“พปชร.” ชวนคนไทยเข้าคูหาเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้

อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 13 พ.ค.- ทีมขุนพลพปชร. ร่วมคาราวานรถหาเสียงชวนคนไทยเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ ใช้เหตุผลตัดสินก่อนใช้สิทธิ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง


13 พ.ค. 2566 เวลา 09.00 น. อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จุดกระจายรถหาเสียง โดยมีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมกทม. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล และ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ที่ปรึกษาคณะกรรมการฝ่ายจัดทำนโยบาย ขึ้นขบวนรถแห่ เพื่อให้กำลังใจผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศพร้อมเชิญชวนพี่น้องประชาชนเข้าคูหาเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ในของรณรงค์หาเสียงของการเลือกตั้งครั้งนี้ อยากตั้งข้อสังเกตให้กับพี่น้องประชาชน ที่ไปใช้สิทธิก่อนกาบัตรเลือกตั้งครั้งนี้ นับว่ามีความสำคัญที่จะนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า หากจะไปเลือกพรรคที่จะนำไปการสร้างความขัดแย้ง จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เสียโอกาสและน่าเสียดายที่จะพัฒนาประเทศ หรือต้องหยุดการพัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะขณะนี้เศรษฐกิจของประเทศ การท่องเที่ยวกำลังเติบโตไปได้ด้วยดี หากเกิดความรุนแรง หรือนำนโยบายที่ขัดกับความรู้สึก ความเชื่อหรือความศรัทธาของประชาชน อาจนำไปสู่ความวุ่นวายทางการเมืองได้


สิ่งสำคัญที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค อยากให้พี่น้องประชาชนเข้าใจ ถ้าไม่มีเรา ก็จะทำให้ปัญหาตามมามากมาย และไม่มีนโยบายที่จะช่วยเหลือประชาชน หรืออาจจะทำให้เกิดความขัดแย้ง ขอให้ประชาชนเลือกพรรคพลังประชารัฐ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง กาเบอร์ 37

นายสกลธี กล่าวว่า ในวันนี้จะเป็นการรวมตัว และ กระจายไปในจุดต่างๆ ของกรรมการทุกคนเพื่อไปช่วยผู้สมัครในแต่ละเขต ซึ่งเรามั่นใจทั้งตัวบุคคล และพรรค เพราะเชื่อมั่นว่า ตัวผู้สมัครไม่เป็นรองใคร แม้ว่าในสนามกรุงเทพต้องอาศัยกระแสเป็นส่วนสำคัญ โดยในส่วนของผู้สมัครทุกคนได้ลงพื้นที่อย่างเต็มที่อยู่แล้ว ส่วนที่เหลือเป็นหน้าที่ของพี่น้องประชาชน ในวันพรุ่งนี้ที่จะเข้าคูหาและก็เลือกเบอร์ 37

“การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญ ต่อผลของการเลือกตั้งว่าเราเลือกอะไร และได้อะไร ผู้สมัครพปชร.ทุกคนพูดมาแล้วว่าเลือกพรรคพลังประชารัฐ เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ซึ่งอยากให้ทุกคนใช้เหตุผลว่าเลือกแล้วจะได้อะไรกลับมา”


ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า พรรคได้ทำงานอย่างเต็มที่ จึงขอฝากพี่น้องประชาชน ให้โอกาสกับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้พปชร. เข้ามาทำหน้าที่รับใช้ชาว กทม.อีกครั้ง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”