“ก้าวไกล” ปราศรัยใหญ่สามย่าน ประชาชนแห่ฟังแน่น

กทม. 23 เม.ย.-“ก้าวไกล” ปราศรัยใหญ่สามย่าน “พิธา” ชูวาระ “9 เปลี่ยนของรัฐบาลก้าวไกล” เน้นตรงไปตรงมา เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนถวิลหา-ไว้ใจได้

พรรคก้าวไกลจัดการปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง เมื่อวานนี้ (22 เม.ย.66) ที่สามย่านมิตรทาวน์ มีแกนนำพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง โดยหลังจบการปราศรัยครั้งนี้ แกนนำและผู้ช่วยหาเสียงแต่ละคนจะกระจายไปหาเสียงในทุกภาคของประเทศ ก่อนกลับมารวมกันอีกครั้งในวันที่ 12 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง โดยบรรยากาศการปราศรัยเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนร่วมฟังจนเต็มและล้นพื้นที่ ทำให้เก้าอี้จำนวน 1,500 ที่นั่งที่เตรียมไว้ไม่เพียงพอ ทุกที่นั่งเต็มตั้งแต่ราว 10 นาทีแรก ตลอดงานคาดว่ามีประชาชนทุกช่วงวัยมาร่วมการปราศรัยครั้งนี้ประมาณ 2,000-3,000 คน


ก่อนการปราศรัยนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล และนางสาวพรรณิการ์ วานิช กรรมการมูลนิธิคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ได้เปิดเวทีให้ประชาชนที่รอฟังการปราศรัย ถามคำถามกันสดๆ ไม่ว่าจะเป็นคำถามเกี่ยวกับนโยบายการศึกษา ชั่วโมงเรียนดีมีคุณภาพ ลดคาบเรียน-การบ้าน-การสอบ นโยบายสาธารณสุข ลดชั่วโมงการทำงานบุคลากรทางการแพทย์ นโยบายแก้ปัญหาการคอร์รัปชัน สร้างระบบที่ดีมากกว่าหวังพึ่งพาคนดี เป็นต้น

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 27 (เขตบางบอน และเขตบางขุนเทียน) เบอร์ 1 และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ชัยชนะของพรรคอนาคตใหม่เมื่อปี 2562 ได้ทลายกำแพงไปแล้วครึ่งหนึ่ง เอาคนเข้าไปพูดในสภาฯ ได้ 81 คน ต่อมาเป็นพรรคก้าวไกล เราสร้างความเปลี่ยนแปลงได้แล้วในฝ่ายนิติบัญญัติแม้เป็นฝ่ายค้าน ดังนั้น รอบนี้จะปล่อยผ่านไปไม่ได้ เราต้องการเข้าไปทำงานอีกแบบหนึ่ง คือฝ่ายรัฐบาล วันที่ 14 พฤษภาคม ก้าวไกลต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้นเพื่อการเปลี่ยนแปลง เพื่ออนาคตลูกหลานคนไทยทุกคน


นายเซีย จำปาทอง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ผู้นำปีกแรงงาน กล่าวว่า หลายสิ่งในประเทศล้วนเกิดขึ้นจากฝีมือของพี่น้องแรงงาน เช่น ตึกขนาดใหญ่ พื้นที่ในห้างที่เงาวับ แต่ด้วยโครงสร้างของประเทศไทย ทำให้กรรมกรทำงาน 20-30 ปี ก็ไม่มีวันรวย มีแต่ค่าใช้จ่ายและหนี้สิน หลาย 10 ปีที่ผ่านมา พี่น้องแรงงานฝากความหวังไว้กับหลายพรรคการเมือง แต่วันนี้ตนในฐานะกรรมกรคนหนึ่งได้เข้ามาทำเอง จึงขอเชิญชวนให้ทุกคนร่วมต่อสู้กับพรรคก้าวไกล ตนจะพิสูจน์ให้เห็นว่ามือกรรมกรจะเปลี่ยนประเทศให้เป็นรัฐสวัสดิการและเป็นประชาธิปไตย กาก้าวไกล 2 ใบ แรงงานไทยไม่เหมือนเดิม

ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ที่ผ่านมาการต่อสู้ในทางการเมืองเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม มักมีความโหยหาถึงเหตุการณ์การต่อสู้ในอดีต หรือเหตุการณ์ในต่างประเทศ แต่การคิดถึงอดีตเหล่านี้กลายเป็นการไปล้อมกรอบอนาคต ปิดกั้นจินตนาการใหม่ๆ ซึ่งการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม นี้ ก็มีความพยายามนำพาสังคมไทยกลับไปหาอดีตเช่นกัน โดยฝ่ายหนึ่งจะพาสังคมไทยกลับไปยังยุค 2520 ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็พาเรากลับไปยังยุค 2540 การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ต้องไม่พาประเทศกลับไปอดีต ไม่ว่าจะเป็นแบบ 2520 ที่นโยบายเศรษฐกิจนำไปสู่การส่งส่วยให้กลุ่มทุนใหญ่ ปล่อยให้ขูดรีดค่าเช่าทางเศรษฐกิจ มีพรรคจำนวนมากๆ แบบไม่มีอุดมการณ์ ตั้งพรรคมาเพื่อรวบรวม ส.ส. ให้ได้มากพอไปขอแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี หรือแบบ 2540 ที่นโยบายเศรษฐกิจคิดแต่เพียงกระตุ้นเศรษฐกิจ ขยายเค้กก้อนใหญ่ให้ทุนได้เติบโต แล้วค่อยแบ่งปันให้คนเล็กคนน้อยผ่านบางนโยบาย มีพรรคขนาดใหญ่พรรคเดียว เอา ส.ส. ทุกคนรวมเข้ามาโดยไม่คิดถึงอุดมการณ์ คิดแต่เพียงเพื่อเอาชนะเลือกตั้งให้เด็ดขาด เกิดวิกฤตการเมืองหรือรัฐประหารก็ย้ายข้างไปซบทหารแล้ววันหนึ่งก็กลับมาใหม่

ขอเชิญชวนประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศทุกคน ต้องร่วมกันทลายกรอบความทรงจำของอดีตที่คอยกักขังอนาคต ร่วมมือกันสร้างอนาคตใหม่ที่จะไม่เหมือนปี 2520 และ 2540 แต่เป็นอนาคตใหม่ที่กล้าชนกับต้นตอของปัญหา กล้าเปลี่ยนโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ใช้อำนาจสูงสุดของประชาชนในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เปิดประตูจินตนาการใหม่ และความเป็นไปได้ใหม่ เลือกพรรคก้าวไกลให้ถล่มทลาย เพื่อประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป


นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า มีคนบอกการเมืองแบบอนาคตใหม่ การเมืองแบบก้าวไกลเป็นเรื่องเพ้อฝันเป็นไปไม่ได้ ประเทศนี้ดีพออยู่แล้ว อย่าคิดเปลี่ยนแปลงอะไร ทำไมเราต้องถูกกดบีบให้เจียมเนื้อเจียมตัว พอเพียง คิดได้ไกลที่สุดอย่างมากก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ปะผุเล็กๆ น้อยๆ ตรงข้ามกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม นี่จึงเป็นที่มาของพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกลในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าเราต้องฝัน และความฝันของเราเป็นไปได้ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาประชาชนจึงเห็นได้ว่าสภาผู้แทนราษฎรเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน แนวคิดนโยบายแบบยกเลิกการเกณฑ์ทหาร-ปฏิรูปกองทัพทุกพรรคถึงเอาไปแข่งกันหาเสียง นโยบายความเท่าเทียมทางเพศที่เคยถูกกดเอาไว้ ถึงกลายเป็นนโยบายที่แข่งกันผลักดันตอนนี้ ถ้าไม่กล้าคิด กล้าฝัน ไม่มีพรรคอนาคตใหม่-ก้าวไกล ลองจินตนาการว่าประเทศนี้จะเป็นอย่างไร

เราไม่เชื่อว่าประชาชนมีเจ้าของ ประชาชนไม่ใช่ปลาในบ่อใคร แต่ประชาชนเจ็บแล้วจำ ท่านเลือกแบบไหนท่านเลือกเลย สำหรับก้าวไกลเราคิดและพิสูจน์แล้ว 4 ปีที่ผ่านมา เราทำงานการเมืองอย่างตรงไปตรงมา เราพยายามทำงานอย่างคุ้มค่าที่สุดเพื่อตอบแทนทุกคะแนนเสียงที่พี่น้องประชาชนมอบให้ ไม่เกรงใจใครเกรงใจคนเดียวคือพี่น้องประชาชน ถ้าชอบการเมืองแบบนี้ 14 พฤษภาคมนี้กาก้าวไกลเพื่อไปสร้างความเปลี่ยนแปลง กาก้าวไกลเพื่อเอาประยุทธ์ออกไป เอาประวิตรออกไปด้วย กาก้าวไกลเพื่อเอาคนใหม่ไปบริหารประเทศและทำในสิ่งที่นักการเมืองเก่าทำไม่สำเร็จ

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตนเดินทางไปหลายจังหวัด หลายคนบอกว่าเลือกตั้งไปทำไม เลือกใครไปก็เหมือนเดิม ชีวิตไม่เคยดีขึ้น เพราะเหตุนี้ พรรคก้าวไกลจึงใช้คำขวัญในการเลือกตั้ง 2566 ว่า กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม เพื่อบอกว่าภาพประเทศไทยในฝันของพรรคก้าวไกล เช่น ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ไม่รวมศูนย์อำนาจ ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน สิทธิเสรีภาพของประชาชนได้รับการรับประกัน สร้างรัฐสวัสดิการที่ดูแลคนตั้งแต่เกิดจนตายอย่างถ้วนหน้า หากประชาชนมีความฝันเดียวกับพรรคก้าวไกล ต้องกาให้พรรคก้าวไกลเข้าไปสร้างสังคมไทยผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่ผ่านมามีคนบอกว่าพรรคก้าวไกลไม่มีประสบการณ์ ทำงานไม่เป็น แต่ผ่านมาสี่ปี พรรคก้าวไกลพิสูจน์แล้วว่าทำงานในสภาฯ โดดเด่นเหนือกว่าพรรคการเมืองอื่น บางคนบอกว่าพรรคก้าวไกลเสนอบางเรื่องเร็วเกินไป แต่ตนต้องบอกว่าความเดือดร้อนของประชาชนนั้นรอไม่ได้ บางคนบอกว่ารัฐสวัสดิการ ทำไม่ได้ แต่ตนต้องบอกว่าโจทย์ไม่ได้เริ่มต้นจากการที่บอกว่าทำได้หรือทำไม่ได้ แต่อยู่ที่จะทำหรือไม่ทำ มีเจตจำนงทางการเมืองมากพอหรือเปล่า หรือบางคนบอกว่า พรรคก้าวไกลแก้ปัญหาที่ต้นตอ จะทำให้ถูกโดดเดี่ยว แต่หากต้องโดดเดี่ยวจากนักการเมืองที่ไม่มีอุดมการณ์ แต่เป็นเพื่อนกับประชาชน พรรคก้าวไกลเลือกแบบนี้ ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายบริหาร แล้วทำไม่ได้อย่างที่พูด ตนจะไม่เป็นผู้ช่วยหาเสียงให้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า 14 พฤษภา อนาคตของประเทศไทยอยู่ในมือของทุกคน ถ้าเชื่อเหมือนกันว่าปัญหาของประเทศไทยไม่ใช่ปัญหาเชิงประเด็น แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง จึงต้องปลดล็อกโครงสร้าง ถ้าเชื่อเหมือนกันว่านี่ไม่ใช่เวลาที่คนไทยต้องเจียมเนื้อเจียมตัว แต่เป็นเวลาที่ต้องกล้าทะเยอทะยาน ขอโอกาสพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล ขอโอกาสพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เป็นนายกรัฐมนตรี กาก้าวไกลให้ถล่มทลายทั้งสองใบ

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ปราศรัยปิดท้ายกล่าวว่า ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะทำให้เกิด “9 เปลี่ยน” เป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน ตามยุทธศาสตร์ “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” ประกอบด้วย (1) มีรัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน เปลี่ยนจากเผด็จการจำแลงให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ 2) เปลี่ยนประเทศที่ทุกอย่างถูกรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพฯ ให้เป็นประเทศไทย ด้วยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ 3) มีระบบการแก้ปัญหาทุจริต โดยพลิกโฉมเปลี่ยนจากรัฐปกปิดให้เป็นรัฐโปร่งใส

4) เปลี่ยนจากที่ดินนายทุน ขุนศึก ศักดินา ให้กลายเป็นที่ดินของประชาชน 5) สำหรับแรงงานทั่วประเทศ เปลี่ยนจากการขึ้นค่าแรงตามใจผู้มีอำนาจ เป็นการขึ้นค่าแรงที่แปรผันตามค่าครองชีพ โดยจะขึ้นทันที 450 บาท ก่อนขึ้นอัตโนมัติตามค่าครองชีพ 6) เปลี่ยนจากค่าไฟแพงให้เป็นค่าไฟแฟร์ สร้างประชาธิปไตยทางพลังงาน ด้วยเสรีโซลาร์เซลล์ 7) เปลี่ยนจากสวัสดิการแบบลุ้นโชค เหมือนในช่วงโควิดที่ฝนตกไม่ทั่วฟ้า เยียวยาไม่ทั่วถึง ชีวิตนี้รำพึงคิดถึงแต่ความตาย พลิกโฉมให้เป็นสวัสดิการถ้วนหน้าที่ไม่ต้องพิสูจน์ความจน

8) พลิกโฉมการศึกษาจากเรียนมากได้น้อย เป็นเรียนเน้นได้มาก คืนเวลาให้ครู ไม่ต้องทำงานธุรการ ไม่ต้องเฝ้าเวร ทำเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ ให้ครูได้มีเวลาไปสอนลูกหลานของเราได้อย่างเต็มที่ และ 9) นี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ระบบเศรษฐกิจจะทำงานให้ทุกคนในประเทศ ไม่ใช่คนแค่ 1% ไม่ต้องรอให้เค้กโตก่อนแล้วค่อยเจียดมาแบ่งกัน แต่เราจะเริ่มแบ่งเค้กกันตั้งแต่ตอนนี้แล้วโตไปด้วยกัน ดังนั้น ถ้าชอบวิถีแบบพรรคก้าวไกล ชอบวิธีปฏิบัติแบบพรรคก้าวไกล 14 พฤษภาคม ต้องกาพรรคก้าวไกลให้คนใหม่ไปเปลี่ยนแปลงประเทศ กาก้าวไกลให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ชัยชนะของพรรคก้าวไกลจะเป็นชัยชนะที่สูงสุดของประชาชนทุกคน เรามาไกลเกินกว่าจะแพ้แล้ว ขอให้ทุกคนเดินทุกถนน เคาะทุกประตู ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ เปลี่ยนแปลงประเทศไทย และเปลี่ยนโลกใบนี้ไปด้วยกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย