พท.มั่นใจกวาดเชียงใหม่ทั้งจังหวัด

เชียงใหม่ 10 พ.ค.- “เศรษฐา” ลั่นกวาด ส.ส.เชียงใหม่ ยกจังหวัด ไม่หวั่น ก้าวไกล แย่งแต้มในบางพื้นที่  มั่นใจจะเป็นพรรคที่ได้เสียงมากสุด ยอมรับเห็นใจ “ทักษิณ” อยากกลับบ้าน ย้ำไม่เกี่ยวกับพรรค


นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ของพรรคเพื่อไทย ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ว่า ตนคิดว่ามีการแข่งขันสูงตลอดในทุกพื้นที่ แต่พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าจะได้ ส.ส.เชียงใหม่ ยกจังหวัด ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลจะแย่ง ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยในหลายพื้นที่นั้น คิดว่าคงไม่ใช่แค่พรรคก้าวไกล เพราะมีหลายพรรคการเมืองด้วยเหมือนกัน ยืนยันพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับ จ.เชียงใหม่ เพราะขนทีมงานกันมาเต็มทีม

เมื่อถามว่า กังวลกระแสของพรรคก้าวไกลในช่วงโค้งสุดท้ายหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียงส่วนมากอยู่


ส่วนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าจะกลับมาประเทศไทย จะส่งผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า นายทักษิณ เป็นทั้งคุณพ่อ คุณตา ซึ่งตนเห็นใจที่นายทักษิณไม่ได้กลับมาประเทศไทยเลยในช่วง 17 ปีที่ผ่านมา อายุก็มาก นายทักษิณพูดชัดเจนว่า ถ้าเดินทางกลับมาก็จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางกฎหมาย รวมทั้งการกลับมาไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย

“สิ่งที่ท่านประกาศกลับมาเป็นช่วงที่รัฐบาลปัจจุบันยังรักษาการอยู่ ดังนั้น คงไม่เกี่ยวอะไรกับพรรคเพื่อไทย ผมพูดในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ก็เห็นใจท่าน และข้อความที่ท่านทวีตนั้นไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ส่วนที่จะถูกมองว่าเป็นการเรียกคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทย ผมไม่มีความเห็น” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทักท้วงนายเศรษฐาว่ายังไม่มีตัวเลข ส.ส. แต่พูดถึงการจองเก้าอี้รัฐมนตรีในบางกระทรวงแล้ว ว่า ต้องขอความเป็นธรรมด้วย เพราะหลายพรรคการเมืองก็บอกว่าถัาได้เป็นรัฐบาลจะเอากระทรวงอะไร ตอนที่ตนพูดเรื่องกระทรวงก็พูดกับสหกรณ์แท็กซี่ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับกระทรวงคมนาคม ทางพี่น้องแท็กซี่ได้บอกปัญหาที่หมักหมมมาก ซึ่งก็เกิดจากรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน


“ในฐานะผมเป็นแคนดิเดตนายกฯ และพูดโดยตรงกับสหกรณ์แท็กซี่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีความชำนาญในการบริหารกระทรวงคมนาคมอยู่แล้ว โดยตนไม่ได้ประกาศจะยึดกระทรวง แต่มีคำถามว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาลก็อย่าไปยกกระทรวงให้คนอื่น ซึ่งก็ใช่ และไม่ได้เป็นการไม่ให้เกียรติพี่น้องประชาชน ต้องขอความเป็นธรรมให้กับผมด้วย แน่นอนว่าผลการเลือกตั้งต้องมาก่อน แล้วต้องรอการประกาศผลจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วย” นายเศรษฐา กล่าว

ส่วนกรณีนายอนุทิน ดิสเครดิตคนบางคนว่าไม่ได้มีอำนาจจริง นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนมีความเข้าใจในการเมืองดีว่า พื้นฐานการเล่นการเมือง เราเข้ามาทำเพื่อพี่น้องประชาชน คนที่มีอำนาจจริงๆ คือพี่น้องประชาชน ที่นายอนุทินพูดก็จริงว่าตนไม่มีอำนาจจริง เพราะอำนาจจริงอยู่ที่พี่น้องประชาชน.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง