ผู้สมัคร ส.ส. บุก “รวมไทยสร้างชาติ” ทวงถามสัญญา

พรรครวมไทยสร้างชาติ 9พ.ค.- “ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข” นำผู้สมัครบุกที่ทำการพรรค รทสช. อ้างไม่ดูแล ไม่รักษาสัญญา หาเสียงยาก หัวหน้าพรรคไม่คุย เลขาพรรคฯ ไม่อ่านไลน์ โอดไม่เคยเจอการเมืองแบบนี้ ด้าน “เสธ.หิ” บอกเป็นนักการเมืองต้องพร้อม เพราะเสนอตัวมารับใช้ประชาชน พรรคไร้ทุน เพราะยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องชาติ รับใช้ประชาชน


นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดเลย นำทีมผู้สมัคร ส.ส. อีสานและเหนือ เกือบ 10 คน เดินทางมาที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซอยอารีย์ เพื่อร้องเรียนพรรคที่ไม่ดูแล โดยเฉพาะนายเอกนัฏ พร้อมพันธ์ เลขาธิการพรรค ที่ไม่ทำตามที่สัญญากันไว้

นายปรีชา ระบุว่า อยากให้พรรคให้ความเป็นธรรมกับผู้สมัครในหลายจังหวัด เช่น เลย กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ที่มอบให้มาเป็นตัวแทนภาคเหนือและภาคอีสาน ภาคกลางบางส่วน ให้ชี้แจงประชาชนได้รับทราบว่าผู้สมัครเหล่านี้มีความตั้งใจและปรารถนาดีจะไปรับใช้ประชาชน แต่การติดต่อประสานงานกับพรรคไม่ได้รับความเป็นธรรมกับพวกตนเลย พรรคบอกว่าจะดูแลตามกฎหมายเลือกตั้ง แต่ผู้สมัครบางคนน่าสงสารต่อสู้มา แม้แต่เงินค่าน้ำมันค่าป้ายโฆษณาก็ไม่มี สุดท้ายถูกพรรคลอยแพ ไม่ได้รับการดูแลเหลียวแลค่าใช้จ่ายเหล่านี้ และหลายคนไม่กล้ามาเพราะใจไม่ถึง จึงเป็นตัวแทนมาที่พรรค และยืนยันว่ายังคงเดินหน้าทางการเมืองต่อ ยังสู้ เพียงแต่สิ่งที่รับปากกับประชาชนไว้ไม่สามารถทำได้ จึงขอโทษประชาชนด้วย


นายปรีชา กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคดูแลนิดหน่อย แต่ยังไม่ถึงตามที่กฎหมายเลือกตั้งกำหนดไว้

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาได้ประสานไว้ก่อนหรือไม่ ทำไมช่องทางการสื่อสารถึงถูกตัดไป นายปรีชากล่าวว่า หัวหน้าพรรคยังไม่เคยคุยกับเราเลย เลขาธิการพรรคส่งไลน์ไปก็ไม่อ่าน หมายความว่าอย่างไร เวลาที่บอกว่าจะมาแถลงข่าวก็บอกว่าไม่ต้องมา ยืนยันวันนี้ (9 พ.ค.) มาด้วยความอึดอัดใจ แต่ไม่ได้ต้องการทำลายใคร

เมื่อถามว่า การออกมาในช่วงโค้งสุดท้ายจะส่งผลเสียต่อพรรคหรือไม่นั้น นายปรีชา กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนที่จะรู้ดีว่าพวกตนลงพื้นที่อย่างไร ส่วนตัวเป็นนักการเมืองเป็นอดีตรัฐมนตรี 2 กระทรวง ในชีวิตการเมืองไม่เคยเจอการเมืองแบบนี้ และถ้าสัญญาณที่ส่งไปวันนี้ผู้ใหญ่ของพรรคยังคงนิ่งเฉย ก็ไม่สนใจแล้ว เพราะสนใจแต่พี่น้องประชาชน


“อยากส่งกระแสจิตให้ผู้ใหญ่ของพรรคทราบ อาจหูบอด หรือไม่ได้ยิน ยืนยันพวกเราไม่ได้มาทำลาย แต่มาด้วยใจหลายคนไม่กล้ามาแต่พวกผมเดนตายไม่กลัวแล้ว ทุกอย่างโกหกคนอื่นได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้” นายปรีชา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายปรีชากำลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน นายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ. หิ เดินผ่าเข้ากลางวงแล้วบอกว่า ขออนุญาตในฐานะตัวแทนผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ขอสอบถามถึงข้อเรียกร้องที่จะมายื่น แต่นายปรีชาบอกว่าไม่มี

จากนั้นนายหิมาลัย ชี้แจงว่า พรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคการเมืองซึ่งเป็นที่รวบรวมคนที่มีอุดมการณ์มีแนวคิดทางการเมืองเดียวกัน เพื่อให้นำนโยบายไปบอกประชาชนและในการทำพรคด้วยความโปร่งใสยุติธรรม ผู้บริหารของพรรค แต่ละคนมีชื่อเสียงของเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ พรรคไม่สามารถหาเงินนอกระบบหรือจากกลุ่มทุนใดๆ ได้ เพื่อให้พรรคมีความเป็นอิสระในการทำงานรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง จึงอาจทำให้ไม่สะดวกหรือไม่เป็นไปในแนวทางที่ท่านต้องการ และจะนำข้อเรียกร้องในวันนี้เรียนผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคทราบต่อไป

นายหิมาลัย ย้ำว่า ในการทำการเมืองนั้น พรรคการเมืองใดตามมีนโยบายและอุดมการณ์ที่ชัดเจน และถ้าจะเป็นผู้แทนก็ควรจะพร้อมในทุกด้านถึงจะมาสมัครเป็นผู้แทน เนื่องจากหากจะไปรับใช้ประชาชนแล้วไม่มีความพร้อม จะยิ่งเป็นภาระให้ประชาชน ส่วนพรรคการเมืองก็ไม่ใช่สถาบันการเงิน ดังนั้นการดูแลทางด้านการเงินอาจไม่ครบถ้วน การมาร่วมงานกับพรรคควรจะศึกษาอุดมการณ์และนโยบายว่าเข้ากับความคิดของท่านหรือไม่

“ถ้าเข้าก็มาร่วมได้ ส่วนด้านอื่นนั้นเราต้องการทำพรรคอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม และโปร่งใส อยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและกรรมการการเลือกตั้ง เราจึงไม่มีงบในการใช้จ่ายอะไรนอกเหนือจากกติกา เพราะพรรคมีอุดมการณ์และอุดมคติ ปกป้องสถาบันและรับใช้ชาติและประชาชน ที่ไม่ต้องใช้งบประมาณมากมายจึงขอเน้นย้ำผู้ที่ต้องการเล่นการเมืองทุกท่านต้องพร้อมจริงๆ ถึงจะมาเล่นการเมือง เพราะถ้าเล่นการเมืองคือการเสียสละเพื่อให้ประชาชน การเล่นการเมืองคือการเสนอตัวมารับใช้ประชาชนไม่เป็นภาระให้ประชาชน” นายหิมาลัย กล่าว

เมื่อถามว่า การออกมาในช่วงนี้จะส่งผลต่อพรรคหรือไม่ นายหิมาลัย บอกว่าทุกคนมีสิทธิในการนำเสนอต่างๆ

ด้านนายสมชอบ นิติพจน์ ผู้สมัคร ส.ส. นครพนม เขต 4 ยืนยันไม่ได้มาเรียกร้องอะไรจากพรรค เพียงแต่จะมาบอกว่าหลายยุทธศาสตร์ที่วางเอาไว้ไม่เป็นไปตามข้อตกลง เช่นการเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปปราศรัยที่ภาคอีสานจังหวัดนครพนม ไม่ได้รับการตอบรับจากพรรคจนถึงทุกวันนี้ เมื่อกระบวนการหาเสียงไม่ครบจึงเกิดความไม่มั่นใจว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน จึงอยากออกมาขอโทษว่าไม่สามารถทำได้ครบตามกระบวนการหาเสียงหากประชาชนยังรักก็ขอให้เลือกพรรคและผู้สมัครของพรรคเพื่อนำนโยบายที่ดีไปปฏิบัติ และส่วนตนขอยุติการหาเสียงในเขตไปก่อน

ขณะที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่พรรค ได้กระจายกำลังยืนบริเวณหน้าที่ทำการพรรคเพื่อดูแลความเรียบร้อย ซึ่งหลังจากให้สัมภาษณ์สื่อต่างก็แยกย้ายกลับ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง