“บิ๊กป้อม” ขอโอกาสทำภารกิจสุดท้ายของชีวิต สร้างความเจริญให้ประเทศ

กรุงเทพฯ 12 พ.ค. – “พล.อ.ประวิตร” นำทัพพลังประชารัฐปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ขอโอกาสทำภารกิจสุดท้ายของชีวิต สร้างความเจริญให้ประเทศ ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน


เวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายของพรรคพลังประชารัฐ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยใช้อาคารกีฬาเวสน์ 2 ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ที่จุคนได้กว่า 3,000 คน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 กองร้อย คอยรักษาความสงบเรียบร้อย มีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศให้ความสนใจมาติดตามการปราศรัยวันนี้เป็นจำนวนมาก

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มาพร้อมกับบรรดาผู้บริหารพรรค ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง กทม. และต่างจังหวัด รวมถึงสมาชิกพรรคและกลุ่มแฟนคลับลุงป้อม เดินทางมารวมพลังโค้งสุดท้ายในวันนี้


เวทีเริ่มตั้งแต่เวลา 14.30 น. ปราศรัยเปิดเวทีโดยนายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ระบุเหตุผลที่คนรุ่นใหม่เลือกมาทำงานกับ พล.อ.ประวิตร เพราะตลอด 20 ปีที่ผ่านมา การเมืองไทยในทุกระดับติดหล่มความขัดแย้ง การหาเสียงยังเห็นความรุนแรงจากความเห็นต่างอยู่เสมอ มีแกนนำบางพรรคพูดว่าถ้าได้รับเลือกตั้งถล่มทลาย ถ้ามีการใช้กฎหมายทำให้โดนถอดถอน บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ อยากเตือนสติว่าไม่ว่าคุณจะได้รับเลือกตั้งแบบถล่มทลายมากแค่ไหนก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรก็ได้ จะใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายได้ ยืนยันพรรคไม่ใช่การจับทุกขั้ว เส้นที่ก้าวข้ามไม่ได้คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ดังนั้น หากพรรคใดไม่รับจุดนี้ก็ยอมรับไม่ได้ และประเทศไม่ใช่ของเล่น ต้องไม่เอาผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ คอยสร้างความเกลียดชัง ไม่มีเวลาให้ครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งที่เห็นประเทศเป็นห้างสรรพสินค้า สลับสับเปลี่ยนให้คนในครอบครัวมาเล่นการเมือง

นายวราเทพ รัตนากร คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ขึ้นเวทีปราศรัย ระบุว่า การที่ผู้แทนที่อยู่กับพลังประชารัฐไม่ย้ายไปไหน เพราะพรรคนี้ไม่มีนายทุน นายใหญ่ หรือครูใหญ่ แต่มีหัวใจที่เรียกว่าใจบันดาลแรง วาทกรรมเดียวที่มีคือก้าวข้ามใความขัดแย้ง คนที่ย้ายพรรคออกไปต่างโทรกลับมาปรับทุกข์ว่าถูกหลอก ซึ่งผู้ที่ย้ายไปหากได้รับชัยชนะจะได้โอกาสกลับมาพลังประชารัฐแน่นอน เพราะลุงป้อมเป็นคนใจดี ยืนยันผู้ที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีคือ พล.อ.ประวิตร

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมืองพรรค ขึ้นเวทีส่งสัญญาณ พล.อ.ประวิตร เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเคยอยู่เบื้องหลังในหลายรัฐบาล มีการทำนายหลังเลือกตั้งจะวุ่นวาย จะตั้งรัฐบาลไม่ได้ อารมณ์ความขัดแย้งเริ่มกลับมา หากเลือกพลังประชารัฐจะไม่เกิดปัญหานั้น


ปิดท้ายด้วยไฮไลท์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เดินเข้าห้องประชุมสนามกีฬาเวสน์ โดยการนำของผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศ ท่ามกลางเสียงเชียร์ตะโกนนายกฯ ลุงป้อม ตลอดทางเดิน

พล.อ.ประวิตร ขึ้นปราศรัยบนเวทีด้วยความฮึกเหิม เสียงดังฟังชัด กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการปราศรัยครั้งสุดท้าย ก่อนโค้งสุดท้ายวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ทำภารกิจสุดท้ายของชีวิตที่จะตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศไทยที่ผ่านมาของการเป็นฝ่ายรัฐบาล สามารถพูดคุยกับทุกคน รับฟังความเห็นต่างได้จากทุกฝ่าย แต่ไม่มีอคติ ทุกนโยบายที่รับปากกับประชาชนจะทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีจะทำทันที โดยให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นว่าทำได้

วันนี้เป็นวันสำคัญ เพราะเป็นการปราศรัยครั้งสุดท้ายก่อนจะมีการเลือกตั้ง พร้อมย้ำว่าทุกนโยบายที่หาเสียง “ตนขอสัญญาว่าจะทำให้สำเร็จ ตนไม่มีภาระ ไม่มีธุรกิจ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง มีเพียงภารกิจเดียวสุดท้าย คือตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน สร้างความเจริญให้ประเทศไทย”

8 ปีในการเป็นรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐ ตนสามารถพูดคุยทุกคน รับฟังความเห็นต่างทุกฝ่าย ไม่มีอคติใดๆ และตลอดชีวิตตนมีหน้าที่ปกป้องประเทศจากศัตรูในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะความมั่นคงต่อสถาบันหลักของชาติ วันนี้ตนได้เห็นแล้วว่าประเทศของเรายังมีปัญหาอีกมาก โดยเฉพาะปากท้องและความยากจน ไปจนถึงต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง ตนและพรรคพลังประชารัฐมุ่งมั่นจะเอาชนะปัญหาของประชาชนให้ได้ พร้อมขอเสียงประชาชนที่ฟังปราศรัยว่ารับรองไหมว่าเราจะไปด้วยกัน ไปด้วยกันนะ

หลังการปราศรัย พล.อ.ประวิตร ถ่ายเซลฟี่ร่วมกับผู้สนับสนุน และถ่ายภาพร่วมกับแฟนคลับที่มาให้กำลังใจ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย