เปิด 86 บริษัทดังรับเงินโอนตรงบัญชียาเสพติด

รัฐสภา 10 เม.ย.-“ส.ว.อุปกิต” เปิด 86 บริษัทชื่อดังในไทย รับเงินโอนตรงบัญชียาเสพติด บอกตอนนี้ชื่อเสียงย่อยยับ ไปไหนก็ถูกเรียก “ส.ว.ทรงเอ ” เตรียมร้อง ป.ป.ช. สอบ “พ.ต.ท.มานะพงษ์” ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ พร้อมส่งจดหมายเปิดผนึก จี้ “อัจฉริยะ-โรม” ตรวจสอบ 22 บัญชีเหมือนบริษัทอัลลัวร์ เพื่อความเป็นธรรม เสมอภาค เท่าเทียม


นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แถลงชี้แจงกรณีตกเป็นผู้ต้องหาเครือข่ายขบวนการฟอกเงินและค้ายาเสพติดชายแดนไทย-เมียนมา “ตุน มิน หลัต” ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้อีกครั้ง ว่า จะมาเรียนให้ทราบว่าสิ่งที่ตนดำเนินการไปแล้วและสิ่งที่จะดำเนินการต่อไปคืออะไร เมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา ได้ไปที่สำนักงานสืบสวนของอัยการสูงสุด เพื่อไปพบกับเจ้าหน้าที่สอบสวนและอัยการ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร และเนื่องจากก่อนหน้านี้นายรังสิมันต์ โรม อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลและนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมกล่าวหาตนจำเป็นต้องเข้าไปแสดงความบริสุทธิ์ใจ ความจริงใจ ให้ความร่วมมือ และให้ข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

“ผมไปด้วยความสมัครใจ ไม่ได้มีหมายเรียกเชิญหรือหมายจับใด ๆ ทั้งสิ้น ผมเข้าไปยืนยันว่าจะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุด ไม่หนีไปไหน จากนั้นวันที่ 3 เมษายน ผมไปยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด ขอความเป็นธรรม เนื่องจากค้นพบว่ามีกว่า 86 บริษัททั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาที่ค้าขายอยู่ที่เมียนมาได้รับโอนเงินจากบัญชียาเสพติด 16 บริษัท และตอนหลังเพิ่มอีก  6 บริษัท รวมเป็น 22 บริษัท โดยโอนเข้าโดยตรง จะต่างกับคดีของบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ป ที่โอนไปที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ทำไมไม่ไปกล่าวโทษบริษัทเหล่านั้น ทำไมเลือกผมคนเดียว เป็นการแกล้งกัน หรือเลือกปฏิบัติ ไม่เท่าเทียมกันหรือไม่ กฎหมายต้องเท่าเทียม เสมอภาคและให้ความเป็นธรรม ผมจึงไปยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดให้ไปตรวจสอบกว่า 86 บริษัทแล้ว และด้วยเหตุนี้จึงมายื่นหนังสือเปิดผนึกถึงนายรังสิมันต์และนายอัจฉริยะ รวม 2 ฉบับ” นายอุปกิต กล่าว


นายอุปกิต  กล่าวว่า นายรังสิมันต์ อภิปรายตนในสภาฯ ทำให้ตนไม่มีโอกาสแก้ตัวหรือพิสูจน์ตัวเอง เพราะไม่ได้อยู่ในการประชุมนั้นด้วย สร้างความเสียหายกับชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของตน ทั้งที่เรื่องเกิดขึ้นหลายเดือนแล้ว แต่ทำไมเพิ่งนำมาอภิปราย  ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตจากการแถลงข่าวครั้งที่แล้วว่ามีนัยทางการเมืองหรือไม่ นายรังสิมันต์ เป็นคนรุ่นใหม่ การอภิปรายน่าจะมีความใหม่ มีความสด แต่กลับใช้วิธีเดิม ๆ และวิธีโบราณ เอาเอกสารมาจากไหนไม่ทราบ และมาทราบตอนหลังว่าเป็นประวัติแชทที่นานเป็นสิบ ๆ ปีมาแล้ว

