็นนโยบายรัฐบาล นโยบายที่แตกต่างก็ต้องตกลงกันว่าจะปรับเข้าหากันให้เป็นนโยบายรัฐบาลได้อย่างไร หากมีนโยบายใดตกลงกันไม่ใด้ก็ให้ไปหารือกันในสภาต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีนโยบายที่ห็นต่างกันมากหรืออาจจะสร้างความขัดแย้งแตกแยกได้มาก ก็อาจจะให้สร้างพื้นที่และเวทีในการหารือร่วมกันของสังคมก่อนดำเนินการ


นายปริญญา กล่าวว่า 4 .”การหาเสียงครั้งที่สอง” ของพรรคที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล : การหาเสียงกับประชาชนได้แล้ว โดยปรากฏเป็นผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยพรรคฝ่ายค้านเดิมหรือที่เรียกว่า “พรรคฝ่ายประชาธิปไตย” ได้เสียงข้างมากรวมกันเกิน 300 เสียง โดยพรรคก้าวไกลที่ได้เสียงอันดับหนึ่ง เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจากจำนวนเสียง 313 เสียงในขณะนี้นั้นมากเพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดให้ ส.ว.ชุดแรกเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับ ส.ส. ทำให้จำนวนเสียงที่ต้องใช้ในการเป็นนายกรัฐมนตรีต้องมากกว่ากึ่งหนึ่งของทั้งสองสภาซึ่งก็คือ 376 เสียง ซึ่งยังขาดอีก 63 เสียง จึงจะเป็นรัฐบาลได้

“จากนี้ไปอีกประมาณ 60 วัน ที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จึงถือได้ว่าเป็น “การหาเสียงครั้งที่สอง” พรรคที่กำลังจะเป็นรัฐบาลจะต้องไปหาเสียงต่อกับผู้เลือกนายกรัฐมนตรี ขณะนี้มี 313 เสียงแล้ว จึงขาดอีก 63 เสียง ซึ่งสามารถหาเสียงหรือขอเสียงได้ทั้งจาก ส.ส.ที่เหลือ และ ส.ว.อีก 250 คน โดยใช้นโยบายที่ตกลงกันได้ตามข้อ 3 เป็น “นโยบายว่าที่รัฐบาล” ไปหาเสียงว่าเป็นรัฐบาลแล้วจะทำอะไร ส่วนจะหาเสียงอย่างไรก็เป็นเรื่องวิธีการของพรรคที่กำลังจัดตั้งรัฐบาล 5.บทบาทหน้าที่ กกต : ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนมีความรู้สึกคลางแคลงใจต่อการทำหน้าที่ของ กกต. ยิ่งกว่าการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา กกต. จึงต้องยิ่งแสดงออกในการทำหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกรัฐมนตรี กกต. ต้องประกาศผลการเลือกตั้งและรับรอง ส.ส. ให้คนเชื่อมั่นได้ในความเที่ยงธรรม คือเป็นไปโดยไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกับพรรคหนึ่งพรรคใด” นายปริญญา กล่าว

นายปริญญา กล่าวว่า สำหรับเรื่องคุณสมบัติต่างๆ ของผู้สมัคร ส.ส. นั้น หากมีผู้สมัครคนใดมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนหรือมีคุณสมบัติต้องห้าม กกต. ควรต้องประกาศว่าขาดคุณสมบัติมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง หากเลือกตั้งเสร็จแล้วค่อยประกาศว่าขาดคุณสมบัติ ย่อมเป็นความบกพร่องของ กกต. และย่อมถูกมองได้ว่าอาจมีเจตนาให้คุณให้โทษกับผู้หนึ่งผู้ใด หรือพรรคหนึ่งพรรคใดได้ สิ่งที่ กกต. พึงกระทำคือหากมิใช่กรณีการทุจริตหรือคดโกงการเลือกตั้งแล้ว กกต. ควรต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้งให้เป็น ส.ส. และหากผู้ใดมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ หรือต้องตีความ ก็ควรให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญต่อไป ไม่พึงตัดสินเองในเรื่องที่เป็นอำนาจฝ่ายตุลาการ เพราะจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอย่างมากมาย

