นายกฯ ยินดีสัญญาณท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง

กทม. 15 เม.ย.- โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ยินดีสัญญาณท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” หนุนอัตราเข้าพักโรงแรมเดือนมีนาคมปรับตัวดีขึ้น ด้านแพลตฟอร์มท่องเที่ยว Klook ชี้ไทยเป็น 1 ใน 3 ปลายทางยอดนิยม คาดปี 2566 ยอดจองกว่า 1 ล้านทริป


นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ภาคการท่องเที่ยวของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา อัตราการเข้าพักแรมในประเทศไทย ปรับตัวดีขึ้น จากการใช้สิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 พร้อมการรายงานของ Klook แพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวชั้นนำระดับเอเชีย ยืนยันชัดประเทศไทยติด 1 ใน 3 ปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายหลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับ นโยบาย 5F Soft Power ของไทย จะกระตุ้น ดึงดูดการท่องเที่ยว และฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม (Hotel Business Operator Sentiment Index) เดือนมีนาคม 2566 ซึ่งทำการสำรวจโดยสมาคมโรงแรมไทยและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระหว่างวันที่ 9 – 26 มีนาคม 2566 ระบุว่า อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของเดือนมีนาคมอยู่ที่ร้อยละ 66 โดยอัตราการเข้าพักของโรงแรมที่รับนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลักปรับดีขึ้นเกือบทุกภูมิภาคจากการใช้สิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ที่เริ่มให้ใช้สิทธิจองห้องพักวันแรกตั้งแต่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในภาพรวมช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 สถานการณ์การท่องเที่ยวยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง


นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้บูรณาการความร่วมมือกับ Klook แพลตฟอร์มท่องเที่ยว ภายใต้แคมเปญ ‘Let Your Journey be Thai’ ซึ่งมีจุดประสงค์ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับการท่องเที่ยวอย่างมีคุณค่า และได้รับประสบการณ์อันน่าประทับใจเมื่อมาเยือนเมืองไทย ผ่านเอกลักษณ์ของไทยในด้านการบริการและความเป็นมิตร (Thai Hospitality) พร้อมทั้งผลักดัน 5F Soft Power ที่เป็นจุดแข็งของไทย ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยจากรายงานของ Klook ระบุว่า ภายหลังมีการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ประเทศไทยถือเป็น 1 ใน 3 จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว นอกเหนือไปจากญี่ปุ่น และไต้หวัน พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า ในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไทยผ่านการจองบริการของ Klook มากกว่า 1 ล้านทริปขึ้นไป ซึ่งมีกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์

“นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกหน่วยงานที่บูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างแข็งขัน ตามแนวนโยบายและมาตรการที่เกี่ยวข้องของรัฐบาล ทั้งเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ และดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้มาท่องเที่ยวยังประเทศไทยมากขึ้น จนเห็นผลสำเร็จทำให้สถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศในภาพรวมปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลเชื่อมั่นว่า การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวจะส่งผลประโยชน์ต่อวิถีชีวิตประชาชนทุกคน ผ่านการสร้างงาน สร้างรายได้ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ตลอดจนจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศ” นายอนุชา กล่าว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น-ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น เตือนภาคใต้ตอนล่างฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

ภรรยาหมอบุญมอบตัว

“ภรรยา-ลูก” หมอบุญ อ้างถูกปลอมลายเซ็น ไม่เคยรู้การกระทำใดๆ

ทนายความภรรยา-ลูก หมอบุญ เผยถูกปลอมลายเซ็นเอกสาร ไม่เคยรับรู้การกระทำใดๆ ของหมอบุญ โดยภรรยาได้หย่าร้างกับหมอบุญ ก่อนปี 66

น้ำผุดเชียงดาว

น้ำใต้ดินผุดท่วมอ่วม “บ้านเรือน-พื้นที่เกษตร” อ.เชียงดาว

มวลน้ำมหาศาลผุดขึ้นจากใต้ดิน เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เกษตร และบ้านเรือนประชาชน หลายหมู่บ้าน ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ระดับน้ำบางจุด ท่วมบ้านเกือบถึงหลังคา พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 400 ไร่