กรุงเทพฯ 13 เม.ย. – “พล.อ.ประวิตร” อวยพรสงกรานต์ 2566 ขอประชาชนมีความสุข พ้นทุกข์ รับปีใหม่ไทย ชูความสำคัญ “วันผู้สูงอายุ-วันครอบครัว” ผ่านนโยบาย พปชร. พร้อมร่วมส่งคนไทยกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ
นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า เนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ปี 2566 ซึ่งตรงกับช่วงวันที่ 13-15 เมษายน ของทุกปี ถือเป็นเทศกาลปีใหม่ไทยที่หลายคนนิยมเดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ตามประเพณีอันดีงามของไทย ที่สืบทอดมาแต่อดีตกาลจนเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของชาติที่ยังปฏิบัติสืบทอดมาอย่างมั่นคง
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ไทย เทศกาลสงกรานต์ปี 2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐ ได้ส่งความปรารถนาดีไปยังพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน โดยขอให้ร่วมกันทำสิ่งดีๆ เพื่อเป็นมงคลต่อชีวิต และเป็นการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ดูแลรักษาสุขภาพ และเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ พร้อมอวยพรปีใหม่ไทย ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ดลบันดาลให้ประชาชนชาวไทยประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ มีกำลังใจและกำลังสติปัญญาที่เข้มแข็ง มีความเจริญรุ่งเรืองทั้งในชีวิต หน้าที่การงานและในครอบครัว ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ตลอดจนประสบความสำเร็จตามความปรารถนาทุกประการตลอดไป
นายชาญกฤช เปิดเผยด้วยว่า นอกจากวันที่ 13 เมษายน จะเป็นวันมหาสงกรานต์ ที่ประชาชนได้ร่วมกันทำกิจกรรมทางศาสนาและขอพรญาติผู้ใหญ่แล้ว ยังเป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ และวันที่ 14 เมษายน จะเป็นวันครอบครัว โอกาสนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้ส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีไปยังผู้สูงอายุทุกคน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกครอบครัว ให้มีความอบอุ่น เข้มแข็ง รักใคร่กลมเกลียว แสดงความเคารพกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ เพื่อส่งเสริมความรักความผูกพันในครอบครัวให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น อันเป็นจุดแข็งของสังคมไทย เพราะครอบครัวถือเป็นสถาบันแรกของทุกคน โดยที่พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงวัย ด้วยการเพิ่มเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี 3,000-5,000 บาทต่อเดือน รวมถึงนโยบายแม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ ดูแลแม่ตั้งครรภ์ เดือนที่ 5-9 เดือนละ 10,000 บาท และดูแลเด็กแรกเกิดถึง 6 ขวบ เดือนละ 3,000 บาท พร้อมฝากให้ประชาชนพิจารณาเลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทุกเขตทั่วทั้งประเทศ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศไทย เพื่อก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน .-สำนักข่าวไทย