เชียงใหม่ 10 พ.ค. – “เศรษฐา” นำทีมเพื่อไทย จัดปราศรัยโค้งสุดท้าย ที่ประตูท่าแพ แลนด์มาร์กเชียงใหม่ ย้ำนโยบายเศรษฐกิจแก้ปัญหาปากท้อง ขอแลนด์สไลด์เชียงใหม่เปลี่ยนแปลงทันที ยันไม่จับมือ “ลุงตู่-ลุงป้อม” มั่นใจได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน
นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นำทีมเพื่อไทย ปราศรัยโค้งสุดท้าย ที่ประตูท่าแพ แลนด์มาร์กของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีบรรดาผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทั้ง 10 เขตในจังหวัดเชียงใหม่ นำโดยนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 1 พรรคเพื่อไทย ขึ้นปราศรัยเป็นคนแรก ย้ำว่า เชียงใหม่คือเพื่อไทย เพื่อไทยคือเชียงใหม่ ที่นี่ไม่ใช่ที่ฝึกงานของใคร ต้องอาศัยพรรคการเมืองใหญ่ที่สามารถทำงานได้จริงอย่างพรรคเพื่อไทย ที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในอดีตที่ผ่านมา ขอโอกาสเลือกเพื่อไทย แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน
จากนั้น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 พรรคเพื่อไทย ปราศรัยเรื่องค่าแรงขั้นต่ำและการเติมเงินดิจิทัลคนละหมื่น สร้างรายได้ให้ประชาชน และ น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครเขต 3 พรรคเพื่อไทย ปราศรัยเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ แก้ไขเรื่องการลิดรอนสิทธิเสรีภาพและการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำพรรค กล่าวปราศรัยว่า คนที่ประชาชนอยากให้กลับบ้านมากที่สุด ทีแรกคิดว่าเป็นนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อกลับมาแก้ปัญหาประเทศ แต่เพิ่งรู้ไม่นานว่า นายกรัฐมนตรีที่ประชาชนอยากให้กลับบ้านมากที่สุด คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้กลับบ้านไปเลย ไม่ต้องกลับมาอีก และพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเดียวที่กล้าพูดว่าจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ ขอให้ประชาชนช่วยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วย เพราะนี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของประชาชน ต้องชนะน็อกเท่านั้น ไม่อย่างนั้นประเทศอาจถอยหลังและเดินช้ากว่าที่เป็นอยู่
เวลา 19.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เดินทางมาในวันนี้ เนื่องจากเพิ่งคลอดบุตร แต่ได้ซูมมายังเวทีปราศรัยแทน โดยอ้อนขอคะแนนชาวเชียงใหม่ ขอโอกาสให้เพื่อไทยแลนด์สไลด์ทั่วเชียงใหม่
จากนั้น นายเศรษฐา กล่าวปราศรัยย้ำนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน หลังเผชิญวิกฤติทางเศรษฐกิจมา 9 ปี พร้อมยืนยันว่า คำว่ารักชาติไม่ได้เกิดจากทหารเพียงฝ่ายเดียว ทุกคนก็รักชาติ วันนี้ตั้งใจเข้ามาทำหน้าที่เพื่อประชาชน แม้เป็นนักธุรกิจมา 30 กว่าปี แต่กล้าก้าวเข้ามาเพื่อเปลี่ยนแปลง และไม่กลัวทหารหรือการรัฐประหารแน่นอน ขอทำทุกอย่างที่เชื่อมโยงกับประชาชน และมั่นใจว่าจะสามารถโน้มน้าวข้าราชการดีๆ ให้ตอบสนองนโยบายพรรคเพื่อประชาชน จึงขอโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ย้ำไม่จับมือกับพรรคของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะรับไม่ได้กับการทำรัฐประหารที่ผ่านมา และมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน พร้อมทิ้งท้ายว่า ประเทศไทยอยู่ในช่วงโคม่า ไม่มีเวลาสำหรับมือใหม่. – สำนักข่าวไทย