ทำเนียบฯ 2 พ.ค.-โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ขอบคุณทุกภาคส่วนและมิตรประเทศของไทยที่มีส่วนร่วมทำให้ภารกิจอพยพคนไทยสำเร็จเสร็จสิ้น พร้อมย้ำขอให้คนไทยที่พำนักในต่างประเทศลงทะเบียน เพื่อรับข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ และร่วมกันดูแลชุมชนไทยในต่างประเทศต่อไป
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมปฏิบัติภารกิจการอพยพคนไทย ณ สาธารณรัฐซูดาน (ปฏิบัติการนภารักไทย) สำเร็จเสร็จสิ้น เมื่อวานนี้ (1 พฤษภาคม 2566) จากสถานการณ์ความไม่สงบในสาธารณรัฐซูดาน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งการกำชับให้ปฏิบัติภารกิจอย่างใกล้ชิด โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยของทุกฝ่ายเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้เริ่มปฏิบัติการอพยพคนไทยชุดแรก จำนวน 78 คน กลับถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2566 โดยมีนายกรัฐมนตรีรอให้การต้อนรับ ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ในขณะที่ชุดที่ 2 เดินทางถึงเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2566 จำนวน 135 คน และชุดสุดท้าย จำนวน 5 คน เดินทางถึงประเทศไทย วานนี้ (1 พฤษภาคม 2566) รวมคนไทยและครอบครัวที่มีความประสงค์เดินทางกลับประเทศทั้งสิ้น 218 คน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้สำเร็จเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ด้วยความร่วมมือ และการบูรณาการการทำงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยดูแล และส่งคนไทยและครอบครัวกลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัย โดยเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย ทุกคนได้รับบริการตรวจสุขภาพจากกระทรวงสาธารณสุข การอำนวยความสะดวกด้านการตรวจเอกสารการเดินทาง โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง การตรวจสอบสิทธิและการให้คำแนะนำด้านต่าง ๆ โดยกระทรวงแรงงาน และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงการจัดรถบริการไปยังที่พัก โดยกระทรวงคมนาคม ซึ่งนักศึกษาที่เดินทางกลับจากซูดานได้รับการดูแลจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ด้วยเช่นกัน
“นายกรัฐมนตรีติดตามปฏิบัติการนำคนไทยกลับบ้านอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด พร้อมขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับการทำงานร่วมกัน เพื่อดูแลและส่งคนไทยและครอบครัวกลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัย รวมถึงมิตรประเทศที่ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จนสามารถปฏิบัติการดังกล่าวได้จนสำเร็จเสร็จสิ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมย้ำให้คนไทยที่พำนักในต่างประเทศลงทะเบียนกับสถานทูต สถานกงสุลใหญ่ และติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ เพื่อจะได้รับการแจ้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพื่อร่วมกันดูแลชุมชนไทยในต่างประเทศต่อไป” นายอนุชา กล่าว.-สำนักข่าวไทย