“จุรินทร์” วิงวอน “ชาวประชาธิปัตย์” กลับมาหนุน ปชป.เบอร์ 26

กรุงเทพฯ 6 เม.ย. – “จุรินทร์” วิงวอน “ชาวประชาธิปัตย์” กลับมาหนุน “ประชาธิปัตย์ เบอร์ 26” ขอให้มั่นใจความเป็นสถาบันการเมืองที่ทำงานบนพื้นฐานความรับผิดชอบ เพื่อคนไทยทั้งประเทศ


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์เนื่องในโอกาสครบรอบ 77 ปี พรรคประชาธิปัตย์ ว่าในช่วงการเลือกตั้ง ตนในฐานะผู้บริหารพรรคต้องนำทัพประชาธิปัตย์เข้าสู่การเลือกตั้งที่จะมาถึง ซึ่งประชาธิปัตย์มีความพร้อมมาก พร้อมทั้งคน พร้อมทั้งนโยบาย และพร้อมทั้งหัวหน้าพรรคที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

สำหรับการจัดทัพในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งจะมุ่งเน้นการจัด 3 ทัพ ดังที่ย้ำไปแล้วคือ 1.ทัพหัวหน้าพรรค 2.ทัพเลขาธิการพรรค 3.ทัพอดีตหัวหน้าพรรค ที่จะออกไปหาเสียงทั่วประเทศ เรามั่นใจว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาธิปัตย์จะได้รับเสียงตอบรับดีขึ้นจากพี่น้องประชาชนทุกภาค ทั้งในกรุงเทพฯ เหนือ ใต้ อีสาน กลาง จากการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องของพวกเรา


“ตนขอถือโอกาสนี้วิงวอนพี่น้องประชาชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศ ได้โปรดช่วยสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จากทั่วประเทศ ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากมายมหาศาล ท่านที่เคยเลือกเราคราวที่แล้วขอให้ยืนหยัดสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป สำหรับสมาชิกพรรคที่คราวที่แล้วทิ้งเราไป แต่คราวนี้ขอเรียกร้องให้กลับมาช่วยเรา มาช่วยประชาธิปัตย์ มาช่วยกันจับมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวประชาธิปัตย์ เพื่อพาประชาธิปัตย์ไปสู่ความสำเร็จในการเลือกตั้ง ไม่ใช่เพื่อเรา แต่เพื่ออนาคตที่ดีกว่าอย่างยั่งยืนของประเทศไทยของเรา” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวยืนยันว่า ประชาธิปัตย์ยังยึดมั่นในอุดมการณ์การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ประโยชน์ประเทศเป็นหลักสืบไป ด้วยคน นโยบาย หัวหน้าพรรคที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ และศักยภาพของพวกเราทั้งมวล

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงจุดขายที่โดดเด่นของพรรคประชาธิปัตย์คือความเป็นสถาบันทางการเมืองที่ยาวนานถึง 77 ปี มีความแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า สิ่งนี้คือจุดขายสำคัญ ถ้าประชาชนเลือกเราก็จะไม่ผิดหวังและไว้ใจได้ เพราะประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมืองที่อยู่มาตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และจะอยู่ต่อไปในอนาคต เพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน


“ถ้าลงคะแนนเลือกประชาธิปัตย์ ครั้งหน้าประชาธิปัตย์ก็ยังอยู่ ไม่ว่าจะทำถูก ทำผิด สามารถกลับมาทวงทุกสิ่งทุกอย่างที่เราประกาศออกไป ทวงนโยบาย ทวงความรับผิดชอบ ทวงได้ทุกสิ่งทุกอย่างต่อไป เพราะประชาธิปัตย์ยังอยู่ และทุกอย่างที่เรากำหนดเป็นนโยบายเพื่อขับเคลื่อนประเทศในการหาเสียงนี้อยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราคิด เราทำมาแล้ว และตกผลึกมาแล้วทั้งหมด เพื่อพี่น้องคนไทยทั้งประเทศจริงๆ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามความเห็นเกี่ยวกับการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองหนึ่ง และมีการประกาศนโยบายที่อาจเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้หรือไม่นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ขอไม่วินิจฉัยพรรคอื่น เราทำของเรา โดยขอให้พี่น้องช่วยกันเลือกประชาธิปัตย์ ขอให้สนับสนุนเรา ส่วนพรรคอื่นจะเป็นอย่างไร ขอไม่ไปพาดพิง เพราะตนเห็นว่าสิ่งนี้เป็นวิธีการหาเสียงที่ดีที่สุด และเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า การหาเสียงของประชาธิปัตย์จะไม่มีการพูดถึงพรรคอื่นโดยไม่จำเป็น ยกเว้นกรณีมีการกล่าวพาดพิงในลักษณะที่พรรคเกิดความเสียหาย หรือประชาชนเกิดความเข้าใจผิด หากเป็นเช่นนี้ประชาธิปัตย์ต้องชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจ

“เรื่องนี้มีการพูดคุยกันแล้ว ขอนำเสนอแต่ทางเลือกคนเราดีกว่าอย่างไร นโยบายดีกว่าอย่างไร แคนดิเดตนายกฯ ของเราสู้คนอื่นได้อย่างไร เป็นนักประชาธิปไตยในวิถีทางที่ประเทศต้องการอย่างไร ประสบการณ์ทั้งด้านบริหารนิติบัญญัติทำมาอย่างไร สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราจะไปบอกกับพี่น้องประชาชนเป็นหลัก” นายจุรินทร์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงแผนการตั้งเวทีปราศรัยใหญ่ และการลงพื้นที่หาเสียงทั่วประเทศว่าจะมีขึ้นเมื่อไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วางแผนไว้หลายรูปแบบ อย่างน้อย 3 ทัพจะได้ตระเวนไปทั่วประเทศ โดยได้แบ่งพื้นที่ชัดเจนแล้ว บางจังหวัดอาจมีซ้ำกัน แต่บางจังหวัดก็แบ่งกันไป และจะพยายามไปให้ทั่วถึงทั้งประเทศอีกครั้งในช่วงก่อนถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งรูปแบบการพบปะพี่น้องประชาชนจะมีทั้งการจัดปราศรัยใหญ่ การปราศรัยย่อย รวมถึงการตระเวนในรูปแบบคาราวาน เพื่อพบปะพี่น้องประชาชนในหมู่บ้าน ชุมชน และพื้นที่ต่างๆ ตามความเหมาะสมต่อไป

ส่วนการปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ในกรุงเทพมหานคร ที่จะจัดขึ้นที่ลานคนเมืองในวันพรุ่งนี้ นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับในพื้นที่กรุงเทพฯ คือลมหายใจของประชาธิปัตย์ เราหวังว่าเราจะได้เสียงตอบรับที่หายไปจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วกลับคืนมา ทั้งหมดนี้เมื่อดูจากเสียงตอบรับที่ได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และเราไม่เคยทิ้งคนกรุงเทพฯ ไปไหน ยามที่เผชิญวิกฤติโควิด ประชาธิปัตย์ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่พรรค ที่ลงไปดูแลต่อเนื่อง ด้วยการจัดตั้งศูนย์ฉุกเฉิน สามารถเตียงให้ผู้ป่วยได้ถึง 5,000-6,000 เตียง จัดทำข้าวกล่องดิลิเวอรี่ส่งตรงถึงบ้าน ประชาธิปัตย์ก็จัดมาโดยต่อเนื่องในช่วงเวลาล็อกดาวน์ รวมทั้งถุงน้ำใจ ปชป. ที่เราทำมา ดังนั้น เมื่อถึงเวลาที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แม้เราไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ประชาธิปัตย์ก็มาเป็นอันดับ 2 ชนะหลายพรรคการเมืองที่ลงแข่งขัน ได้ ส.ก. ถึง 9 ที่นั่ง และได้ที่ 2 อีก 7 ที่นั่ง ทั้งหมดนี้คือเสียงตอบรับที่ดีขึ้น

“ตนลงพื้นที่ กทม. หลายพื้นที่ ต้องขอพูดซ้ำว่ามีหลายคนวิ่งมากอด แล้วมาบอกว่าขอโทษนะ คราวที่แล้วไม่ได้เลือก แต่คราวนี้ฉันจะช่วยเลือก ตนคิดว่านี่คือสัญญาณที่ดี ไม่ใช่มีคนเดียวแต่มีหลายคนทีเดียว มีหลายพื้นที่และหลายภาคทั่วประเทศ นี่คือสัญญาณที่ตนขอเรียกร้องถึงท่านที่ทิ้งเราไปคราวที่แล้ว ขอให้กลับมา มาช่วยกันสนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสทำเพื่อบ้านเมืองต่อไป” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

ทุกๆ วันที่ 6 เมษายนของทุกปี พรรคประชาธิปัตย์จะจัดพิธีทำบุญครบรอบการก่อตั้งพรรคที่สำนักงานใหญ่ สำหรับปีนี้พรรคประชาธิปัตย์ครบรอบปีที่ 77 และก้าวเข้าสู่ปีที่ 78 ได้จัดพิธีทำบุญพรรคทั้ง 3 ศาสนาดังเช่นทุกครั้ง ได้แก่ พิธีทางศาสนาอิสลาม พิธีพราหมณ์บวงสรวงพระแม่ธรณีบีบมวยผม และพิธีทางศาสนาพุทธ โดยมีบุคคลสำคัญของพรรค ตั้งแต่นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ นายนิพนธ์ บุญญามณี นายสุทัศน์ เงินหมื่น คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ น.ส.วทันยา บุนนาค นายนริศ ขำนุรักษ์ ไปจนถึงผู้สมัคร ส.ส. ทั้งจากกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด สมาชิกพรรค ผู้สนับสนุน และพี่น้องประชาชน เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ศาล รธน. นัดชี้ชะตา “แพทองธาร” คดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” 29 ส.ค.นี้

ศาล รธน. 13 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ นัดชี้ชะตา “แพทองธาร” คดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” 29 ส.ค.นี้ เปิดให้เจ้าตัวเข้าไต่สวนพร้อมเลขาฯ สมช. 21 ส.ค. ไม่มาถือว่าไม่ติดใจ ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กรณีปรากฏคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา เผยแพร่ทางสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้อง แถลงข่าวยอมรับว่า เป็นเสียงการสนทนาของตนกับสมเด็จฮุน เซน จริง แม้ น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้อง แถลงข่าวในเวลาต่อมาว่าเป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์แบบส่วนตัว โดยมีเจตนาที่จะเจรจาต่อรองอย่างนุ่มนวล เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและอธิปไตยของไทยก็ตาม แต่ผู้เข้าชื่อเสนอคำร้องเห็นว่า น.ส.แพทองธาร แสดงออกถึงความนิ่งเฉยและไม่ปฏิบัติหน้าที่โต้ตอบหรือกำหนดมาตรการ รวมถึงการเจรจาระหว่างประเทศด้วยตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่บุคคลผู้อยู่ในสภาวะ วิสัย และพฤติการณ์แห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีพึงกระทำ เพราะเหตุแห่งความสัมพันธ์ส่วนตัวในลักษณะเป็นฝั่งเดียวกันกับกัมพูชา พร้อมที่จะทำตามหรือจัดการตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการมาโดยตลอด ส่วนแม่ทัพภาคที่ 2 […]

ทบ.แจงปมขอรับบริจาคลวดหนาม จำเป็นต้องใช้เร่งด่วน

กองทัพบก 13 ส.ค.- โฆษก ทบ. แจงกองทัพภาค 2 ขอรับบริจาค “ลวดหนามหีบเพลง” เหตุจำเป็นต้องใช้เร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยกำลังพล สกัดการลักลอบเข้าพื้นที่ของทหารกัมพูชา ชี้หากรอกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ใช้เวลา 1 เดือน ย้ำรัฐบาล-กองทัพ มีงบประมาณเพียงพอ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ขอให้กองทัพภาคที่2 หยุดรับบริจาคลวดหนามหีบเพลงจากประชาชน และให้มาขอกับรัฐบาลว่า ยืนยันรัฐบาลและกองทัพมีงบประมาณเพียงพอ แต่ติดขัดในกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน และหากไม่ปฏิบัติตามระเบียบ อาจทำให้ผู้จัดซื้อมีความผิด ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน มีความจำเป็นต้องใช้ลวดหนามหีบเพลงทันที โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดน “อุบลฯ-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์” จึงต้องขอรับการสนับสนุนจากประชาชน “การจัดซื้อต้องเป็นไปตามระเบียบราชการ แต่วิธีจัดหาใช้แบบพิเศษได้ แต่ก็ใช้เวลาเป็นเดือน ที่สำคัญ กรณีลวดหีบเพลงสเปกที่ทหารใช้ ไม่มีในท้องตลาดต้องสั่งผลิตจึงใช้เวลานานขึ้นไปอีก ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของงบประมาณ งบประมาณมีอย่างเพียงพอ มีแค่เรื่องเวลา” โฆษก ทบ. กล่าวและว่า […]

โรงเรียน-โรงพยาบาลในอุบลฯ เปิดวันแรก หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

13 ส.ค. – ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ (13 ส.ค.) ยังปกติ ชาวบ้านติดชายแดนต่างวิตก หวั่นเกิดการปะทะ จึงเก็บสัมภาระเตรียมพร้อมหากต้องอพยพออกจากพื้นที่ ส่วนโรงเรียน-โรงพยาบาล ใน จ.อุบลราชธานี เปิดวันแรก ทำเอาชาวบ้านอยู่ไม่ได้ หลังมีกระแสข่าวว่าจะเกิดการยิงกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จนชาวบ้านต้องขนของอพยพออกจากบ้านกลางดึก เพื่อมาตั้งหลักในตัว อ.กันทรลักษ์ แต่หลังจากแน่ใจว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจึงเดินทางกลับเข้าบ้านเรือน แต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ ออกไปพักบ้านญาติพี่น้องต่างอำเภอ สำหรับสถานที่ราชการในตัว อ.กันทรลักษ์ วันนี้ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ส่วนโรงเรียนบางแห่งประกาศให้เรียนทางออนไลน์แทน เพื่อความปลอดภัย โรงเรียนชายแดน จ.สุรินทร์ ปิดต่อ ให้เรียนออนไลน์เช่นเดียวกับ จ.สุรินทร์ โรงเรียนชายแดนยังปิดต่อ และให้เรียนออนไลน์แทน เพื่อรอดูสถานการณ์ ส่วนผู้ปกครองกังวลถ้ายังเปิดเรียนในช่วงสถานการณ์ยังไม่สงบและไม่ปลอดภัย 100% ส่วนในพื้นที่ อ.พนมดงรัก โรงเรียนประถมฯ บางโรงประกาศให้มีการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ช่วงวันที่ 13-15 สิงหาคมนี้ และมีบางโรงเรียนที่กลับมาเปิดเรียนตามปกติแล้ว แต่ไม่บังคับว่านักเรียนต้องมาเรียนทุกคน โดยมีการแจ้งใน LINE กลุ่มผู้ปกครองว่าหากผู้ปกครองท่านใดยังมีความกังวลใจก็อนุญาตให้เด็กลาได้ ส่วนชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ […]

South Korea Leader and wife at Presidential plane Apr 2023

เกาหลีใต้จับอดีตสตรีหมายเลข 1

โซล 13 ส.ค.- นางคิม คอน ฮี อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ ถูกควบคุมตัวตามที่ศาลออกหมายจับเมื่อค่ำวานนี้ หลังจากอัยการยื่นขอหมายจับเพราะเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวนในคดีที่ถูกกล่าวหาหลายคดี นางคิม ซึ่งจะมีอายุครบ 53 ปีในเดือนกันยายน เป็นอดีตสตรีหมายเลข 1 คนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุม ขณะที่สามีของเธอ คือ อดีตประธานาธิบดียุน ซอก ยอล วัย 64 ปี กำลังถูกคุมขังระหว่างรอการพิจารณาคดี หลังจากถูกถอดถอนจากตำแหน่งกรณีประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปลายปี 2567 ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันนางคิมได้โค้งคำนับและไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวขณะเดินทางถึงศาล จากนั้นไปรอฟังคำตัดสินที่สถานกักขังในกรุงโซลตามธรรมเนียมปฏิบัติของเกาหลีใต้ โฆษกคณะอัยการพิเศษที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อต้นเดือนมิถุนายนแถลงว่า อัยการยื่นขอหมายจับนางคิม เนื่องจากเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวน สำนักข่าวยอนฮับของทางการเกาหลีใต้รายงานว่า ศาลอนุมัติหมายจับตามคำแถลงเรื่องเธอมีความเสี่ยงที่จะทำลายหลักฐาน อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ถูกตั้งข้อหาหลายคดี ตั้งแต่การปั่นหุ้นไปจนถึงการรับสินบนและการใช้อิทธิพลแทรกแซงอย่างผิดกฎหมายที่พัวพันกับเจ้าของธุรกิจ บุคคลทางศาสนา และผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เธอถูกกล่าวหาว่า ทำผิดกฎหมายเรื่องสร้อยคอประดับจี้ยี่ห้อหรูที่สวมไปร่วมการประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ที่สเปน พร้อมกับสามีในปี 2565 เนื่องจากไม่ได้แจ้งรายการทรัพย์สินจี้ดังกล่าวที่มีข่าวว่าราคาสูงกว่า 60 ล้านวอน (กว่า 1.4 ล้านบาท) เธอให้การกับอัยการว่าเป็นของปลอมที่ซื้อในฮ่องกงเมื่อ […]