“แต่พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ อดีตสารวัตร กองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เอาไปตัดต่อ และแปลผิด ๆ เพื่อทำหลักฐานมามัดผม และออกหมายจับผม ผมจึงให้บริษัททนายที่มีความชำนาญด้านภาษาอังกฤษแปลแล้วยื่นไปที่ศาล และคณะสอบสวนทุกที่ ซึ่งบัญชีที่ตำรวจกล่าวหาว่าเป็นบัญชียาเสพติดนั้น ได้โอนตรงถึง 86 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทย แต่ของผมคือโอนไปตามใบแจ้งหนี้ของ กฟภ. ไม่ใช่การนำเงินสะอาดมาฟอกให้เป็นเงินสกปรก วันนี้ผมได้ฝากหนังสือเปิดผนึกไปถึงนายรังสิมันต์ ถ้านายรังสิมันต์ที่อ้างว่าไม่ได้โหนกระแส และไม่ได้หวังผลทางการเมืองก็ช่วยไปตรวจสอบ 86 บริษัทนี้ด้วย นายอัจฉริยะ ที่เป็นบุคคลแรก ๆ ที่เปิดประเด็นนี้ และร้องเรียนหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมต่าง ๆ ได้ออกมาพูดทำให้ขบวนการเสีย” นายอุปกิต กล่าว

นายอุปกิต กล่าวว่า พ.ต.ท.มานะพงษ์ ไม่ได้มีหน้าที่ที่จะออกหมายจับตน เพราะมีหน้าที่รับผิดชอบการสืบสวนเท่านั้น ความจริง พ.ต.ท.มานะพงษ์ ต้องส่งเรื่องให้ฝ่ายสอบสวนคือกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 เพื่อออกหมายจับ ซึ่งต้องออกหมายเรียกตนก่อนที่จะออกหมายจับ เพราะตนมีตัวตน มีบ้านอยู่ ถ้าออกหมายเรียกจะรีบไป พ.ต.ท.มานะพงษ์ ออกหมายจับ โดยไม่แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบว่าจะออกหมายจับผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เมื่อไปที่ศาลก็ไม่ได้แจ้งผู้พิพากษาที่อยู่เวรว่าจะมาขอหมายจับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะเห็นว่าผิดถึง 3 ขั้นตอน ทั้งนี้ ถ้าผู้พิพากษาเวรทราบว่าจะออกหมายจับผู้ดำรงตำแหน่ง จะต้องไปปรึกษากับรองอธิบดีผู้พิพากษา และอธิบดีผู้พิพากษา เพื่อไม่ให้กลั่นแกล้งกัน จึงเป็นเลือกปฏิบัติกับผมแต่ผู้เดียว ไม่ตรวจสอบ 86 บริษัทที่รับโอนเงินจากบัญชียาเสพติดโดยตรง แต่มาจับคนที่เกี่ยวกับบริษัท อัลลัวร์กรุ๊ป อย่างรวดเร็ว


“ยืนยันว่าผมไม่หนีไปไหน ผมจะสู้จนสุดท้าย หลังจากเสร็จการแถลงข่าวจะไปยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เนื่องจาก พ.ต.ท.มานะพงษ์ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เพราะตั้งหน้าตั้งตาออกหมายจับโดยไม่รู้หน้าที่และกฎหมาย ใช้เพียงความคิดของตัวเองดำเนินการด้วยตัวเอง ไม่มีผู้ใหญ่ ผู้บังคับบัญชา และศาลกลั่นกรอง หากปล่อยไว้ในสังคมแบบนี้จะเป็นอันตรายมาก ทั้งยังมีความพยายามสร้างเรื่องให้ตนเป็นตัวร้าย ถ้านายรังสิมันต์ไม่ได้สร้างกระแสเพื่อหาเสียงทางการเมือง ก็ไปช่วย ตรวจสอบ 86 บริษัทเหล่านี้ด้วย ไม่ใช้ว่าจ้องเล่นงานตนคนเดียว

“หลังจากนี้ผมจะมีของขวัญให้นายรังสิมันต์และนายอัจฉริยะ จึงขอให้โปรดติดตาม สิ่งที่สร้างสรรค์ของนายรังสิมันต์ คือตั้งฉายาผมว่า ส.ว.ทรงเอ ตอนนี้ผมไปไหน ไปเดินตลาดคนก็ชี้ว่าคนนี้คือส.ว.ทรงเอ สร้างความเสียหายให้ผมและวงศ์ตระกูล สุดท้ายขอฝากรัฐบาลรักษาการนี้และรัฐบาลหน้าให้ช่วยหาทางแก้ไขปัญหาการค้าขายชายแดนอย่างถาวร ผมทราบมาว่านักธุรกิจหลายคนประสบปัญหาคล้ายกับบริษัท อัลลัวร์กรุ๊ปเรื่องการโอนเงิน เพื่อแยกระหว่างยาเสพติดและธุรกิจค้าขายที่ดี เพื่อไม่ให้นักธุรกิจประสบปัญหาเช่นเดียวกับผม ทั้งที่เราไม่ได้ทำผิด จึงเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องหาทางแก้ไขโดยด่วน จากนี้ผมจะปวารณาตัวหาทางช่วยให้นักธุรกิจไม่ต้องประสบเหมือนกับผม ขอให้ติดตามตอนต่อไป” นายอุปกิต กล่าว

