ตรวจสอบนโยบายหาเสียงพรรคการเมือง-ย้ำทำแผนแจงที่มาเงินทุน

กรุงเทพฯ 25 เม.ย. – ป.ป.ช. ส่งเกณฑ์ชี้วัดป้องกันทุจริตเชิงนโยบายให้ กกต. นำไปตรวจสอบนโยบายหาเสียงพรรคการเมือง วอนคิดก่อนเลือก อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์เล็กน้อย อาจได้ไม่คุ้มเสีย ย้ำพรรคต้องทำแผนแจงที่มาเงินทุน แผนสำรองหาเสียงที่จับต้องได้ เลี่ยงทุจริต


วันนี้ (25 เม.ย.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีประธาน ป.ป.ช. ทำหนังสือถึง กกต. เกี่ยวกับแนวมาตรการในการตรวจสอบนโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง ที่ขณะนี้ กกต. กำลังตรวจสอบนโยบายที่ใช้งบประมาณแผ่นดินที่ต้องให้พรรคการเมืองอธิบาย ประกอบด้วย เกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย โดยพรรคจะต้องอธิบายถึงแหล่งที่มาของงบประมาณที่กำหนดนโยบาย นโยบายที่ใช้หาเสียง ว่าเป็นนโยบายของไทยหรือต่างประเทศที่เคยกำหนดไว้ก่อนหรือไม่ นำตัวอย่างมาจากต่างประเทศหรือเคยมีการใช้ประกาศหาเสียงมาแล้ว ผลการดำเนินตามนโยบายที่เคยหาเสียงเป็นอย่างไร ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว เปรียบเทียบกับหลักเกณฑ์นโยบายหาเสียงที่ได้พัฒนาขึ้นมา มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ผู้มีส่วนได้เสียไว้ชัดเจนหรือไม่ หรือกลุ่มเป้าหมายนั้นมีแนวโน้มได้รับประโยชน์หรือเสียประโยชน์ทั้งทางตรง ทางอ้อม จากนโยบายดังกล่าวอย่างไร และนโยบายที่พัฒนาเป็นนโยบายที่เกิดในช่วงที่พรรคมาเป็นฝ่ายบริหารของประเทศก่อนหน้านั้นและได้วางนโยบายก่อนการเลือกตั้งหรือไม่

ส่วนเกณฑ์การชี้วัดผลกระทบ ความคุ้มค่า ความเป็นไปได้ และความเสี่ยงของนโยบาย ความเป็นไปได้นั้นต้องมีคณะทำงานวิเคราะห์ผลกระทบจากนโนบายทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ฐานะทางการเงิน และการเงินการคลัง ทั้งระยะสั้น ระยะยาว และต้องพิจารณาความคุ้มค่าเป็นไปได้ ความเสี่ยงนโยบาย การมีส่วนร่วมจากภาควิชาการ ประชาสังคม รวมถึงต้องศึกษาผลกระทบเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมชุมชน การเมือง ความมั่นคงของประเทศ รวมถึงความสัมพันธ์หลักของประเทศ กระทบต่อการดำเนินงานหน่วยงานเจ้าของโครงการ และจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบ ความคุ้มค่าความเสี่ยงทุจริตเชิงนโยบาย รวมถึงจัดทำแผนรองรับนโยบายตามที่จำเป็น เพราะหากดำเนินโครงการแล้วเกิดผลกระทบ เกิดความเสี่ยง ต้องมีแผนสำรองเพื่อให้ปรับปรุงนโยบาย อีกทั้งต้องศึกษาผลกระทบกับผู้มีส่วนได้เสียจากนโยบายโดยตรง ส่วนนโยบายที่ไม่มีการใช้จ่ายงบประมาณ แต่มีผลกระทบหรือมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อสถานะวินัยการเงินการคลัง การบริหารประเทศอย่างมีนัยสำคัญ จะต้องมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงอย่างละเอียด และจะต้องเผยแพร่ผลการศึกษาต่อสาธารณะและเปิดรับฟังความคิดเห็น รวมถึงตอบข้อซักถามด้วย


นอกจากนี้ยังมีเกณฑ์ชี้วัดแนวนโยบายเจตจำนงทางการเมืองของพรรคในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งพรรคจะต้องมีแนวนโยบายที่แสดงออกเจตจำนงทางการเมืองอย่างชัดเจน ปัจจุบันไม่ค่อยพบในการหาเสียง ส่วนใหญ่จะพบนโยบายประชานิยม ลด แลก แจก แถม ให้ แต่ไม่มีแผนปรับปรุงแก้ไขปัญหาการทุจริต วิธีการ รวมถึงความร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน ส่วนราชการ และระบุแผนการต่อต้านการทุจรติอย่างชัดเจน งบประมาณ กระบวนการวิเคราะห์การทุจริต แนวทางหรือการสนับสนุนการป้องกันการทุจริต รวมถึงสร้างความเข้มแข็งการบริหารราชการแผ่นดิน เปิดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม

ขณะที่เกณฑ์ชี้วัดความโปร่งใสในการพัฒนานโยบายของพรรคการเมือง ซึ่งจะต้องมีการเปิดโอกาสให้ประชาชนในการจัดทำนโยบาย จัดทำร่างแผนพัฒนานโยบายที่จับต้องได้ มีข้อมูลเชื่อมโยงแผนยุทธศาสตร์ชาติ และแผนแม่บทตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจะต้องจัดจัดทำเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์ส่งกลับไปให้ กกต. ตรวจสอบ วิเคราะห์นโยบาย ก่อนเผยแพร่รับฟังความคิดเห็นจากสาธารณชน เพื่อเป็นการยืนยันว่านโยบายที่ใช้ในการหาเสียงจับต้องได้ เป็นรูปธรรม มีที่มาของแหล่งเงินทุน รวมถึงแผนรองรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายลด แลก แจก แถม จะสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตหรือไม่ หรืออาจจะนำนโยบายไปฉกฉวยหาผลประโยชน์อย่างไร เชื่อว่าจะเป็นอีกมาตรการหนึ่งในการป้องกันการทุจริตเชิงนโยบาย หรือป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

นายนิวัตไชย ยังแสดงความห่วงใยนโยบายในการหาเสียง โดยเฉพาะแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้ในการจัดทำนโยบาย วงเงินที่จะใช้ และจะหาเงินมาจากไหน เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราภาษีที่จัดเก็บได้ จึงอยากให้รับฟังความคิดเห็นของนักวิชาการ นักเศรษฐกิจ ในเรื่องของวินัยการเงินการคลังที่ระบุในกฎหมาย ต้องใช้เงินอย่างระมัดระวัง มีเงินสำรอง ไม่สามารถใช้เงินทุนสำรองไปใช้จ่ายเกินกรอบ เพราะทุกวันนี้ยังมีการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ จึงอยากฝากทั้งนักการเมืองและประชาชน ช่วยกันติดตามสอดส่องนโยบายของพรรค อย่ามองแค่ผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ต้องผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ


“ขออย่ามองว่าเขาให้ร้อยบาท แต่สุดท้ายเราต้องเสียเพิ่มหนึ่งหมื่นบาท ไม่คุ้มกับสิ่งที่ได้รับ ประเทศชาติที่เสียหายก็มีผลกระทบต่อท่านในอนาคต วันนี้ท่านอาจจะได้ แต่วันหน้าท่านอาจจะเสียมากกว่านี้ ประชาชนเองต้องช่วยกัน การทุจริตคอร์รัปชันจะโทษใครไม่ได้ วันนี้เป็นหน้าที่ท่านที่จะต้องเลือกคนดีเข้ามาบริหารประเทศ ถ้าเลือกคนไม่ดีเข้ามาจะโทษ ป.ป.ช. ไม่ได้ว่าคนนี้เลือกเข้ามาแล้วทุจริต เป็นหน้าที่ ป.ป.ช. ต้องลงไปปราบปราม ไม่ได้ ถ้าจะโทษต้องโทษท่านที่เลือกเข้ามา เพราะฉะนั้นก่อนเลือก คิดวิเคราะห์ให้ดีๆ ก่อน อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์ที่ได้รับเล็กๆ น้อยๆ” นายนิวัติไชย กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]

“ภูมิธรรม” บอกตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” สมน้ำสมเนื้อกับ “มาลี”

กทม. 9 ส.ค. – “ภูมิธรรม” บอกตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” เป็นโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา สมน้ำสมเนื้อกับ “มาลี” ชี้กองทัพพร้อมประสานข้อมูลเต็มที่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตั้ง น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เป็นโฆษกจิตอาสา ศูนย์บริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีความไม่เหมาะสมเรื่องของข้อมูล และความน่าเชื่อถือ ว่า น.ส.ปนัดดา เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก และมีความสนใจในเรื่องบ้านเมือง ซึ่งข้อมูลด้านการทหารอาจจะรู้ไม่เยอะเท่ากับเจ้าหน้าที่ทหาร แต่มีความตั้งใจ อีกทั้งการเข้ามารับตำแหน่งก็เป็นการเสนอจากผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งต้นคิดว่าเรื่องของการได้ข้อมูล เมื่อทางทหารสนับสนุนก็จะสามารถทำงานได้ดี นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า พลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกลาโหมกัมพูชาเป็นผู้หญิง เราไม่อยากให้รู้สึกเหมือนว่าใช้โฆษกทหารที่เป็นผู้ชายไปโต้แย้ง เราอาจจะเสียเปรียบกว่า ซึ่งเห็นว่า น.ส.ปนัดดา มีความเหมาะสมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องข้อมูลก็ให้ประสานกับกองทัพอย่างเต็มที่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตรงนี้ตนคิดว่าสมน้ำสมเนื้อ เมื่อถามย้ำว่า ข้อมูลที่ น.ส.ปนัดดา จะพูดออกมา เป็นการกลั่นกรองมาจากทางกองทัพใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ประมาณนั้น […]