“ก้าวไกล” ปราศรัยใหญ่สามย่าน ประชาชนแห่ฟังแน่น

กทม. 23 เม.ย.-“ก้าวไกล” ปราศรัยใหญ่สามย่าน “พิธา” ชูวาระ “9 เปลี่ยนของรัฐบาลก้าวไกล” เน้นตรงไปตรงมา เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนถวิลหา-ไว้ใจได้

พรรคก้าวไกลจัดการปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง เมื่อวานนี้ (22 เม.ย.66) ที่สามย่านมิตรทาวน์ มีแกนนำพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง โดยหลังจบการปราศรัยครั้งนี้ แกนนำและผู้ช่วยหาเสียงแต่ละคนจะกระจายไปหาเสียงในทุกภาคของประเทศ ก่อนกลับมารวมกันอีกครั้งในวันที่ 12 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง โดยบรรยากาศการปราศรัยเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนร่วมฟังจนเต็มและล้นพื้นที่ ทำให้เก้าอี้จำนวน 1,500 ที่นั่งที่เตรียมไว้ไม่เพียงพอ ทุกที่นั่งเต็มตั้งแต่ราว 10 นาทีแรก ตลอดงานคาดว่ามีประชาชนทุกช่วงวัยมาร่วมการปราศรัยครั้งนี้ประมาณ 2,000-3,000 คน


ก่อนการปราศรัยนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล และนางสาวพรรณิการ์ วานิช กรรมการมูลนิธิคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ได้เปิดเวทีให้ประชาชนที่รอฟังการปราศรัย ถามคำถามกันสดๆ ไม่ว่าจะเป็นคำถามเกี่ยวกับนโยบายการศึกษา ชั่วโมงเรียนดีมีคุณภาพ ลดคาบเรียน-การบ้าน-การสอบ นโยบายสาธารณสุข ลดชั่วโมงการทำงานบุคลากรทางการแพทย์ นโยบายแก้ปัญหาการคอร์รัปชัน สร้างระบบที่ดีมากกว่าหวังพึ่งพาคนดี เป็นต้น

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 27 (เขตบางบอน และเขตบางขุนเทียน) เบอร์ 1 และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ชัยชนะของพรรคอนาคตใหม่เมื่อปี 2562 ได้ทลายกำแพงไปแล้วครึ่งหนึ่ง เอาคนเข้าไปพูดในสภาฯ ได้ 81 คน ต่อมาเป็นพรรคก้าวไกล เราสร้างความเปลี่ยนแปลงได้แล้วในฝ่ายนิติบัญญัติแม้เป็นฝ่ายค้าน ดังนั้น รอบนี้จะปล่อยผ่านไปไม่ได้ เราต้องการเข้าไปทำงานอีกแบบหนึ่ง คือฝ่ายรัฐบาล วันที่ 14 พฤษภาคม ก้าวไกลต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้นเพื่อการเปลี่ยนแปลง เพื่ออนาคตลูกหลานคนไทยทุกคน


นายเซีย จำปาทอง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ผู้นำปีกแรงงาน กล่าวว่า หลายสิ่งในประเทศล้วนเกิดขึ้นจากฝีมือของพี่น้องแรงงาน เช่น ตึกขนาดใหญ่ พื้นที่ในห้างที่เงาวับ แต่ด้วยโครงสร้างของประเทศไทย ทำให้กรรมกรทำงาน 20-30 ปี ก็ไม่มีวันรวย มีแต่ค่าใช้จ่ายและหนี้สิน หลาย 10 ปีที่ผ่านมา พี่น้องแรงงานฝากความหวังไว้กับหลายพรรคการเมือง แต่วันนี้ตนในฐานะกรรมกรคนหนึ่งได้เข้ามาทำเอง จึงขอเชิญชวนให้ทุกคนร่วมต่อสู้กับพรรคก้าวไกล ตนจะพิสูจน์ให้เห็นว่ามือกรรมกรจะเปลี่ยนประเทศให้เป็นรัฐสวัสดิการและเป็นประชาธิปไตย กาก้าวไกล 2 ใบ แรงงานไทยไม่เหมือนเดิม

ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ที่ผ่านมาการต่อสู้ในทางการเมืองเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม มักมีความโหยหาถึงเหตุการณ์การต่อสู้ในอดีต หรือเหตุการณ์ในต่างประเทศ แต่การคิดถึงอดีตเหล่านี้กลายเป็นการไปล้อมกรอบอนาคต ปิดกั้นจินตนาการใหม่ๆ ซึ่งการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม นี้ ก็มีความพยายามนำพาสังคมไทยกลับไปหาอดีตเช่นกัน โดยฝ่ายหนึ่งจะพาสังคมไทยกลับไปยังยุค 2520 ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็พาเรากลับไปยังยุค 2540 การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ต้องไม่พาประเทศกลับไปอดีต ไม่ว่าจะเป็นแบบ 2520 ที่นโยบายเศรษฐกิจนำไปสู่การส่งส่วยให้กลุ่มทุนใหญ่ ปล่อยให้ขูดรีดค่าเช่าทางเศรษฐกิจ มีพรรคจำนวนมากๆ แบบไม่มีอุดมการณ์ ตั้งพรรคมาเพื่อรวบรวม ส.ส. ให้ได้มากพอไปขอแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี หรือแบบ 2540 ที่นโยบายเศรษฐกิจคิดแต่เพียงกระตุ้นเศรษฐกิจ ขยายเค้กก้อนใหญ่ให้ทุนได้เติบโต แล้วค่อยแบ่งปันให้คนเล็กคนน้อยผ่านบางนโยบาย มีพรรคขนาดใหญ่พรรคเดียว เอา ส.ส. ทุกคนรวมเข้ามาโดยไม่คิดถึงอุดมการณ์ คิดแต่เพียงเพื่อเอาชนะเลือกตั้งให้เด็ดขาด เกิดวิกฤตการเมืองหรือรัฐประหารก็ย้ายข้างไปซบทหารแล้ววันหนึ่งก็กลับมาใหม่

ขอเชิญชวนประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศทุกคน ต้องร่วมกันทลายกรอบความทรงจำของอดีตที่คอยกักขังอนาคต ร่วมมือกันสร้างอนาคตใหม่ที่จะไม่เหมือนปี 2520 และ 2540 แต่เป็นอนาคตใหม่ที่กล้าชนกับต้นตอของปัญหา กล้าเปลี่ยนโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ใช้อำนาจสูงสุดของประชาชนในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เปิดประตูจินตนาการใหม่ และความเป็นไปได้ใหม่ เลือกพรรคก้าวไกลให้ถล่มทลาย เพื่อประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป


นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า มีคนบอกการเมืองแบบอนาคตใหม่ การเมืองแบบก้าวไกลเป็นเรื่องเพ้อฝันเป็นไปไม่ได้ ประเทศนี้ดีพออยู่แล้ว อย่าคิดเปลี่ยนแปลงอะไร ทำไมเราต้องถูกกดบีบให้เจียมเนื้อเจียมตัว พอเพียง คิดได้ไกลที่สุดอย่างมากก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ปะผุเล็กๆ น้อยๆ ตรงข้ามกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม นี่จึงเป็นที่มาของพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกลในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าเราต้องฝัน และความฝันของเราเป็นไปได้ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาประชาชนจึงเห็นได้ว่าสภาผู้แทนราษฎรเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน แนวคิดนโยบายแบบยกเลิกการเกณฑ์ทหาร-ปฏิรูปกองทัพทุกพรรคถึงเอาไปแข่งกันหาเสียง นโยบายความเท่าเทียมทางเพศที่เคยถูกกดเอาไว้ ถึงกลายเป็นนโยบายที่แข่งกันผลักดันตอนนี้ ถ้าไม่กล้าคิด กล้าฝัน ไม่มีพรรคอนาคตใหม่-ก้าวไกล ลองจินตนาการว่าประเทศนี้จะเป็นอย่างไร

เราไม่เชื่อว่าประชาชนมีเจ้าของ ประชาชนไม่ใช่ปลาในบ่อใคร แต่ประชาชนเจ็บแล้วจำ ท่านเลือกแบบไหนท่านเลือกเลย สำหรับก้าวไกลเราคิดและพิสูจน์แล้ว 4 ปีที่ผ่านมา เราทำงานการเมืองอย่างตรงไปตรงมา เราพยายามทำงานอย่างคุ้มค่าที่สุดเพื่อตอบแทนทุกคะแนนเสียงที่พี่น้องประชาชนมอบให้ ไม่เกรงใจใครเกรงใจคนเดียวคือพี่น้องประชาชน ถ้าชอบการเมืองแบบนี้ 14 พฤษภาคมนี้กาก้าวไกลเพื่อไปสร้างความเปลี่ยนแปลง กาก้าวไกลเพื่อเอาประยุทธ์ออกไป เอาประวิตรออกไปด้วย กาก้าวไกลเพื่อเอาคนใหม่ไปบริหารประเทศและทำในสิ่งที่นักการเมืองเก่าทำไม่สำเร็จ

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตนเดินทางไปหลายจังหวัด หลายคนบอกว่าเลือกตั้งไปทำไม เลือกใครไปก็เหมือนเดิม ชีวิตไม่เคยดีขึ้น เพราะเหตุนี้ พรรคก้าวไกลจึงใช้คำขวัญในการเลือกตั้ง 2566 ว่า กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม เพื่อบอกว่าภาพประเทศไทยในฝันของพรรคก้าวไกล เช่น ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ไม่รวมศูนย์อำนาจ ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน สิทธิเสรีภาพของประชาชนได้รับการรับประกัน สร้างรัฐสวัสดิการที่ดูแลคนตั้งแต่เกิดจนตายอย่างถ้วนหน้า หากประชาชนมีความฝันเดียวกับพรรคก้าวไกล ต้องกาให้พรรคก้าวไกลเข้าไปสร้างสังคมไทยผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่ผ่านมามีคนบอกว่าพรรคก้าวไกลไม่มีประสบการณ์ ทำงานไม่เป็น แต่ผ่านมาสี่ปี พรรคก้าวไกลพิสูจน์แล้วว่าทำงานในสภาฯ โดดเด่นเหนือกว่าพรรคการเมืองอื่น บางคนบอกว่าพรรคก้าวไกลเสนอบางเรื่องเร็วเกินไป แต่ตนต้องบอกว่าความเดือดร้อนของประชาชนนั้นรอไม่ได้ บางคนบอกว่ารัฐสวัสดิการ ทำไม่ได้ แต่ตนต้องบอกว่าโจทย์ไม่ได้เริ่มต้นจากการที่บอกว่าทำได้หรือทำไม่ได้ แต่อยู่ที่จะทำหรือไม่ทำ มีเจตจำนงทางการเมืองมากพอหรือเปล่า หรือบางคนบอกว่า พรรคก้าวไกลแก้ปัญหาที่ต้นตอ จะทำให้ถูกโดดเดี่ยว แต่หากต้องโดดเดี่ยวจากนักการเมืองที่ไม่มีอุดมการณ์ แต่เป็นเพื่อนกับประชาชน พรรคก้าวไกลเลือกแบบนี้ ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายบริหาร แล้วทำไม่ได้อย่างที่พูด ตนจะไม่เป็นผู้ช่วยหาเสียงให้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า 14 พฤษภา อนาคตของประเทศไทยอยู่ในมือของทุกคน ถ้าเชื่อเหมือนกันว่าปัญหาของประเทศไทยไม่ใช่ปัญหาเชิงประเด็น แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง จึงต้องปลดล็อกโครงสร้าง ถ้าเชื่อเหมือนกันว่านี่ไม่ใช่เวลาที่คนไทยต้องเจียมเนื้อเจียมตัว แต่เป็นเวลาที่ต้องกล้าทะเยอทะยาน ขอโอกาสพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล ขอโอกาสพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เป็นนายกรัฐมนตรี กาก้าวไกลให้ถล่มทลายทั้งสองใบ

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ปราศรัยปิดท้ายกล่าวว่า ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะทำให้เกิด “9 เปลี่ยน” เป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน ตามยุทธศาสตร์ “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” ประกอบด้วย (1) มีรัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน เปลี่ยนจากเผด็จการจำแลงให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ 2) เปลี่ยนประเทศที่ทุกอย่างถูกรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพฯ ให้เป็นประเทศไทย ด้วยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ 3) มีระบบการแก้ปัญหาทุจริต โดยพลิกโฉมเปลี่ยนจากรัฐปกปิดให้เป็นรัฐโปร่งใส

4) เปลี่ยนจากที่ดินนายทุน ขุนศึก ศักดินา ให้กลายเป็นที่ดินของประชาชน 5) สำหรับแรงงานทั่วประเทศ เปลี่ยนจากการขึ้นค่าแรงตามใจผู้มีอำนาจ เป็นการขึ้นค่าแรงที่แปรผันตามค่าครองชีพ โดยจะขึ้นทันที 450 บาท ก่อนขึ้นอัตโนมัติตามค่าครองชีพ 6) เปลี่ยนจากค่าไฟแพงให้เป็นค่าไฟแฟร์ สร้างประชาธิปไตยทางพลังงาน ด้วยเสรีโซลาร์เซลล์ 7) เปลี่ยนจากสวัสดิการแบบลุ้นโชค เหมือนในช่วงโควิดที่ฝนตกไม่ทั่วฟ้า เยียวยาไม่ทั่วถึง ชีวิตนี้รำพึงคิดถึงแต่ความตาย พลิกโฉมให้เป็นสวัสดิการถ้วนหน้าที่ไม่ต้องพิสูจน์ความจน

8) พลิกโฉมการศึกษาจากเรียนมากได้น้อย เป็นเรียนเน้นได้มาก คืนเวลาให้ครู ไม่ต้องทำงานธุรการ ไม่ต้องเฝ้าเวร ทำเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ ให้ครูได้มีเวลาไปสอนลูกหลานของเราได้อย่างเต็มที่ และ 9) นี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ระบบเศรษฐกิจจะทำงานให้ทุกคนในประเทศ ไม่ใช่คนแค่ 1% ไม่ต้องรอให้เค้กโตก่อนแล้วค่อยเจียดมาแบ่งกัน แต่เราจะเริ่มแบ่งเค้กกันตั้งแต่ตอนนี้แล้วโตไปด้วยกัน ดังนั้น ถ้าชอบวิถีแบบพรรคก้าวไกล ชอบวิธีปฏิบัติแบบพรรคก้าวไกล 14 พฤษภาคม ต้องกาพรรคก้าวไกลให้คนใหม่ไปเปลี่ยนแปลงประเทศ กาก้าวไกลให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ชัยชนะของพรรคก้าวไกลจะเป็นชัยชนะที่สูงสุดของประชาชนทุกคน เรามาไกลเกินกว่าจะแพ้แล้ว ขอให้ทุกคนเดินทุกถนน เคาะทุกประตู ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ เปลี่ยนแปลงประเทศไทย และเปลี่ยนโลกใบนี้ไปด้วยกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]