กว่า 3 ล้านชี้ ส.ว.ควรโหวตนายกฯ เสียงข้างมาก

ธรรมศาสตร์ 18 พ.ค. – เครือข่ายนักวิชาการเสียงประชาชน เผยผลสำรวจกว่า 3 ล้าน เห็นด้วย ส.ว. เคารพเสียงประชาชน โหวตนายกฯ จากเสียงข้างมาก แนะถ้าจะมานั่งเฉยๆ ไม่ลงมติ ให้ลาออกไปดีกว่า


เครือข่ายนักวิชาการเสียงประชาชน นำโดยนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล นักวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นายวันวิชิต บุญโปร่ง มหาวิทยาลัยรังสิต นายโอฬาร ถิ่นบางเตียว มหาวิทยาลัยบูรพา และนายธนพร ศรียากูล สมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมแถลงในนามเครือข่ายนักวิชาการเสียงประชาชน ที่คณะนิติศาสตร์ มหาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

นายปริญญา กล่าวว่า ผลโหวตเสียงประชาชนและข้อเสนอแนะต่อการจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกรัฐมนตรีที่เครือข่ายนักวิชาการเสียงประชาชนจาก 10 มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกับสื่อมวลชน 10 สำนักโหวต “เสียงประชาชน” ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 15 พฤษภาคม ถึงเวลา 12.00 น. ของวันนี้ (18 พ.ค.) เครือข่ายนักวิชาการเสียงประชาชนจึงขอแถลงผลการโหวต พร้อมกับข้อเสนอแนะต่อการจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกรัฐมนตรีตามระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ดังต่อไปนี้ 1.ผลการโหวตเสียงประชาชน : คำถามคือ “ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่ ส.ว. ควรเคารพเสียงประชาชน โดยโหวตเลือกนากยกรัฐมนตรีตามเสียงข้างมากของ ส.ส.” โดยมีการโหวตทั้งสิ้น 3,487,313 ครั้ง เห็นด้วย 85% และไม่เห็นด้วย 15%


นายปริญญา กล่าวว่า การโหวตเสียงประชาชนครั้งนี้ โดยหลักการคือการเปิดให้ประชาชนไม่ว่าฝ่ายใดได้ออกเสียงในประเด็นที่จะต้องตัดสินใจ โดยผู้มีอำนาจหน้าที่ คือการออกเสียงประชามติตามหลักการของ “ประชาธิปไตยโดยตรง” ปัจจุบันเราสามารถทำได้สะดวก ไม่สิ้นเปลือง และรู้ผลโดยรวดเร็ว ซึ่งรัฐบาลที่จะตั้งขึ้นมาบริหารประเทศนับจากนี้ไปควรพิจารณานำไปพัฒนาต่อไปในการให้ประชาชนเจ้าของประเทศได้มีส่วนร่วมตัดสินใจในเรื่องราวต่างๆ ให้มากขึ้นและบ่อยขึ้น 2.ข้อเสนอแนะต่อ ส.ส : การโหวตเสียงประชาชนที่ทำมาทั้ง 3 ครั้ง มีเป้าหมายประการเดียว คือ ให้ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจในเรื่องสาธารณะของประเทศได้รับฟังเสียงของประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศและเจ้าของงบประมาณของประเทศ

“สำหรับการโหวตเสียงประชาชนในครั้งนี้ ประเด็นคือเรื่องของการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของ ส.ว. ทั้งนี้ เนื่องจาก ส.ว. มีอำนาจเท่ากับ ส.ส. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และได้เงินเดือนและค่าตอบแทนเท่ากับ ส.ส. แต่ไม่ได้ถูกเลือกมาจากประชาชน และไม่ได้มีสัญญาประชาคมกับประชาชนว่าจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี ดังเช่น ส.ส. ที่ได้กระทำในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ดังนั้น ส.ว.จึงต้องฟัง “เสียงประชาชน” ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และไม่ควรทุ่มเถียงหรือเกี่ยงงอนกับประชาชน หรือบอกประชาชนไม่ให้กดดัน เพราะตำแหน่ง ส.ว. ไม่ได้ทำหน้าที่แบบให้เปล่า แต่มีเงินเดือนและค่าตอบแทนจากภาษีอากรของประชาชน และการเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ใช่บุคคล หรือกิจการส่วนตัวของ ส.ว. แต่เป็นเรื่องส่วนรวมที่ประชาชนเจ้าของประเทศย่อมมีได้ ในวิถีทางภายใต้กฎหมายและวิธีการที่เหมาะสมด้วย” นายปริญญา กล่าว