ส่วนเอกสารที่ฝากไปให้นายรังสิมันต์ และนายอัจฉริยะมีรายละเอียดอย่างไร นายอุปกิต กล่าวว่า ขอให้ดูรายละเอียดในเอกสารที่แจกให้ไป หากต้องการให้เรื่องมีความเสมอภาค โดยในเอกสารได้ระบุรายชื่อของบริษัททั้งหมดไว้แล้ว ซึ่งเหตุที่ทราบเพราะได้มาจากเอกสารที่อัยการใช้ฟ้องนายทุน มินลัต กับลูกเขยของตน ซึ่งขอถามกลับว่านายรังสิมันต์นำเอกสารหลักฐานมาจากไหน หรือเพียงเกาะกระแส แล้วทำให้เป็นเรื่องการเมือง มาปรักปรำจนทำให้เสียชื่อเสียงไปทั้งประเทศ

เมื่อถามถึงความแตกต่างระหว่าง 86 บริษัท กับบริษัท อัลลัวร์กรุ๊ป นายอุปกิต กล่าวว่า ไม่มีความแตกต่าง นอกจากบริษัทกลุ่มอัลลัวร์ กรุ๊ปโอนเงินไปที่กฟภ. และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจโดยตรง ชำระตามบิลค่าไฟฟ้าที่แจ้งมาเท่านั้น ซึ่งควรจะเอาผิดบริษัทเหล่านั้นมากกว่าอัลลัวร์กรุ๊ปด้วยซ้ำ

เมื่อถามย้ำว่า ได้รายชื่อ 86 บริษัท มาจากไหน นายอุปกิต หันไปทางทนายความส่วนตัว ซึ่งตอบแทนว่า เป็นเอกสาร จ.29 โดยนายอุปกิตทวนอีกครั้งว่าเอกสารต่าง ๆ ซึ่งใช้สิทธิขออนุญาตศาลคัดข้อมูลเหล่านั้นมาจากเอกสารทั้งหมด 5 กล่องใหญ่ ตนได้อ่านทั้งหมดจนทราบว่า พ.ต.ท.มานะพงษ์ ได้แปลหลักฐานผิด สร้างความเสื่อมเสียให้ตน อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณนายรังสิมันต์ที่อภิปรายถึง ทั้งที่ไม่มีโอกาสชี้แจงหรือตอบโต้ แต่อย่างน้อยทำให้ตนได้สติและไปอ่านเอกสารต่าง ๆ

ส่วนการชิงมอบตัวก่อนและเปิดเผย 86 บริษัท ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการใช้เทคนิคทางกฎหมายเพื่อประวิงเวลาหรือไม่ นายอุปกิต ตอบด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ ว่า “คุณไม่เข้าใจหรือว่าผมถูกปฏิบัติไม่เป็นธรรมแต่เพียงผู้เดียว ทั้งที่กว่า 86 บริษัท ได้รับการโอนเงินโดยตรงจากบัญชีพ่อค้ายาเสพติดโดยไม่มีปลายทางไปที่อื่นด้วย คุณไม่ดำเนินการเขา แต่ดำเนินการกับผม อย่างนี้กฎหมายยุติธรรมเสมอภาคหรือไม่”

ส่วนเรื่องการเสียภาษี นายอุปกิต กล่าวว่าหากจดทะเบียนในไทย ก็คงดำเนินการชำระภาษีเหมือนบริษัทอื่นๆ ในไทย แต่มองว่าไม่ได้กระทบกับภาพรวมของคดีดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเดินทางกลับนายอุปกิต กล่าวตัดพ้อกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะนายรังสิมันต์พยายามอภิปราย และตั้งชื่อตนว่าส.ว.ทรงเอ ตอนนี้ไปที่ไหนก็ถูกเรียกว่าส.ว.ทรงเอ จนชื่อเสียงย่อยยับ ไปตลาดคนก็เรียกว่าส.ว.ทรงเอ เมื่อตนไปเปิดดูก็พบว่า มาจากคำว่า เอเย่นต์ขายยา พร้อมถามกับผู้สื่อข่าวว่า “คิดว่าผมเหมือนหรือไม่”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอุปกิตได้ทำหนังสือถึงนายอัจฉริยะและนายรังสิมันต์ เพื่อให้ตรวจสอบนิติบุคคลและบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งเนื้อหาระบุว่า ตามที่ท่านเป็นบุคคลแรก ๆ ที่ออกมาเปิดประเด็นเกี่ยวกับคดีของกลุ่มบริษัท อัลลัวร์และตน รวมทั้งได้เคลื่อนไหว เรียกร้อง ร้องเรียนกับหน่วยงานในสายงานกระบวนการยุติกรรมและสื่อนำนักต่างให้ดำเนินคดีกับตน โดยอ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและอยู่เบื้องกลุ่มบริษัทอัลลัวร์ กรุ๊ป ทั้งหมด ที่รับโอนเงินค่ายาเสพติดจากบัญชีเครือข่ายยาเสพติดไปชำระค่าไฟฟ้า แล้วแปลเปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้าส่งไปให้พ่อค้ายาเสพติดที่ประเทศเมียนมานั้น

“ขณะนี้ผมได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความบริสิทธิ์ และได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 3 เม.ย.2566 ขอให้ตรวจสอบนิติบุคคลและบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ได้รับโอนเงินจากบัญชียาเสพติดเช่นกับกลุ่มบริษัทอัลลัวร์และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อชำระเงินค่าไฟฟ้าในนามกลุ่มบริษัทอัลลัวร์ ซึ่งบัญชีเครือข่ายยาเสพติด 16 บัญชีและต่อมาได้ตรวจสอบเพิ่มอีก 6 บัญชี รวม 22 บัญชี ซึ่งจากกาตรวจสอบการเดินบัญชีข้างต้นที่ปรากฎในสำนวนของศาลอาญา คดีดำที่ ย1249/2565 คดีนายทุน มิน หลัด กับพวก และเป็นบัญชีที่พ.ต.ท.มานะพงศ์ วงศ์พิวัฒน์ ใช้เป็นพยานหลักฐาน เพื่อกล่าวหา และดำเนินคดีกับกลุ่มบริษัทอัลลัวร์ รวมทั้งผมพบว่ามีนิติบุคคลที่ได้รับโอนเงินจากบัญชีดังกล่าวเช่นเดียวกับกลุ่มบริษัทอัลลัวร์ ทั้งหมด 86 บริษัท  เท่าที่ได้ตรจสอบการรับโอนจากบัญชีเครื่อข่ายยาเสพติดของนิติบุคคลและบุคคลทั่วไปเหล่านี้เป็นการรับโอนจากบัญชีเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกัน ที่มีการชำระเงินค่ากระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคของกลุ่มบริษัทอัลลัวร์ และที่สำคัญนิติบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดรับโอนเข้าบัญชีนิติบุคคลนั้น ๆ โดยตรง แต่กลับไม่ดำเนินคดีกับนิติบุคคลเหล่านั้น ขณะที่กลุ่มบริษัทอัลลัวร์ฯ ไม่ได้รับเงินไว้โดยตรง ปลายทางเส้นทางเงินอยู่ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทั้งหมด แต่ถูกดำเนินคดี” หนังสือดังกล่าวระบุ

นายอุปกิต ยังระบุในหนังสือด้วยว่า ขอเรียกร้องให้นายอัจฉริยะที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับคดีนี้เป็นพิเศษ ดำเนินการกับนิติบุคคลและบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่รับโอนเงินจากบัญชียาเสพติดในลักษณะเดียวกันกับที่ได้ดำเนินการกับกลุ่มบริษัทอัลลัวร์ฯ และตนเพื่อให้เห็นว่าการดำเนินการต่าง ๆ เป็นไปด้วยความเป็นธรรม เสมอภาค เท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่เกี่ยวกับการการเมือง และไม่มีผู้อยู่เบื้องหลัง

ทั้งนี้ นายอุปกิตได้เรียกร้องให้ตรวจสอบบัญชีธนาคารส่วนใหญ่เป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐและเอกชน  ทั้งหมด 22 ธนาคาร และบริษัท 86 บริษัท ส่วนใหญ่เป็นบริษัทชั้นนำในประเทศ.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก