นายกฯ กำชับดูแลการให้บริการผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ทำเนียบฯ 13 เม.ย. – โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ติดตามการแก้ไขปัญหาความแออัดบริการภาคพื้น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กำชับกระทรวงคมนาคมกำกับดูแลการให้บริการผู้โดยสารให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ


นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการในการประชุมคณะรัฐมนตรีให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแลการให้บริการผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้ได้รับความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย กระทรวงคมนาคมได้ประเมินสถานการณ์ภายหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง และการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ พบว่าปริมาณการเดินทางทางอากาศของประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง จึงเกิดปัญหาผู้โดยสารต้องใช้เวลานานในการรับบริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จนเกิดความแออัดในช่วงระยะเวลาเร่งด่วน โดยกระทรวงคมนาคมได้ติดตามและให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความแออัด บริการภาคพื้นของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมาโดยลำดับ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการให้บริการแก่ผู้โดยสารในทุกกระบวนการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
โดยกระบวนการภายในท่าอากาศยาน ประกอบด้วย 3 หน่วยงานหลัก คือ กระทรวงคมนาคม ในส่วนของการท่าอากาศยาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในส่วนของการตรวจคนเข้าเมือง และกระทรวงการคลัง ในส่วนของการศุลกากร ซึ่งบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ได้ประสานและบูรณาการความร่วมมือจาก 3 หน่วยงานหลักดังกล่าว เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยได้พิจารณากระบวนการให้บริการผู้โดยสารทั้งระบบ ทั้งในส่วนของผู้โดยสารขาเข้าและขาออก สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

1.การให้บริการผู้โดยสารขาออก มีชั่วโมงคับคั่ง (Peak Hour) เกิดขึ้นใน 2 ช่วงเวลา ได้แก่ ระหว่างเวลา 12.00-15.00 น. และ 20.00-24.00 น. มีพื้นที่ให้บริการที่เกิดปัญหาความแออัดและหนาแน่นของผู้โดยสาร ได้แก่ (1) พื้นที่ให้บริการเช็กอินของสายการบิน บริเวณโถงผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ได้แก้ไขปัญหา โดยเร่งประสานสายการบินให้จัดเจ้าหน้าที่และเปิดเคาน์เตอร์เช็กอินเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อการให้บริการ และได้ติดตั้งเครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (Common Use Self Check-In : CUSS) และจุดโหลดกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (Common Use Bag Drop : CUBD) ทำให้ไม่ต้องใช้เวลารอเพื่อเช็กอิน ช่วยลดความแออัดบริเวณหน้าเคาน์เตอร์เช็กอิน ซึ่งจุดดังกล่าวท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้จัดเจ้าหน้าที่ช่วยแนะนำในการใช้งานเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารด้วยแล้ว


(2) พื้นที่ให้บริการจุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2566 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้เปิดใช้งานจุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศชั่วคราว บริเวณท้ายเคาน์เตอร์เช็กอิน Row W โถงผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ซึ่งจุดตรวจค้นดังกล่าว ช่วยลดผลกระทบต่อการให้บริการจุดตรวจค้น ในขณะที่ ทอท. อยู่ระหว่างการติดตั้งระบบส่งคืนถาดใส่สัมภาระอัตโนมัติ (Automatic Return Tray System หรือ ARTS) โดยจุดตรวจค้นชั่วคราวที่เปิดใหม่นี้ มีการติดตั้งเครื่องเอกซเรย์ 3 เครื่อง ทำให้การตรวจค้นผู้โดยสารยังคงประสิทธิภาพไว้ตามเดิม รวมทั้งได้เพิ่มเจ้าหน้าที่ให้บริการและอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร นอกจากนี้ได้เร่งรัดแผนการติดตั้งระบบ ARTS โดยเพิ่มแรงงานในการติดตั้ง ซึ่งจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิม 50 วัน

(3) พื้นที่จุดตรวจหนังสือเดินทางขาออก ที่ผ่านมาพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมีไม่เพียงพอ ทำให้เกิดความแออัดในช่วง Peak Hour ซึ่งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว โดยเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดสรรอัตรากำลังพลเสริมให้กับกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 จำนวน 104 นาย เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของการตรวจหนังสือเดินทางขาออกแล้ว ดังนั้น จึงทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนั่งประจำจุดตรวจหนังสือเดินทางได้เต็มทุกช่องตรวจในช่วงเวลาเร่งด่วนได้ อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว AOT จะได้ประสานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อจัดสรรอัตรากำลังเป็นการถาวรเพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนต่อไป

2.การให้บริการผู้โดยสารขาเข้า มีชั่วโมงคับคั่ง (Peak Hour) ในช่วงระหว่างเวลา 12.00-15.00 น. มีพื้นที่ให้บริการที่เกิดปัญหาความแออัดและหนาแน่นของผู้โดยสาร ได้แก่ (1) พื้นที่จุดตรวจหนังสือเดินทางขาเข้า ปัจจุบันกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่นั่งประจำจุดตรวจหนังสือเดินทางเต็มทุกช่องตรวจแล้ว ทำให้การให้บริการตรวจหนังสือเดินทางผู้โดยสารเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็ว


(2) พื้นที่โถงสายพานรอรับกระเป๋า ปัจจุบันผู้ประกอบการอุปกรณ์ภาคพื้นทั้ง 2 ราย ได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟลท์ เซอร์วิส จำกัด ได้เพิ่มจำนวนบุคลากรและอุปกรณ์ในการให้บริการภาคพื้นให้เพียงพอและสอดคล้องกับปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบิน ซึ่งทำให้ผลการดำเนินงานดีขึ้นตามลำดับ มีการขนถ่ายสัมภาระอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้

(3) การเชื่อมต่อการเดินทางภาคพื้น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีบริการที่หลากหลายรองรับผู้โดยสารทุกกลุ่ม ตั้งแต่รถไฟฟ้า Airport Rail Link รถลีมูซีน และรถโดยสารสาธารณะต่างๆ โดยในส่วนของรถแท็กซี่ที่เคยมีปัญหาขาดแคลนในช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารใช้บริการหนาแน่น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งเปิดช่องทางแท็กซี่เพิ่ม เพื่อให้รถแท็กซี่สามารถเข้ามารับผู้ใช้บริการได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังได้มีการขยายพื้นที่รอคอยกดตั๋วแท็กซี่ และกำหนดจุดยืนรอคิวรับบริการแท็กซี่ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ลดความแออัด ทำให้ผู้โดยสารสามารถลดระยะเวลาในการรอคิวรถแท็กซี่เหลือเพียงประมาณ 10 นาทีต่อราย ปัจจุบันมีผู้ขับขี่รถแท็กซี่สาธารณะลงทะเบียนเป็นสมาชิกในระบบประมาณ 3,994 คัน

สำหรับกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองที่เกิดปัญหาความล่าช้าในส่วนของกระบวนการขาออก กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิหารือร่วมกับกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ในการจัดสรรกำลังพลเสริมเพิ่มเติมเป็นการเร่งด่วน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจหนังสือเดินทางให้ได้เต็มทุกช่องตรวจในชั่วโมงเร่งด่วน ทั้งนี้ ในส่วนของขาเข้าได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ AOT พยายามเชิญชวนให้สายการบินมาใช้บริการเครื่อง CUSS และ CUBD เพิ่มมากขึ้น โดยประชาสัมพันธ์ในเชิงรุก รวมทั้งให้พิจารณาจำนวนและตำแหน่งเครื่อง CUSS และ CUBD ให้เหมาะสมเพื่อลดปัญหาความหนาแน่นบริเวณเช็กอินเคาน์เตอร์ของสายการบิน

“นายกรัฐมนตรีรับทราบรายงานการแก้ไขปัญหาความแออัดบริการภาคพื้นของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิดังกล่าว พร้อมกำชับให้กระทรวงคมนาคมติดตาม กำกับดูแลการให้บริการของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ในส่วนของการให้บริการผู้โดยสารให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการรองรับการเดินทางของผู้โดยสารในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2566 นี้ ที่จะมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ AOT ได้ขอความกรุณาผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมายังสนามบินล่วงหน้า 2-3 ชั่วโมง หรือตรวจสอบข้อมูลสถานะเที่ยวบิน รวมถึงตรวจสอบระยะเวลาการรอบริเวณจุดให้บริการต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน SAWASDEE by AOT เพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน

ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถสอบถามข้อมูลเที่ยวบินและการให้บริการของ AOT ได้ที่ AOT Contact Center หมายเลขโทรศัพท์ 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง” นายอนุชา กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก