สตช. 30 มี.ค.-นายกฯ มอบ มท1.ติดตามไฟป่าเขาแหลม ชี้ “พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่เป็นหน้าที่ ไม่ใช่ปาดหน้า ย้ำต้องดูแลประชาชนในนามรัฐบาล เลขาฯอาเซียน รับปากประชุมด่วนแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง สถานการณ์เหตุการณ์ไฟป่าที่เขาแหลม จังหวัดนครนายก ว่าในเรื่องนี้ได้สั่งการไปแล้ว ซึ่งในส่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งท้องถิ่น ได้ระดมสรรพกำลังเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งสาเหตุของไฟไหม้กำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ หลายคนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น ซึ่งได้ร้องขอและขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมกับดับไฟแล้ว ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงเช้าได้สั่งการเพิ่มเติมไปยังกำนันผู้ใหญ่บ้านในการเข้าไปดูแลแล้ว
ขณะที่การหารือกับเลขาธิการอาเซียนเมื่อช่วงเช้า จะมีการนำปัญหาหมอกควันข้ามแดนเข้าหารือกับกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนโดยด่วน ซึ่งเลขาธิการอาเซียนได้ให้ความสำคัญ เพราะเกรงจะส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยว และอีกส่วนได้ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานขอความร่วมมือ ซึ่งเรื่องนี้ไทยได้ทำมาโดยตลอด ย้ำว่าประเทศไทยดำเนินการทุกมาตรการอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญคือความร่วมมือของประชาชน ในนามของรัฐบาลก็เข้าใจและเห็นใจ
ส่วนเรื่องของประเด็นการป้องกัน นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าในหนึ่งปีย่อมมีการเผาอยู่บ้าง ในบางพื้นที่ที่ยังไม่พร้อมก็ต้องให้เวลา แต่สิ่งที่ทำได้คือการวางแผนการเผาล่วงหน้าเป็นรายพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของควัน ซึ่งเป็นมาตรการที่ประกาศไปหมดแล้ว แต่ยังมีคนไม่เชื่อ ทำให้คนที่ปฏิบัติตามและทำดีอยู่แล้ว กลับไปทำแบบเดิมอีก ย้ำรัฐบาลไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ ยังคงทำทุกมาตรการ แสวงหาความร่วมมือจากต่างประเทศ ในส่วนของประเทศไทยพบได้ในพื้นที่ภาคเหนือประกอบกับสภาพอากาศร้อนในขณะนี้ ยืนยันอากาศยานดับไฟป่าที่รัฐบาลจัดหาทำได้ดีและมีประสิทธิภาพ ก่อนหน้านี้เคยของบประมาณในรัฐสภา แต่ถูกตัดงบออกไป อยากจะขอร้องกัน หากไปตัดทั้งหมดจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานหายไป หากกังวลเรื่องการทุจริตจัดซื้อ ให้นำหลักฐานมาตรวจสอบฟ้องร้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยืนยัน รับฟังทุกฝ่ายสื่อโซเซียลฯ ก็รับฟัง กำชับผ่านกลไกต่างๆ ทุกคนก็พร้อมทำงาน แต่ต้องยอมรับ ว่าเจ้าหน้าที่มีจำนวนจำกัด เช่นในพื้นที่อุทยาน มีพื้นที่กว้างใหญ่ ดูแลไม่ทั่วถึง จึงมีประชาชนลักลอบเข้าไปหาของป่า ล่าสัตว์ ทั้งนี้ ตนเองไม่ได้มีกำหนดการลงพื้นที่ติดตามไฟป่าที่จังหวัดนครนายก ในช่วงเย็นวันนี้ (30 มี.ค.) เพราะยังมีงานที่จะต้องสะสางอีกจำนวนมาก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่กรุงเทพฯ ก็มีศูนย์สั่งการเพื่อให้ในพื้นที่บริหารจัดการ ขณะเดียวกันพื้นที่ก็รายงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนเองได้รับทราบรายงานมาตั้งแต่ช่วงเช้า ขณะที่เมื่อเย็นวานนี้ (29 มี.ค.) ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ดับไฟป่าเข้าไปเพิ่มเติม รวมถึงในส่วนของยุทโธปกรณ์ของกองทัพบก ขณะเดียวกันดูสภาพอากาศความชื้นว่าเพียงพอที่จะทำฝนเทียมหรือไม่ ดังนั้นทุกคนต้องตระหนักรู้ว่าจะต้องร่วมมือกันแก้ปัญหานี้อย่างไร
ส่วนการที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ในวันพรุ่งนี้(31 มี.ค.) สามารถไปดูพื้นที่ได้ เพราะไปทำงานในหน้าที่ แต่ในวันนี้ตนเองได้บริหารจัดการและได้พูดคุยกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม ซึ่งสถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันระวังเพราะหน้าแล้งอาจเกิดไฟป่าได้ แต่การที่พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ในวันนี้(30 มี.ค.) นั้น ก็ไปในนามนายกรัฐมนตรีสั่งการ ซึ่งกระทรวงอื่นๆ ถ้ามีโอกาสก็ต้องเข้าไปดูแล ไม่เช่นนั้นก็วุ่นไปหมด
“ขอให้ดูว่าบทบาทนายกรัฐมนตรีอยู่ตรงไหนด้วย แต่หากมีเวลาก็จะลงไปดูด้วยตนเอง แต่ถ้ามีภารกิจอื่นที่สำคัญ นายกรัฐมนตรีก็ไม่จำเป็นต้องไป แต่ไม่ใช่ว่าใครไปแล้วใครได้ แต่ถือเป็นหน้าที่และความผิดชอบของรัฐบาล ซึ่งใครจะไปก็แล้วแต่ ซึ่งนายกก็จะต้องสั่งไปในนามนายกรัฐมนตรี คนอื่นจะไปก็แล้วแต่ท่าน” พลเอกประยุทธ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย