รัฐบาลเร่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กระตุ้นเศรษฐกิจ

กทม. 1 พ.ค.- โฆษกรัฐบาลเผย รัฐบาลเร่งเดินหน้าพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และดึงเม็ดเงินเข้าประเทศ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมให้กับประเทศได้อย่างยั่งยืน


นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลดำเนินนโยบายพัฒนาแรงงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสจากการแข่งขัน และดึงเม็ดเงินเข้าประเทศ โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ดำเนินการทำงานที่สนับสนุน พัฒนา ฝึกฝน และดูแลแรงงานไทย ซึ่งถือเป็นทรัพยากรมนุษย์หลักของประเทศที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมให้กับประเทศได้อย่างยั่งยืน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลายประเทศกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นความท้าทายเกี่ยวกับโครงสร้างประชากรที่มีผลสำคัญทางสังคมและเศรษฐกิจที่ทุกประเทศจะต้องมีแผนรองรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปัญหา “ขาดแคลนแรงงาน” ทั้งนี้ ประเทศญี่ปุ่นซึ่งถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุจำนวนมาก ในช่วงหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงเป็นโอกาสของแรงงานไทยที่จะไปทำงานในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไทยตั้งเป้าส่งออกแรงงานในปีงบประมาณ 2566 จำนวน 50,000 คน โดยในปี 2565-2566 ไทยสามารถส่งออกแรงงานไทยไปต่างประเทศได้กว่า 1 แสนคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 299,077 ล้านบาท


โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลกรมการจัดหางาน ประเทศญี่ปุ่นต้องการแรงงานไทยเป็นแรงงานในระบบฝึกงาน (ทำงานปกติ) แรงงานทักษะฝีมือ และแรงงานทักษะเฉพาะ โดยตั้งเป้านำเข้าแรงงานต่างชาติที่มีทักษะเฉพาะถึง 3 – 4 แสนคน ภายในช่วงเวลา 5 ปี จาก 9 ประเทศ ดังนี้ ประเทศจีน เวียดนาม ไทย กัมพูชา เมียนมา อินโดนีเซีย เนปาล ฟิลิปปินส์ และมองโกเลีย โดยเฉพาะในงานอุตสาหกรรมการผลิตและการก่อสร้าง เช่น ช่างเชื่อม งานหล่อโลหะ งานปั๊มขึ้นรูปโลหะ งานหล่อพลาสติก เครื่องจักร งานกลึง งานก่อสร้าง เป็นต้น

“รัฐบาลเตรียมความพร้อม สนับสนุนการพัฒนา และจัดสรรทรัพยากรแรงงาน ทั้งการฝึกความพร้อม และเพิ่มพูนทักษะทุกด้านที่จำเป็น อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการฝึกอบรมเพื่อความพร้อมด้านภาษา และสนับสนุนการปรับเปลี่ยนทักษะและเปลี่ยนสายอาชีพให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานอุตสาหกรรมเป้าหมายและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เพื่อให้เป็นแรงงานมีฝีมือเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถการหารายได้ และยกระดับผลิตภาพของแรงงานในระยะยาว ทั้งนี้ เพื่อยกระดับวิถีชีวิตของแรงงานและครอบครัว องค์ความรู้ที่แรงงานจะได้รับ ตลอดจนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของไทยอย่างสมดุล ยั่งยืน” นายอนุชา กล่าว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก