ปชป.หาเสียง จ.สมุทรสาคร มั่นใจได้ยกทีม

สมุทรสาคร 10 เม.ย.-“จุรินทร์” ลุยนำทัพพรรคประชาธิปัตย์เบอร์ 26 ลงพื้นที่ตลาดมหาชัย เชื่อเลือกตั้งครั้งนี้ได้ยกทีม 3 เขต


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำคณะจุรินทร์ ออนทัวร์ เดินทางถึงจังหวัดสมุทรสาคร  โดยได้เข้าสักการะองค์พระหลักเมือง ที่ศาลหลักเมืองจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมกับ นายชวพล วัฒนพรมงคล ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดสมุทรสาคร เขต 1 เบอร์ 5 นายธนวัฒน์ ทองโต ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดสมุทรสาคร เขต 2 เบอร์ 5 และนายนิติรัฐ สุนทรวร ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดสมุทรสาคร เขต 3 เบอร์ 5

จากนั้นมีประชาชนในพื้นที่เข้ามายื่นหนังสือเพื่อร้องเรียนปัญหาแรงงานต่างด้าวเข้ามาแย่งงานในประเทศ ซึ่ง นายจุรินทร์ได้รับหนังสือไว้ ก่อนนำคณะ “จุรินทร์ ออนทัวร์” ออกเดินพบปะพี่น้องประชาชนเพื่อขอเสียงสนับสนุนให้กับผู้สมัครทั้ง 3 เขต เบอร์ 5 – 5 – 5 ในตลาดมหาชัย


นายจุรินทร์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าสมุทรสาครจะมี 4 เขต สุดท้ายเมื่อมีการแบ่งเขตใหม่ทำให้มีเพียง 3 เขต ขณะที่ประชาธิปัตย์ได้เตรียมผู้สมัครไว้ครบแล้วตั้งแต่ต้นทั้ง 4 เขต แต่พวกเราก็เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน นายภูดิส แก้วตระกูลโชติ จึงลงสมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และลงพื้นที่มาช่วยผู้สมัครทั้ง 3 เขตหาเสียง ซึ่งทุกเขตได้เบอร์ 5 ทั้ง 3 คน

“นายภูดิส ลงสมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 เบอร์เดียวกับผม ส่วนผู้สมัครเขตเป็นเบอร์ 5 ตรงกันหมดเลยทั้ง 3 คน ทั้งเขต 1 – 2 – 3 ก็ 5 – 5 – 5 เพราะฉะนั้นพี่น้องประชาชนก็จำได้หมดว่า พรรคประชาธิปัตย์ สมุทรสาคร 3 เขต 5 – 5 – 5 แล้วเบอร์พรรค เบอร์ 26 เสียงตอบรับดีขึ้นมากที่จังหวัดสมุทรสาครทั้ง 3 เขต เราสู้ทุกเขต และมั่นใจว่าเที่ยวนี้เราจะได้รับเลือกตั้งด้วย” นายจุรินทร์กล่าว

ส่วนที่มีประชาชนยื่นหนังสือร้องเรียน  กรณีที่มีชาวต่างด้าวเข้ามาทำธุรกิจ ซึ่งเป็นการแย่งงานคนไทย โดยนายจุรินทร์ได้รับหนังสือร้องเรียน พร้อมกับกล่าวว่า เรื่องนี้ประชาธิปัตย์มีนโยบายชัดเจนว่า เราไม่ปฏิเสธแรงงานต่างด้าว เพราะแรงงานต่างด้าวเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการมาช่วยพัฒนาเศรษฐกิจบ้านเรา และจะทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ และ SME เดินหน้าต่อไป ขณะที่ประเทศไทยก็ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน แต่เรื่องนี้ก็จำเป็นต้องมีข้อจำกัดว่า แรงงานต่างด้าวจะเข้ามาทำอะไรผิดกฎหมายไม่ได้ โดยเฉพาะการจะมาทำธุรกิจเองในประเทศไทยเหมือนคนไทยนั้นทำไม่ได้


“ที่เขามาร้องเรียนเพื่อให้ผมรับเรื่องไว้ ก็ยินดีรับ และเข้าใจเรื่องนี้ดี แล้วจะช่วยแก้ปัญหาให้ต่อไปว่า ถ้าแรงงานต่างด้าวซึ่งเขาเข้าเมืองมาเพื่อใช้แรงงาน แต่ว่ามาทำธุรกิจเสียเอง แล้วก็มาแย่งธุรกิจคนไทยทำ อันนี้ไม่ได้ เราก็จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ และนโยบายก็ชัดเจนว่าแรงงานต่างด้าวเข้ามาใช้แรงงานได้ แต่มาทำธุรกิจ แย่งธุรกิจคนไทยไม่ได้ นี่ก็คือหลักของประชาธิปัตย์” นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงผลโพลที่ระบุว่าผลงานที่โดดเด่นของพรรคประชาธิปัตย์ คือนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ว่า ขอบคุณโพล คะแนนประชาธิปัตย์ก็ถือว่าดีขึ้นมากเป็นลำดับ และภาพจำสำคัญของประชาธิปัตย์อันหนึ่งก็คือนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ข้าว มัน ยาง ปาล์ม ข้าวโพด แต่ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเราทำมากกว่านั้น ซึ่งนอกจากประกันรายได้แล้ว การแก้ปัญหาผลไม้ ทำให้ผลไม้มีราคาพุ่งสูงสุด โดยเฉพาะทุเรียน และปีนี้ก็จะดีขึ้นอีก เพราะได้ติดตามแก้ปัญหาในเชิงรุกและเชิงลึกมาตลอด ซึ่งตลาดใหญ่สำหรับสินค้าผลไม้คือประเทศจีน ที่ประสบปัญหามาตลอดในเรื่องการขนส่งทางบก จึงแก้ปัญหาด้วยการขนส่งทางเรือ และทางอากาศแทน สำหรับปีนี้มีการเปิดด่านทางบกครบแล้ว จึงหันมาขนส่งทางบกควบคู่ไปด้วย ทำให้การระบายผลไม้ในปีนี้มีความคล่องตัวดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาดีขึ้นไปอีก

“ภาพจำเรื่องนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ถือว่าเป็นความสำเร็จของพรรค เพราะเป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าพรรคอื่นมา เราไม่แน่ใจว่าเขาจะเดินหน้าต่อหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นเรา เราเดินหน้าต่อแน่นอน และยังช่วยเกษตรกรภาคส่วนต่างๆ ทั้งหมด นอกจากภาพจำเรื่องประกันรายได้แล้ว เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่เรายึดมั่นมาตลอด และเป็นอุดมการณ์สำคัญข้อนึงตั้งแต่ก่อตั้งพรรค หัวหน้าพรรคทุกคนก็รักษาสิ่งนี้ด้วยชีวิต ตั้งแต่อดีตจนถึงผม เราไม่เปลี่ยนแปลง และพิสูจน์ให้คนเห็นว่าในยามที่เรามีอำนาจ เรามีโอกาส เราไม่โกง เพราะเรารู้ว่าทางรอดประเทศไทยถัดจากนี้ไปมีทางเดียว นอกจากเป็นประชาธิปไตยเต็มใบที่ไม่ใช่ครึ่งใบกระท่อนกระแท่นแล้ว จะต้องเป็นประชาธิปไตยไม่โกงเท่านั้น ถ้าได้คนโกงมาอีกบ้านเมืองก็ไปไม่รอดอีก” นายจุรินทร์กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]