“เศรษฐา” ประกาศพร้อมเป็นนายกฯ คนที่ 30

ธันเดอร์โดม สเตเดียม เมืองทองธานี 5 เม.ย – “เศรษฐา” ประกาศพร้อมเป็นนายกฯ คนที่ 30 ลั่นรัฐบาลเพื่อไทยเติมเงิน 10,000 บาท เข้ากระเป๋าดิจิทัลคนอายุ 16 ปีขึ้นไป


นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ปราศรัยว่า วันนี้เป็นวันสำคัญในชีวิตการเมืองของตน รู้สึกเป็นเกียรติ และขอขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ไว้วางใจให้เป็น 1 ใน 3 แคนดิเดต เพื่อร่วมชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนถัดไป ที่มีภารกิจสำคัญในการพลิกฟื้นประเทศไทยที่ซบเซามานาน

พร้อมเล่าย้อนถึงสาเหตุที่ผลักดันเรื่องความเท่าเทียมว่า มีเพื่อนหลายกลุ่ม ทางกลุ่มที่ได้ไปเที่ยว และกลุ่มที่เป็นลูกของนักการภารโรงไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยว ทำให้ตนสงสัยว่าเพื่อนที่กอดคอกันแต่กลับมีโอกาสไม่เท่ากัน เรื่องนี้ถือเป็นความไม่เท่าเทียมที่จำได้ในชีวิต ทำให้ตลอดเวลา 30 ปี ในภาคธุรกิจ ตนพยายามผลักดันเรื่องฐานะ ความเท่าเทียมในสังคม แต่ความหมายเท่าเทียมในจิตใจมันฝังหยั่งรากลึก รัฐมีหน้าที่ให้ความสำคัญและผลักดันปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งเรื่องกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และสิทธิเสรีภาพ ไม่ควรให้ประชาชนต้องมาต่อสู้ด้วยตัวเอง เรื่องเหล่านี้เป็นตัวจุดประกายที่ทำให้ตัดสินใจจะเข้ามาแก้ไขในบทบาทใหม่ และวันนี้ได้มาถึงแล้ว ซึ่งในช่วงที่นายเศรษฐาพูดประโยคนี้เอง แบล็กกราวด์ด้านหลังได้ขึ้นข้อความว่า “ผมพร้อมแล้ว”


นายเศรษฐายังกล่าวว่า ตนขออาสาและขอโอกาสจากคนไทยทุกคนเลือกพรรคเพื่อไทยให้ไปจัดตั้งรัฐบาล เพื่อให้ตน เพื่อผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคเพื่อไทย ทำความตั้งใจนี้ให้เป็นจริง ถึงแม้ว่าตนจะไม่ได้มีชีวิตอยู่จนเห็นภาพสุดท้ายว่าคนไทยเท่าเทียมกันทุกประการ แต่ตนจะทำทุกทางเพื่อให้ลูกหลานมีสังคมและชีวิตที่ดีกว่า

“วันนี้ตนขอพูดถึงสิ่งที่จะทำในฐานะผู้นำของประเทศไทยคนถัดไป ความตั้งใจข้อแรกจะยกระดับเศรษฐกิจประเทศไทยทั้งประเทศ โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ด้วยนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ตนขอเน้นย้ำคำว่าทั่วถึง เพราะที่ผ่านมาการกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างผลประโยชน์ให้กับคนไม่กี่กลุ่มในประเทศ ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำฐานะของคนในครัวเรือนและความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจภายใต้นโยบายของพรรคเพื่อไทย โดยจะอาศัยเทคโนโลยี digital Wallet ด้วยการเติมเงินในกระเป๋าดิจิทัล 10,000บาท ในมือถือทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป โดยสามารถใช้ได้ในรัศมี 4 กิโลเมตร จากที่อยู่ตามบัตรประชาชน และต้องใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน ซึ่งนโยบายนี้จะทำให้เกิดการหมุนเวียนทำให้คนที่อยู่ในชุมชนขายของได้มากขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับครัวเรือนไปจนถึงระดับประเทศ ซึ่งรัฐบาลจะได้การตอบแทนกลับมาในรูปแบบของภาษี” นายเศรษฐา ระบุ

นายเศรษฐายังกล่าวถึงนโยบายที่จะขับเคลื่อนทั้งการหาตลาดให้กับผู้ผลิตสินค้าในไทย ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น หรือสุราพื้นบ้าน ให้สินค้าจากไทยเข้าถึงตลาดทั่วโลก ที่จะนำรายได้มหาศาลมาสู่ประชาชน โดยหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะมีการยกระดับการเจรจาทางการทูตเพื่อผลประโยชน์ของคนไทย ไม่ใช่แค่ด้านเศรษฐกิจแต่ยังรวมถึงสิทธิฟรีวีซ่าของพาสปอร์ตไทยในอีกหลายๆ ประเทศด้วยเช่นกัน


พร้อมย้ำถึงความสำคัญในการเจรจาการทูตว่า นอกจากความอิสระของพาสปอร์ตไทยแล้ว ในอีกมุมหนึ่งยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เข้ามาใช้จ่าย เพิ่มเงินหมุนเวียนในประเทศ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยและเอกชนในต่างประเทศก็สำคัญ เพราะเพื่อไทยจะไปเจรจากับบริษัทต่างประเทศให้เลือกลงทุนที่ประเทศไทย เพิ่มตำแหน่งงาน เพิ่มรายได้ให้คนไทย

นายเศรษฐายังกล่าวถึงเรื่อง Soft Power ที่หลากหลายของคนไทย ต้องมีการผลักดันจากภาครัฐและสร้างพื้นที่รองรับการแสดง Soft Power เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงคอนเสิร์ต งานศิลปิน เทศกาลหนัง และอื่นๆ อีกมากมาย ให้เมืองไทยกลายเป็นหมุดหมายที่ทั่วโลกอยากเข้ามาจัดการแสดงที่ประเทศไทย รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทัดเทียมระดับโลก โดยประเทศไทยจะต้องเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศ ทางราง และทางเรือ ให้สามารถรองรับผู้คนและสินค้าให้ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขยายสนามบิน ขยายโครงข่ายรถไฟให้เชื่อมเหนือจรดใต้ และเพิ่มความสามารถของท่าเรือเชื่อมต่อ โดยที่พรรคเพื่อไทยจะยังไม่ละเลยความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ ที่ต้องบริหารจัดการให้เติบโตไปพร้อมกับประเทศได้ อย่าง การนำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารพื้นที่ชลประทานอย่างเป็นระบบภายใต้การประสานงานของหน่วยงานรัฐที่ทำงานโดยมีประชาชนเป็นหัวใจหลัก และอากาศสะอาดที่เป็นพื้นฐานการดำรงชีวิต ประชาชนไม่ควรต้องร้องขอจากรัฐ โดยเฉพาะปัญหา PM 2.5 ที่เราเผชิญอยู่ รัฐบาลที่ดีต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นตอทันที

นายเศรษฐา กล่าวว่า ความตั้งใจทั้งหมดที่พูดมาทำได้จริง ผ่านนโยบายของพรรคเพื่อไทย ตนจะยกระดับครัวเรือนลดช่องว่างทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทยมีที่ยืนบนเวทีโลกอีกครั้ง ความตั้งใจทั้งหมดต้องอาศัยประชาชนทั้งหมดช่วยกันเป็นกำลังเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนความตั้งใจนี้ให้เป็นจริง ในวันนี้ขอให้ทุกคนในที่นี้และอยู่ที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นคนภาคกลางคนเหนือ คนใต้ คนอีสาน จะเป็นคนรวย คนด้อยโอกาส เป็นชาวนา ชาวไร่ นักธุรกิจ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ หรือจะเป็นเด็กรุ่นใหม่ คนรุ่นเก่า คนอนุรักษ์นิยม คนเสรีนิยม คนเสื้อแดง คนเสื้อเหลือง คนเสื้อหลากสี พวกเราคือคนไทยเหมือนกัน

“ขอให้ทุกคนถอดหัวโขนที่สวมอยู่ ทุกคนล้วนเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นคนในครอบครัว สำคัญที่สุดเป็นประชาชนคนไทย เป็นคนที่รักและอยากเห็นประเทศไทยเจริญก้าวหน้ากลับมาเป็นผู้นำของภูมิภาคอีกครั้ง การเลือกตั้งครั้งนี้ตนไม่ได้มาสู้กับใครคนใดคนหนึ่ง ศัตรูของตนคือความยากจน ความลำบากของประชาชน ชัยชนะต่อสิ่งเรานั้นคือเป้าหมายที่แท้จริงของตนและพรรคเพื่อไทย ตนอยากทำให้ความหวังของทุกคนเป็นจริงที่อยากเห็นคนทุกกลุ่มมีชีวิตที่ดีขึ้น ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน มีที่ยืนในเวทีโลกอย่างภาคภูมิใจ ถ้าทุกคนเชื่อในความหวังนี้ว่าจะเป็นจริงได้ เชื่อในความหวัง เชื่อในความมุ่งมั่นของตนและ ส.ส. ของพรรคเพื่อไทย เลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวว่า ถ้ามีโอกาสได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จะอุทิศเวลาทั้งหมดทำหน้าที่รับใช้ประชาชน ทำนโยบายให้เป็นจริง นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ประเทศ คืนศักดิ์ศรีคืนความมั่งคั่ง คืนความภาคภูมิใจให้กับคนไทย เพื่อส่งต่ออนาคตที่ดีให้กับลูกหลานของพวกเราทุกคน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัท เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้าน

กทม. 18 พ.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัทชิปปิ้ง เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้านบาท พบก่อเหตุคล้ายกันในบริษัทฯ อีก 2 แห่ง รวมรัฐเสียหายกว่า 430 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำเจ้าหน้าเข้าจับกุม นางสมบุญ อายุ 54 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1051/2568 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์2568 ในความผิดฐาน “ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มกระทำการใดๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน ที่ลานจอดรถหน้าอพาร์ทเมนต์ พื้นที่ ม.2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พฤติการณ์ ของ น.ส.สมบุญ ผู้ต้องหา ตรวจสอบพบว่า เป็นหนึ่งในกรรมการ บริษัท แห่งหนึ่งประกอบกิจการเป็นตัวแทนนำเข้าสินค้าและดำเนินพิธีการศุลกากรเพื่อนำสินค้าออกจากท่าเรือ แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าบริษัทฯดังกล่าวมีพฤติการณ์ปิดบังซ่อนเร้นที่มาของรายได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ โดย บริษัทมักจะไม่มีการออกใบกำกับภาษีขายและใบเสร็จรับเงินสำหรับค่าบริการให้แก่ลูกค้าแต่อย่างใด และการจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างของบริษัทฯ มักจะจ่ายเป็นเงินสดให้ลูกจ้างเป็นรายสัปดาห์ […]

สาวใจเด็ด โดดจยย.รับจ้าง วิ่งตามรถตัวเองหลังตามหา 1 ปี

กทม. 18 พ.ค. – สาวใจเด็ด โดดลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้าง วิ่งไล่รถตัวเอง หลังตามหาและผ่อนกุญแจเปล่ามานานกว่า 1 ปี พบเพื่อนสนิทนำรถไปค้ำประกันกับเจ้าหนี้ จากกรณีคลิปที่มีการแชร์ในโซเซียล ขณะผู้หญิงใส่เสื้อลายกำลังวิ่งไล่ตามรถเก๋งสีขาว พร้อมตะโกนให้คนช่วย จนพลเมืองดี ช่วยกันเข้ามารายล้อมรถและคนขับรถเก๋งต้องเลี้ยวเข้าซอย เพื่อลงมาเคลียร์ ก่อนเกิดเหตุชุลมุนขึ้น เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ล่าสุดทีมข่าวเปิดใจ สาวที่ปรากฏในคลิป เล่าถึงสาเหตุที่ต้องเข้าไปขวางรถยนต์คันนี้ เพราะว่าเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม ปี 2567 ตนเองได้ซื้อรถเก๋งคันนี้ ทะเบียนขอนแก่น และนำรถไปฝากจอดไว้ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ซึ่งเป็นห้องของแฟนเพื่อนสนิท แต่หลังจากที่นำรถไปฝาก ก็ไม่เคยได้พบรถตัวเองอีกเลย โดยเพื่อนสนิท อ้างว่าแฟนเอาไปขับ ทุกครั้งที่ทวงถามหารถ จะมีการบ่ายเบี่ยงต่างๆ นานา จนในที่สุด ตนเองก็เข้าแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ห้วยขวาง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตามหารถ เวลาผ่านไปประมาณ 1 ปี ก็ยังตามหาไม่ได้ ตนเองจึงต้องผ่อนกุญแจเปล่า มาเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม […]

ข่าวแนะนำ

ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า “ดีเจเตเต้”

กาญจนบุรี 19 พ.ค. – ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการแล้ว 4 ราย อุ้มฆ่า “ดีเจเตเต้” ตั้งข้อหาหนักหลายกระทง ล่าสุด ครอบครัวรับศพแล้ว เผยผลชันสูตร กระสุนเจาะศีรษะ 2 นัด เป็นเหตุเสียชีวิต พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เดินทางลงพื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีล่าตัวแก๊งอุ้มฆ่า นายวราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์ หรือ ดีเจเตเต้ อายุ 33 ปี โดยภายหลังการประชุม พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้จับกุม นายธนเดช หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า ดีเจเตเต้ แล้ว ส่วนอีก 4 คน ศาลอนุมัติหมายจับ ประกอบด้วย นายณรงค์เดช, นายภคณัท, นายนพพิจิตร และนายธราเทพ ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ใน 5 ข้อหาหนัก ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

ตามหา “เจ๊แก้ว” ใส่ทอง 20 บาท หายตัวไป 2 วัน

สุราษฎร์ธานี 19 พ.ค. – ยังไร้วี่แวว “เจ๊แก้ว” เจ้าของแผงทุเรียน หายตัว 2 วัน พร้อมทองหนัก 20 บาท-เงินสด 1 แสน สามีวอนตำรวจ-พลังโชเชียลช่วยตามหา หวั่นเกิดเหตุร้าย เมื่อวานนี้ (18 พ.ค.) ญาติของ น.ส.สุจิตรา หรือเจ๊แก้ว อายุ 43 ปี เจ้าของแผงทุเรียนในตลาดโพธิ์หวาย ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ว่า น.ส.สุจิตรา หายตัวไปวันที่ 17 พฤษภาคม หลังจากเสร็จงานที่แผงทุเรียน และกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 2 กม. ช่วงเวลาประมาณ 19.40 น. น้องสาวของเจ๊แก้ว เล่าว่า วันนั้นตนได้โทรศัพท์คุยกับพี่สาวและทราบว่าพี่สาวกำลังจะออกจากแผงทุเรียนเพื่อที่จะกลับบ้าน หลังจากนั้นก็เห็นผิดสังเกตว่าพี่สาวยังมาไม่ถึงบ้านเลยพยายามโทรหาแต่ก็ไม่มีคนรับ ปกติแล้วพี่สาวได้สวมใส่สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาท เลทข้อมือทองคำน้ำหนัก 10 บาท […]

“บิ๊กเต่า” นำทีมตรวจเงินวัดไร่ขิง พบบัญชีวัดเพิ่มอีกรวม 49 บัญชี

นครปฐม 19 พ.ค. – “บิ๊กเต่า” นำทีมตรวจเงินวัดไร่ขิง พบตู้บริจาค 185 ตู้ บัญชีวัดรวม 49 บัญชี รอตรวจสอบเส้นเงินที่ชัดเจน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้นำกำลังตำรวจ เจ้าหน้าที่ สตง. และเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนา เข้าตรวจสอบข้อมูลการเงินเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม ภายในห้องการเงิน วัดไร่ขิง ก่อนที่ในช่วงบ่ายพระครูปฐมธีรวัฒน์ (บัญชา ฐิตธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ได้เป็นตัวแทนนำ จนท.ออกมาชี้จุดตั้งตู้บริจาคปัจจัยที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัด พบว่ามีตู้บริจาคทั้งหมด 185 ตู้ ซึ่งหลังจากใช้เวลาตรวจสอบบัญชีเพิ่มเติมกว่า 8 ชั่วโมง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่าการตรวจสอบในวันนี้ ไม่ได้ เป็นการสอบปากคำ แต่เป็นเพียงการเรียกทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีการเงินของวัดประมาณ 10 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารจาก 4 ธนาคาร เข้ามาให้ข้อมูล เพื่อหาข้อสรุปว่า บัญชีของวัดมีกี่บัญชี ซึ่งทำให้พบบัญชีวัดเพิ่มขึ้นจากที่พบก่อนหน้านี้ 20 กว่าบัญชี (ใน 20 กว่า มีบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาส […]