ภท. เดินหน้านโยบายกัญชา

พรรคภูมิใจไทย 24 มี.ค. – “ภูมิใจไทย” เสวนาทิศทางกฎหมายกัญชาเพื่อสุขภาพและการแพทย์หลังเลือกตั้ง “อนุทิน” โผล่ร่วมแจม แฉมีพรรคร่วมเสนอ เพื่อสันทนาการในชั้นกรรมาธิการฯ 


พรรคภูมิใจไทย จัดเสวนา “ทิศทางกฎหมายกัญชาเพื่อสุขภาพและการแพทย์หลังเลือกตั้ง” นำโดย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานกรรมาธิการร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง กล่าวเปิดการเสวนาย้ำว่า พรรคภูมิใจไทยทำครบถ้วนตามที่เคยหาเสียงไว้ แต่เมื่อมีการปลดล็อกกัญชาแล้ว ก็จำเป็นต้องมีกฎหมายออกมาควบคุม แต่ก็ยังไม่แล้วเสร็จเพราะกระบวนการทางการเมือง นอกจากนี้ มีการหยิบยกมาโจมตีและบิดเบือนเจตนารมณ์ของพรรคภูมิใจไทย ทั้งๆที่เป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อคุ้มครองสังคม ดังนั้น หลังจากการเลือกตั้งยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย จะยังเดินหน้าผลักดันให้กฎหมายกัญชาออกมาเพื่อประชาชน แม้ว่าจะมีพรรคก้าวไกล เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ระบุว่า จะเอากัญชากลับเข้าไปเป็นยาเสพติดอีกก็ตาม

ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่าเป็นคนหนึ่งที่ท้านายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินหน้าคัดค้าน พ.ร.บ.กัญชา ซึ่งที่กล้าท้าเพราะนายชูวิทย์พูดผิดและพูดเท็จ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกัญชา ซึ่งนายชูวิทย์ประกาศว่าไม่เอากัญชาเสรี แต่เป็นคนที่เปิดให้คนสูบกัญชาในโรงแรมของตัวเอง


นายปานเทพ ย้ำว่ากัญชาเสพติดยากกว่า เหล้าและบุหรี่ อีกทั้งยังมีสรรพคุณส่งเสริมสุขภาพโดยใช้เพื่อทางการแพทย์   ลดปัญหายาเสพติดได้อีกด้วย ขณะเดียวกันมีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค อ้างว่าห่วงประชาชนแล้วลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชงวาระแรก แต่กลับเตะถ่วงกฎหมาย โดยทำสภาล่มและไม่ลงมติวาระ 3 แล้วนำมาโจมตีทางการเมือง ทั้งๆที่ประกาศของกระทรวงสาธารณสุขออกมากำหนดแนวทางควบคุมการใช้กัญชาไว้อย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้ใช้กัญชาผิดวัตถุประสงค์ จึงย้ำว่ากัญชาต้องไม่กลับไปเป็นยาเสพติดอีก

ขณะที่นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่า กัญชายังมีข้อเด่น อีกหลายด้าน อย่างการนำมาใช้เป็นพืชเศรษฐกิจ จึงยืนยันว่า เลือกตั้งใหม่ก็จะต้องผลักดันต่ออยู่ดีเชื่อว่าเรื่องนี้ต้านไม่ได้ สุดท้ายประชาชนก็จะชนะ ขอให้ผู้ที่คัดค้านทบทวนใหม่และไม่ให้ดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด โดยวิธีการแก้ไขคือการเปิดให้เสรีใช้ได้ตามที่กฎหมายกำหนด แล้วค่อยปิดรอยรั่วของกฎหมาย

ส่วนนายแพทย์ประเสริฐ มงคลศิริ อดีต ผอ.โรงพยาบาลหนองฉาง กล่าวว่า ขณะนี้แพทย์ที่อายุมากออกจากระบบไปหมดแล้ว เหลือแต่แพทย์จบใหม่เด็กๆ ดังนั้น ร่างกายของคนไทยเปรียบเสมือนสมรภูมิรบของสารเคมี จึงอยากถามว่า รัฐบาลสูญเสียงบประมาณกับยาเคมีปีละเท่าไหร่ ทั้งที่กัญชาเป็นคำตอบ ดังนั้นหากยังนำการเมืองมาเล่นกันแบบนี้ ระบบสุขภาพจะล่มสลาย ซึ่งตนสนับสนุนถึงขั้นให้ปลูกกัญชาได้และสนับสนุนให้คนในครอบครัวพึ่งพาตัวเองได้ แล้วมาควบคุมโดยร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง และสิ่งที่จะทำให้ระบบสุขภาพไม่ล่มสลาย ทางออกก็คือ กัญชา โดยการทำยากัญชา จึงขอบคุณพรรคภูมิใจไทยและเครือข่ายกัญชาทั้งประเทศ และขอให้เดินหน้าต่อไป


นายพิพัฒน์ นนทนาธรณ์ นายกสมาคมนักวิจัยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การทำกัญชาให้ถูกกฎหมายมันยืดเยื้อ เพราะการรณรงค์เรื่องยาเสพติดนั้นทำไว้ดีมาก ขณะที่กัญชาไม่ใช่เรื่องของการเมือง เป็นเรื่องของประชาชนและมนุษยชาติ ส่วนทางด้านการแพทย์ กัญชาสามารถรักษาได้หลายโรค รวมถึงโรคจิตเภท ตนจึงมีข้อเสนอให้จัดตั้งองค์กรมหาชนเพื่อมาจัดการกัญชาภายใต้กฎหมายเฉพาะ พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์กัญชาเพื่อป้องกันผลประโยชน์ชาติและประชาชน ตั้งกองทุนกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ส่งเสริมกัญชากัญชงและและกระท่อมเพื่อการแพทย์ กัญชง เพื่ออุตสาหกรรม และส่งเสริมความรู้กัญชาศาสตร์ให้แพร่หลายในประชาชนทุกกลุ่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่การเสวนาใกล้จะจบลง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เดินทางถึงที่ทำการพรรคภูมิใจไทย และมาร่วมการเสวนาทันที โดยกล่าวขอบคุณทุกคนที่ช่วยประคับประคองให้นโยบายกัญชาเพื่อทางการแพทย์ เดินหน้าต่อในการเลือกตั้งครั้งต่อไป  ขณะเดียวกัน พรรคภูมิใจไทยจะแสดงให้ทุกคนเห็นชัดเจนว่า ได้วางนโยบายอย่างครอบคลุมแล้วไว้ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งทางการแพทย์ สุขภาพและเศรษฐกิจ อยู่ภายใต้กรอบที่ทำให้กัญชาใช้เพื่อสุขภาพและทางการแพทย์เท่านั้น ไม่ได้ใช้เพื่อการมอมเมาหรือสันทนาการต่อให้พูดกี่ครั้ง คนที่ไม่สนับสนุน พรรคภูมิใจไทยก็จะพูด แต่ในทางเสียหาย ยืนยันว่า เด็กและเยาวชนไม่สามารถเข้าถึงกัญชาได้อย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน ตัวแทนของพรรคการเมืองที่ออกมาต่อต้านกัญชาก็เป็นกรรมาธิการฯ เคยพูดว่าทำไม ไม่มีกัญชาเพื่อสันทนาการ ด้วยการแบ่งโซนนิ่ง เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว แต่พรรคภูมิใจไทยก็คัดค้าน ต้องรอให้เป็นที่ยอมรับก่อนค่อยขยายเป็นวงกว้าง ภายใต้กรอบของกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า กฎหมายที่พรรคภูมิใจไทยผลักดัน ก็เพื่อให้เกิดความถูกต้องและเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ ด้วยความจริงใจในทางกฎหมาย ทั้งนี้พรรคภูมิใจไทยไม่เคยสัญญาว่าจะมีกฎหมายกัญชากับใคร แต่ยืนยันว่าจะถอดกัญชาออกจากยาเสพติด ซึ่งก็ดำเนินการไปแล้ว และเพื่อให้สังคมวางใจในการใช้กัญชา จึงเสนอกฎหมายควบคุมการใช้กัญชาเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

พร้อมย้ำว่า การปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด ไม่ใช่ความคิดเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพียงคนเดียว แต่เป็นความเห็นร่วมกันจาก ปปส. และคณะกรรมการระดับชาติ ที่พิจารณาร่วมกัน ซึ่งได้ผ่านการกลั่นกรองมาอย่างดีแล้วด้วยหลักวิชาการ เหตุผลและความจำเป็นที่จะดำเนินการให้กัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์กับสุขภาพและเศรษฐกิจทั้งสิ้น

นอกจากนี้ นายอนุทิน ย้ำว่าหลังจากนี้จะต้องพูดกับทุกพรรคการเมืองว่าหากได้กลับไปร่วมรัฐบาลกันอีกครั้ง ก็จะต้องผลักดันกฎหมายฉบับนี้ให้ประสบความสำเร็จให้จงได้ เพราะประชาชนรออยู่ ผู้แทนราษฎรจะเห็นแก่ตัวไม่ได้ ต้องเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมและประชาชน โดยยืนยันพรรคภูมิใจไทยไม่มีถอย พร้อมขอให้ประชาชนเลือกพรรคภูมิใจไทย กลับเข้ามาสนับสนุนกฎหมายนี้ให้สำเร็จ เพราะหลักการและเหตุผลยังอยู่ สามารถเดินหน้าได้ต่อ.- สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]