ด้านนายพิชาย เห็นว่า กกต. ต้องเร่งทำงานด้วยความโปร่งใส รวดเร็ว รับรองผลการเลือกตั้ง เพื่อให้การเมืองเกิดความชัดเจน เพราะหากล่าช้าจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ เช่น การสะท้อนของตลาดหุ้นในปัจจุบัน ส่วนบทบาทของ ส.ว. อยากให้ตระหนักถึงประเทศและช่วยประคับประครอง ด้วยการสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคที่รวบรวมเสียงได้ เพื่อให้ครรลองประชาธิปไตยที่กำลังเกิดขึ้นได้เดินหน้าต่อ หาก ส.ว. ประกาศปิดสวิตช์แล้วจะใช้วิธีมานั่งเฉยๆ ไม่โหวตลงคะแนน ขอแนะนำว่าหากจะใช้วิธีนี้ ให้ ส.ว.ท่านนั้นปิดสวิตช์ด้วยการลาออกดีกว่า

ขณะที่นายโอฬาร กล่าวว่า เพื่อให้ประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปได้ จึงเห็นว่า ส.ว. ไม่ควรกังวลการตัดสินใจของประชาชน เพราะแม้เลือกนายกรัฐมนตรีไปแล้ว ส.ว. ก็ยังทำหน้าที่ต่อ และสามารถตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลได้ จึงอยากให้ช่วยกันนำฟืนออกจากกองไฟ

“เราเคยเห็นพฤษภาทมิฬ ประวัติศาสตร์ได้บอกไว้แล้วว่าถ้าไม่ทำตามเจตจำนงของประชาชน ท่ามกลางความคุกรุ่นของแรงกดดันที่มีความตื่นตัวทางการเมืองที่เห็นเด่นชัดตั้งแต่การเลือกตั้ง แสดงว่าประชาชนเฝ้าติดตามให้ ส.ว. ทำตามเจตจำนง ส.ว. จึงต้องตระหนักและกลับไปพิจารณาบทเรียนทั้งหมด” นายโอฬาร กล่าว

ส่วนนายธนพร กล่าวว่า สังคมทำสำเร็จแล้ว 2 เรื่อง คือการจัดรัฐบาล ตามลำดับเสียงส.ส. และการปิดสวิตช์การตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ขณะนี้บรรยากาศดีที่พรรคเคยเป็นฝ่ายค้านสามารถปรับบทบาทมารวบรวมเสียง แสวงหาความร่วมมือในการรวบรวมเสียง และเห็นด้วยที่ทราบข่าวว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะไปพบและหารือกับสมาชิกวุฒิสภา อีกทั้งกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเกี่ยวกับกฎหมายการอุ้มหายว่ารัฐบาลเองต้องแสดงความรับผิดชอบด้วย ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่แทรกเข้ามา

ด้านนายวันวิชิต กล่าวว่า การที่ประชาชน 3 ล้านคนที่ร่วมโหวตเป็นการสะท้อนว่าสังคมกำลังเดินหน้าไปสู่สังคมของพลเมืองมีส่วนร่วม หรือการเมืองภาคประชาชนกำลังเริ่มเกิดและเข้มแข็งขึ้น เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของวุฒิสมาชิกใน 1 ปีสุดท้ายที่จะช่วยประคับประคองและร่วมตรวจสอบรัฐบาล ทั้งนี้ ในช่วงท้าย นายปริญญาตอบคำถามสื่อมวลชนในประเด็นการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ซึ่งหาก กกต. จะพิจารณา ควรส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญ และ กกต. ควรดำเนินการเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งเท่านั้น ทั้งนี้ ในทางกฎหมายไม่ได้ระบุว่าหัวหน้าพรรคต้องเป็น ส.ส. ดังนั้น การเซ็นรับรองคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. ของนายพิธา จึงไม่เกี่ยวข้องกับสถานะความเป็น ส.ส. ของนายพิธา ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ พรรคร่วมรัฐบาลต้องช่วยหาเสียงสนับสนุนด้วย เพราะชัยชนะครั้งนี้ไม่ใช่ของพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่เป็นชัยชนะของพรรคการเมืองในฝั่งประชาธิปไตย.-สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

อดีตนายกฯ โพสต์พร้อมทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน-ตรวจสอบรัฐบาล

กรุงเทพ 5 ก.ย.- “แพทองธาร” ระบุ จากวันนี้เพื่อไทยทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล บอก ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมขอบคุณผู้สนับสนุน จะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานของพรรคเพื่อไทย เราผ่านสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทั้งช่วงเวลาแห่งความสุข และช่วงเวลาที่ต้องแบกรับความยากลำบากร่วมกัน แต่สิ่งที่เราไม่เคยละวาง คือความหวัง โอกาส และอนาคตที่ดีกว่าของประชาชน จากวันนี้ เราจะทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รักษาระบบรัฐสภาให้เดินหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตย เราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่นี้ แต่เราจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ขอบคุณกำลังใจและการสนับสนุนจากทุกท่าน เราทราบดีว่า การเดินทางร่วมกับพรรคเพื่อไทยจนถึงวันนี้ ต้องใช้ความเข้มแข็งและอดทนถึงเพียงไหน เราจะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน .-316 -สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกฯ

รัฐสภา 5 ก.ย.- “อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เดินทางไปเยี่ยม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ภายหลังได้รับการโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ด้วยคะแนน 311 เสียง ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล นายอนุทินได้ก้มกราบที่ตักพ่อ พร้อมสวมกอดระหว่างที่พ่อกำลังรับประทานอาหารเย็น ทั้งคู่มีสีหน้ายิ้มแย้ม สดใส ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอนุทินจะเดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ในเวลา 20.00 น. ของวันนี้.-315 -สำนักข่าวไทย

เริ่มลงตัว! เปิดโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” แบ่งโควตาคนนอก 5 เก้าอี้

กทม.5 ก.ย.- เช็กโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” เริ่มลงตัว “ภูมิใจไทย” 12 เก้าอี้ แบ่งโควตาคนนอกอีก 5 เก้าอี้ มีชื่อ “เศรษฐพุฒิ” อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ นั่งขุนคลัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี​ จากสภาผู้แทนราษฎร ความเคลื่อนไหวการจัดตั้ง “ครม.อนุทิน 1” ก็ขยับทันที​ โดยมีการจัดสรรโควตาตามจำนวนเสียงที่ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเสียง​ข้างน้อย​ ร่วมกัน​ 146 ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย​ 12 เก้าอี้ เนื่องจากมีโควตาของคนนอก ที่จะไม่นับรวม อีก 5 เก้าอี้​ ส่วนพรรคกล้าธรรม 7 เก้าอี้ แบ่งเป็น 4 รัฐมนตรีว่าการ​ และ 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการ ขณะที่​ พรรคพลังประชารัฐ​ 4​ เก้าอี้ กลุ่มนายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ 4 […]

เพื่อไทยโพสต์พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน

กรุงเทพฯ 5 ก.ย.- พรรคเพื่อไทย พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ขอบคุณทุกแรงใจ ระบุ นโยบายหลายเรื่องค้างไว้ รอวันกลับมาสานต่อ ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติ 311 เสียง เห็นชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ว่า “พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตามครรลองของรัฐสภา ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย ขอขอบคุณทุกแรงใจ นโยบายหลายเรื่องที่ยังค้างไว้ เราจะรอวันกลับมาสานต่อให้สำเร็จ เพื่อคนไทยทุกคน…ตลอดไป” .-316 -สำนักข่าวไทย