กทม. 1 เม.ย.-โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ กำชับทุกหน่วยงาน เตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวก-ความปลอดภัย รองรับประชาชนเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้มีวันหยุดราชการติดต่อกันหลายวัน คาดว่าจะมีพี่น้องประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนารวมถึงออกเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับไปยังกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชน พร้อมเน้นย้ำมาตรการลดอุบัติเหตุ ให้การเดินทางของประชาชนเกิดความปลอดภัยสูงสุด
นายอนุชา กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) คาดการณ์ว่าในช่วง 7 วันของเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2566 จะมีปริมาณการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะรวม 13.60 ล้านคน-เที่ยว เพิ่มขึ้นจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้จัดเตรียมระบบขนส่งสาธารณะทางบก ราง น้ำ และอากาศ รวมถึงการเชื่อมต่อการเดินทางที่สถานีรถโดยสาร ท่าเรือ และท่าอากาศยาน เพื่อให้บริการแก่ประชาชนอย่างเพียงพอและเป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ประชาชนเดินทางอย่างสะดวกและปลอดภัยมากที่สุด ทั้งนี้ สนข. คาดการณ์ว่าในช่วง 7 วันของเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2566 จะมีปริมาณจราจรขาเข้าและออกกรุงเทพมหานครบนทางหลวงสายหลัก 5 เส้นทางในสายเหนือ อีสาน ตะวันออก ตะวันตกและใต้ รวม 4.60 ล้านคัน ดังนั้น เพื่อบริหารการจราจรให้เกิดความคล่องตัว จึงขอให้ประชาชนวางแผนการเดินทางล่วงหน้า เพื่อกระจายการเดินทางและเหลื่อมเวลาการเดินทางในเส้นทางเข้า-ออกกรุงเทพฯ โดยขอความร่วมมือให้กลุ่มเดินทางใกล้ (ระยะทาง 200 – 300 กม.จากกรุงเทพฯ) เดินทางออกทีหลัง-กลับก่อน โดยเลี่ยงการเดินทางช่วงที่คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณการเดินทางสูงช่วงขาออกและขาเข้าในวันที่ 12 และวันที่ 16 เมษายน 2566 สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ขอให้วางแผนการเดินทางโดยจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมได้เตรียมมาตรการบริหารจัดการจราจรบนเส้นทางถนนสายหลักและสายรองที่มีการจราจรหนาแน่นติดขัด อาทิ ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนให้ใช้เส้นทางรอง/เส้นทางเลี่ยง ที่ยังมีความสามารถรองรับปริมาณการจราจรได้ เช่น เส้นทางที่จะไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : ทล. 304 (ฉะเชิงเทรา – กบินทร์บุรี) M6 (ปากช่อง – สีคิ้ว – ขามทะเลสอ) เส้นทางที่จะไปภาคเหนือ : ทล. 340 (บางบัวทอง – ชัยนาท) เส้นทางที่จะไปภาคตะวันออก : ทล. 3 (สุขุมวิท) ทล. 34 (บางนา – ตราด) รวมทั้งจะต้องคืนพื้นผิวจราจรและจัดการบริเวณพื้นที่โครงการก่อสร้าง (Work Zone) ห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปเดินรถใน 7 เส้นทางและแจ้งเจ้าของสินค้าวางแผนการขนส่งออกจากท่าเรือ พร้อมกับให้มีการตรวจสอบ ปรับปรุง จัดอุปกรณ์ความปลอดภัยบริเวณจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน รณรงค์สร้างความตระหนักรู้และขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย รักษาวินัยจราจร และระมัดระวังเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทาง โดยเน้นการลดพฤติกรรมเสี่ยงในการขับขี่ “ไม่ขับเร็ว – คาดเข็มขัดนิรภัย – สวมหมวกนิรภัย – ดื่มไม่ขับ – ง่วงไม่ขับ – ไม่ขับรถย้อนศร” รวมถึงการสวมเสื้อชูชีพทุกครั้งที่สัญจรทางน้ำ และเพิ่มความระมัดระวังเมื่อเดินทางผ่านจุดเสี่ยง เช่น บริเวณจุดตัดรถไฟ/ทางลักผ่าน เขตทางรถไฟ รวมทั้งกำกับดูแลและบริหารจัดการให้เกิดความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ตรวจความพร้อมและมาตรฐานความปลอดภัยของพนักงานขับขี่ ยานพาหนะ และสถานีขนส่งสาธารณะทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำและทางอากาศ การนำเทคโนโลยี เช่น กล้อง CCTV ระบบ GPS มาช่วยกำกับดูแลความปลอดภัยทางถนน นำระบบ AIS/VMS มาช่วยกำกับดูแลความปลอดภัยทางน้ำ มีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทยเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทางในระดับท้องถิ่น เช่น การรณรงค์ให้ชุมชนในพื้นที่ดูแลซึ่งกันและกัน การเฝ้าระวังจุดตัดถนนกับรถไฟ การดูแลจุดเสี่ยงและการตั้งจุดตรวจบริเวณชุมชน โดยเน้นย้ำให้ระบบขนส่งสาธารณะต้องดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID – 19 อย่างเคร่งครัด
“นายกรัฐมนตรีย้ำให้มีการประชาสัมพันธ์ในเชิงรุก เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชนใช้เส้นทางรอง/เส้นทางเลี่ยงในการเดินทาง พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ในกรณีพบพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎจราจร และพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งมักจะพบในช่วงเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นการขับรถด้วยความเร็วเกินกําหนด เมาสุรา และให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนเทศกาลสงกรานต์อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของประชาชน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีฝากความห่วงใยถึงประชาชนทุกคน ขอให้เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางไกล เดินทางด้วยความระมัดระวัง ขับขี่ยานพาหนะด้วยความไม่ประมาท มีสติในการเดินทาง ดื่มไม่ขับ ไม่ขับรถตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด เพื่อการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลการเดินทางและแจ้งอุบัติเหตุได้ที่ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม สายด่วน 1356 และ Application สายด่วน และ Website ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม” นายอนุชา กล่าว
ทั้งนี้ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมได้ร่วมกันให้บริการฟรีแก่พี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2566 ประกอบด้วย
- ยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 เป็นเวลา 7 วัน (วันที่ 12 – 18 เมษายน 2566) สำหรับมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง ได้แก่ หมายเลข 7 (กรุงเทพมหานคร – เมืองพัทยา) และหมายเลข 9 (สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ถนนกาญจนาภิเษก ตอนบางปะอิน – บางพลี และตอนพระประแดง – บางแค ช่วงพระประแดง – ต่างระดับบางขุนเทียน) และทางพิเศษ 2 เส้นทาง ได้แก่ ทางพิเศษบูรพาวิถีและกาญจนาภิเษก นอกจากนี้ทางพิเศษอีก 3 เส้นทาง ได้แก่ ทางพิเศษศรีรัช อุดรรัถยา และเฉลิมมหานคร ยกเว้นค่าธรรมเนียมเป็นเวลา 3 วัน (วันที่ 13 – 15 เมษายน 2566)
- เปิดใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 ช่วงปากช่อง – สีคิ้ว – ขามทะเลสอ ระยะทาง 64 กิโลเมตร ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2566 สำหรับขาออกเป็นเวลา 3 วัน (วันที่ 12 – 14 เมษายน 2566) และขาเข้าเป็นเวลา 4 วัน (วันที่ 15 – 18 เมษายน 2566)
- บริการที่จอดรถฟรี ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริเวณลานจอดรถยนต์ระยะยาวโซน C เป็นเวลา 7 วัน (วันที่ 12 – 18 เมษายน 2566).-สำนักข่าวไทย