นายปริญญา กล่าวว่า 3.การจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกรัฐมนตรีตามระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา : ระบบรัฐสภาคือการให้ประชาชนเลือกนายกรัฐมนตรีผ่านการเลือก ส.ส. และพรรคการเมือง พรรคใดได้เสียงข้างมากย่อมได้จัดตั้งรัฐบาล เพราะได้ฉันทานุมัติมาจากประชาชนจากการเลือกตั้ง ในกรณีที่ไม่มีพรรคใดได้ ส.ส.เกินครึ่ง ก็ต้องตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคอื่นที่มีแนวนโยบายไปในทางเดียวกัน โดยพรรคที่ได้ ส.ส.มากที่สุดจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล การตั้งรัฐบาลผสมซึ่งเป็นกรณีปกติของระบบรัฐสภา สิ่งที่พรรคที่จัดตั้งรัฐบาลพึงกระทำไมใช่เพียงแค่ตกลงหรือต่อรองกันในเรื่องการจัดสรรหรือแบ่งกระทรวง แต่ต้องเป็นการตกลงกันในเรื่องนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน นโยบายที่เหมือนกันก็นำมาเป็นนโยบายรัฐบาล นโยบายที่แตกต่างก็ต้องตกลงกันว่าจะปรับเข้าหากันให้เป็นนโยบายรัฐบาลได้อย่างไร หากมีนโยบายใดตกลงกันไม่ใด้ก็ให้ไปหารือกันในสภาต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีนโยบายที่ห็นต่างกันมากหรืออาจจะสร้างความขัดแย้งแตกแยกได้มาก ก็อาจจะให้สร้างพื้นที่และเวทีในการหารือร่วมกันของสังคมก่อนดำเนินการ


นายปริญญา กล่าวว่า 4 .”การหาเสียงครั้งที่สอง” ของพรรคที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล : การหาเสียงกับประชาชนได้แล้ว โดยปรากฏเป็นผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยพรรคฝ่ายค้านเดิมหรือที่เรียกว่า “พรรคฝ่ายประชาธิปไตย” ได้เสียงข้างมากรวมกันเกิน 300 เสียง โดยพรรคก้าวไกลที่ได้เสียงอันดับหนึ่ง เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจากจำนวนเสียง 313 เสียงในขณะนี้นั้นมากเพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดให้ ส.ว.ชุดแรกเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับ ส.ส. ทำให้จำนวนเสียงที่ต้องใช้ในการเป็นนายกรัฐมนตรีต้องมากกว่ากึ่งหนึ่งของทั้งสองสภาซึ่งก็คือ 376 เสียง ซึ่งยังขาดอีก 63 เสียง จึงจะเป็นรัฐบาลได้

“จากนี้ไปอีกประมาณ 60 วัน ที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จึงถือได้ว่าเป็น “การหาเสียงครั้งที่สอง” พรรคที่กำลังจะเป็นรัฐบาลจะต้องไปหาเสียงต่อกับผู้เลือกนายกรัฐมนตรี ขณะนี้มี 313 เสียงแล้ว จึงขาดอีก 63 เสียง ซึ่งสามารถหาเสียงหรือขอเสียงได้ทั้งจาก ส.ส.ที่เหลือ และ ส.ว.อีก 250 คน โดยใช้นโยบายที่ตกลงกันได้ตามข้อ 3 เป็น “นโยบายว่าที่รัฐบาล” ไปหาเสียงว่าเป็นรัฐบาลแล้วจะทำอะไร ส่วนจะหาเสียงอย่างไรก็เป็นเรื่องวิธีการของพรรคที่กำลังจัดตั้งรัฐบาล 5.บทบาทหน้าที่ กกต : ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนมีความรู้สึกคลางแคลงใจต่อการทำหน้าที่ของ กกต. ยิ่งกว่าการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา กกต. จึงต้องยิ่งแสดงออกในการทำหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกรัฐมนตรี กกต. ต้องประกาศผลการเลือกตั้งและรับรอง ส.ส. ให้คนเชื่อมั่นได้ในความเที่ยงธรรม คือเป็นไปโดยไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกับพรรคหนึ่งพรรคใด” นายปริญญา กล่าว

นายปริญญา กล่าวว่า สำหรับเรื่องคุณสมบัติต่างๆ ของผู้สมัคร ส.ส. นั้น หากมีผู้สมัครคนใดมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนหรือมีคุณสมบัติต้องห้าม กกต. ควรต้องประกาศว่าขาดคุณสมบัติมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง หากเลือกตั้งเสร็จแล้วค่อยประกาศว่าขาดคุณสมบัติ ย่อมเป็นความบกพร่องของ กกต. และย่อมถูกมองได้ว่าอาจมีเจตนาให้คุณให้โทษกับผู้หนึ่งผู้ใด หรือพรรคหนึ่งพรรคใดได้ สิ่งที่ กกต. พึงกระทำคือหากมิใช่กรณีการทุจริตหรือคดโกงการเลือกตั้งแล้ว กกต. ควรต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้งให้เป็น ส.ส. และหากผู้ใดมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ หรือต้องตีความ ก็ควรให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญต่อไป ไม่พึงตัดสินเองในเรื่องที่เป็นอำนาจฝ่ายตุลาการ เพราะจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอย่างมากมาย

ด้านนายพิชาย เห็นว่า กกต. ต้องเร่งทำงานด้วยความโปร่งใส รวดเร็ว รับรองผลการเลือกตั้ง เพื่อให้การเมืองเกิดความชัดเจน เพราะหากล่าช้าจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ เช่น การสะท้อนของตลาดหุ้นในปัจจุบัน ส่วนบทบาทของ ส.ว. อยากให้ตระหนักถึงประเทศและช่วยประคับประครอง ด้วยการสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคที่รวบรวมเสียงได้ เพื่อให้ครรลองประชาธิปไตยที่กำลังเกิดขึ้นได้เดินหน้าต่อ หาก ส.ว. ประกาศปิดสวิตช์แล้วจะใช้วิธีมานั่งเฉยๆ ไม่โหวตลงคะแนน ขอแนะนำว่าหากจะใช้วิธีนี้ ให้ ส.ว.ท่านนั้นปิดสวิตช์ด้วยการลาออกดีกว่า

ขณะที่นายโอฬาร กล่าวว่า เพื่อให้ประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปได้ จึงเห็นว่า ส.ว. ไม่ควรกังวลการตัดสินใจของประชาชน เพราะแม้เลือกนายกรัฐมนตรีไปแล้ว ส.ว. ก็ยังทำหน้าที่ต่อ และสามารถตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลได้ จึงอยากให้ช่วยกันนำฟืนออกจากกองไฟ

“เราเคยเห็นพฤษภาทมิฬ ประวัติศาสตร์ได้บอกไว้แล้วว่าถ้าไม่ทำตามเจตจำนงของประชาชน ท่ามกลางความคุกรุ่นของแรงกดดันที่มีความตื่นตัวทางการเมืองที่เห็นเด่นชัดตั้งแต่การเลือกตั้ง แสดงว่าประชาชนเฝ้าติดตามให้ ส.ว. ทำตามเจตจำนง ส.ว. จึงต้องตระหนักและกลับไปพิจารณาบทเรียนทั้งหมด” นายโอฬาร กล่าว

ส่วนนายธนพร กล่าวว่า สังคมทำสำเร็จแล้ว 2 เรื่อง คือการจัดรัฐบาล ตามลำดับเสียงส.ส. และการปิดสวิตช์การตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ขณะนี้บรรยากาศดีที่พรรคเคยเป็นฝ่ายค้านสามารถปรับบทบาทมารวบรวมเสียง แสวงหาความร่วมมือในการรวบรวมเสียง และเห็นด้วยที่ทราบข่าวว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะไปพบและหารือกับสมาชิกวุฒิสภา อีกทั้งกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเกี่ยวกับกฎหมายการอุ้มหายว่ารัฐบาลเองต้องแสดงความรับผิดชอบด้วย ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่แทรกเข้ามา

ด้านนายวันวิชิต กล่าวว่า การที่ประชาชน 3 ล้านคนที่ร่วมโหวตเป็นการสะท้อนว่าสังคมกำลังเดินหน้าไปสู่สังคมของพลเมืองมีส่วนร่วม หรือการเมืองภาคประชาชนกำลังเริ่มเกิดและเข้มแข็งขึ้น เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของวุฒิสมาชิกใน 1 ปีสุดท้ายที่จะช่วยประคับประคองและร่วมตรวจสอบรัฐบาล ทั้งนี้ ในช่วงท้าย นายปริญญาตอบคำถามสื่อมวลชนในประเด็นการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ซึ่งหาก กกต. จะพิจารณา ควรส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญ และ กกต. ควรดำเนินการเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งเท่านั้น ทั้งนี้ ในทางกฎหมายไม่ได้ระบุว่าหัวหน้าพรรคต้องเป็น ส.ส. ดังนั้น การเซ็นรับรองคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. ของนายพิธา จึงไม่เกี่ยวข้องกับสถานะความเป็น ส.ส. ของนายพิธา ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ พรรคร่วมรัฐบาลต้องช่วยหาเสียงสนับสนุนด้วย เพราะชัยชนะครั้งนี้ไม่ใช่ของพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่เป็นชัยชนะของพรรคการเมืองในฝั่งประชาธิปไตย.-สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากทุกตำแหน่ง

15 พ.ค.- เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากหน้าที่ทุกตำแหน่ง เหตุถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามในหนังสือ คำสั่งถอดถอนพระสังมาธิการ พระธรรมวชิรานุวัตร พักจากตำแหน่งหน้าที่ทุกตำแหน่ง ทั้งเจ้าคณะภาค 14 และ เจ้าอาวาสวัดไร่ชิงพระอารามหลวง หลังจากทราบเรื่องว่าถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา จึงได้อาศัยอำนาจตามความในข้อ 56 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2553) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังมาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคุณะสูงณ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเดิมโดยพระราชบัญญัติคณะสงน์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ให้เหตุผลว่า ถ้าจะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างการสอบสวนจะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมสึก คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

15 พ.ค.- เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมลาสิกขาด้วยตัวเอง หลังถูกเค้นสอบนานกว่า 8 ชม. เบื้องต้นยอมให้การแล้ว คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ช่วงหนึ่งของการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อุ้มพระพุทธรูป ปางสมาธิองค์สีดำ ถือเข้าไปไปยังห้องสอบสวนที่สอบปากคำพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม เจ้าคณะภาค 14 สังเกตพบว่ามีการนำพระพุทธรูปวางไว้บนโต๊ะบริเวณด้านหน้าของ พระธรรมวชิรานุวัตร โดยมีรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า พระธรรมวชิรานุวัตร ยอมทำพิธีลาสิกขาบทด้วยตัวเอง แต่ยังไม่เริ่มพิธีเนื่องจากรอชุดเสื้อผ้าเปลี่ยนหลังทำพิธีลาสิกขาบทแล้วเสร็จ ส่วนการสอบปากคำ เบื้องต้นทางพระธรรมวชิรานุวัตร ยอมให้การกับพนักงานสอบสวนแล้ว และให้การไปในทิศทางที่ดี ซึ่งปรากฏว่าทางพระธรรมวชิรานุวัตร ได้โอนเงินไปให้กับผู้ต้องหาที่ 2 เป็นจำนวนเงินหลักร้อยล้านบาท ในช่วงปี 2564 ซึ่งข้อมูลนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำหาข้อเท็จจริง ว่ามีการทำธุรกรรมด้วยสาเหตุใด แต่พบบางส่วนเข้าไปพัวพันกับเว็บการพนัน .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตัดทุเรียนโชว์

นายกฯ ลงพื้นที่เมืองจันท์ ตัดทุเรียนโชว์ พบชาวสวนผลไม้ รับฟังปัญหาราคาผลผลิตแกว่ง

จันทบุรี 17 พ.ค.- นายกฯ ลงพื้นที่ จ.จันทบุรี ตัดทุเรียนโชว์ พบชาวสวนผลไม้ รับฟังปัญหาราคาผลผลิตแกว่ง ไม่ได้มาตรฐาน ขอช่วยแก้ลดเวลาสินค้าตกค้าง-แก้ปมแรงงาน ด้าน สส.ประชาชน เสนอปัญหา ด้านนายกฯ ลั่นรัฐบาลเร่งอำนวยความสะดวกเอกสารส่งออก-ลดเวลาตรวจหน้าด่าน น.ส.แพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางสาวจิราพร​ สินธุไพร​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์​ นายอิทธิ​ ศิริลัทยากร และนายอัครา​ พรหมเผ่า​ รัฐมนตรีช่วย​ว่าการ​กระทรวง​เกษตรและสหกรณ์​ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาเรื่องต้นทุนการผลิตและผลผลิต จากเกษตรกรชาวสวนผลไม้และผู้ประกอบการรับซื้อผลไม้ในพื้นที่ภาคตะวันออก รวมถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ ณ สวนรักตะวัน ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรียังเข้าร่วมชมการไลฟ์ขายทุเรียนของเกษตรกรรุ่นใหม่ Young Smart Farmer นอกจากนี้ยังมี สส.ในพื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ซึ่งเป็น สส. จากพรรคประชาชน เดินทางมารอนายกรัฐมนตรี เพื่อจะร่วมสะท้อนปัญหาของเกษตรกรในพื้นที่ให้กับนายกรัฐมนตรี โดยมีนางสาวญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี […]

“ชี้จุด-ทำแผน” ฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพหมกสวนปาล์ม

ตรัง 17 พ.ค.- คุมตัว 4 ผู้ต้องหาคดีฆ่าเผานั่งยาง ชี้จุดเกิดเหตุพร้อมทำแผนฯ ที่สวนปาล์มน้ำมัน หลังเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเพียง 6 วันตามรวบยกทีม เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเพียง 6 วันสามารถรวบผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตรัง ครบทั้ง 4 คนในคดีฆ่าฝังและเผานั่งยาง รวม 4 ศพ ล่าสุดช่วงเช้าของวันนี้ เจ้าหน้าที่คุมตัวทั้งหมดไปชี้จุดเกิดเหตุและทำแผนฯ ที่สวนปลามน้ำมัน ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนถูกควบคุมตัวไปชี้จุดเกิดเหตุและทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณสวนปาล์มน้ำมัน บนเนื้อที่ 170 ไร่ ในตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ประกอบด้วย นายศุภกรณ์ หรือบิน หัวหน้าแก๊ง นายจรณชัย หรือแต้ม นายปิยะศักดิ์ หรือแจ๊ค และนายรพีพันธ์ หรือเถือก ทั้งหมดถูกตั้งหลายข้อหา อาทิ “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย ร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายฯ, ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ฯลฯ”โดย มี พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ […]

ยักยอกเงินวัด

โกงผ่านวัด… อุดช่องโหว่คอร์รัปชัน

17 พ.ค.- อีกประเด็นสำคัญที่ต้องกวาดล้างปราบปรามอย่างจริงจัง คือ การทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรัง เกิดขึ้นแทบทุกวงการ ไม่เว้นวัด หลายปีที่ผ่านมา คดี “เงินทอนวัด” หรือการทุจริตเงินอุดหนุนวัด สะเทือนวงการสงฆ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วันนี้ จะไปพูดคุยเรื่องนี้ กับ ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) .-สำนักข่าวไทย

ฝากขังทิดแย้ม

ฝากขัง-ค้านประกัน “ทิดแย้ม” และพวก ยักยอกเงินวัดไร่ขิง

17 พ.ค.- ตำรวจควบคุมตัว “อดีตเจ้าคุณแย้ม” พร้อมพวกอีก 2 คน ไปขออำนาจศาลฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว คดียักยอกเงินวัดเล่นพนันออนไลน์ เมื่อเวลา 10.39 น. พนักงานสอบสวน ควบคุมตัว “อดีตเจ้าคุณแย้ม” และหญิงคนสนิทออกจากห้องควบคุม ขึ้นรถตู้ นำตัวไปฝากขัง ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ย่านตลิ่งชัน โดยทั้ง 2 มีท่าทีนิ่งเฉย ไม่ตอบคำถามและให้สัมภาษณ์ใดๆ เมื่อทางผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าเงินจำนวนดังกล่าวนั้นได้นำไปเล่นการพนันหรือไม่ และเงินจำนวนทั้งหมดเป็นเงินของวัดหรือไม่ “อดีตเจ้าคุณแย้ม” ยกมือแสดงสัญลักษณ์ปฏิเสธไม่ขอพูด และไม่ขอตอบคำถามใดๆ พร้อมกับเดินอย่างสงบนิ่งขึ้นรถตู้ออกจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ขณะที่การสอบปากคำทั้งคู่ ยังคงให้การภาคเสธ ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้คัดค้านการประกันตัว ทั้ง 2 เนื่องจากเป็นคดีเจ้าหน้าที่รัฐ กระทำการทุจริต มูลค่าความเสียหาย จำนวนมาก อีกทั้งหากได้รับการประกันตัวหวั่นผู้ต้องหายุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและหลบหนีคดี ซึ่งยากต่อการติดตามตัวกลับมาดำเนินคดีในภายหลัง อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ทนายความพร้อมกับลูกศิษย์ เตรียมคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ยื่นขอประกันตัว “อดีตเจ้าคุณแย้ม” เช่นเดียวกับหญิงคนสนิททางญาติก็เตรียมคำร้องพร้อมกับหลักทรัพย์ยื่นขอประกันตัวเช่นเดียวกัน .-สำนักข่าวไทย