เรียกร้องตรวจผลกระทบจากซีเซียมให้ชัด

กรุงเทพฯ  21 มี.ค. – องค์กรด้านสิ่งแวดล้อม ออกแถลงการณ์กรณีซีเซียม-137 สูญหาย ซัดเจ้าของโรงไฟฟ้าไม่รัดกุม ปกปิดข้อมูล ละเมิดกฎหมาย จี้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ตรวจการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมให้ชัด แนะสรุปบทเรียนป้องกันเหตุซ้ำรอย


มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW)  และกรีนพีซ ประเทศไทย (Greenpeace Thailand) ออกแถลงการณ์กรณีซีเซียม-137 สูญหายว่า จากกรณีที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสีได้รับแจ้งเหตุกรณีวัสดุกัมมันตรังสี “ซีเซียม-137” สูญหายจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนของบริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ แพลนท์ 5 เอ จำกัด ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 304 อ.ศรีมหาโพธิ จ. ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 และต่อมาอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมประเมินว่า วัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ดังกล่าวถูกหลอมไปหมดแล้ว หลังตรวจพบระดับรังสีซีเซียม-137 ในฝุ่นเหล็ก (หรือมักเรียกกันว่าฝุ่นแดง) ซึ่งเป็นของเหลือใช้ (by-product) จากกระบวนการหลอมโลหะของโรงงานเค พี พี สตีล ใน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี อย่างไรก็ตาม จากการแถลงข่าวโดยผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมด้วยเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติและคณะ ในวันที่ 20 มี.ค. 2566 ที่ผ่านมา กลับระบุยังไม่อาจยืนยันว่าฝุ่นเหล็กที่ปนเปื้อนรังสีซีเซียม-137 ดังกล่าว มาจากวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ที่สูญหายอย่างไร้ร่องรอยจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน

สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติระบุในการแถลงข่าวด้วยว่า ไม่พบการปนเปื้อนรังสีซีเซียม-137 ในสิ่งแวดล้อม (ดิน น้ำ อากาศ) จากการตรวจบริเวณโดยรอบพื้นที่โรงงานหลอมโลหะ ไม่พบผู้ป่วยที่สัมผัสรังสีซีเซียม-137 และไม่พบฝุ่นเหล็กปนเปื้อนรังสีซีเซียม-137 ในฝุ่นเหล็กที่ถูกส่งไปรีไซเคิลที่จังหวัดอื่นตามที่มีการรายงานในสื่อบางสำนัก แต่เนื่องจากพบว่ามีการนำฝุ่นเหล็กที่ปนเปื้อนรังสีซีเซียม-137 บางส่วนไปถมที่ดินบริเวณโรงหลอมโลหะ จึงได้ดำเนินการขุดดินปนเปื้อนเหล่านั้นใส่ถุงบรรจุและนำไปวางรวมกันในพื้นที่เก็บฝุ่นผงเหล็กที่ปนเปื้อนพร้อมกับวางแนวเป็นเขตกักกันรังสีไว้โดยรอบแล้ว ทางมูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW)  และกรีนพีซ ประเทศไทย (Greenpeace Thailand) ในฐานะเป็นองค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานรณรงค์เพื่อความเป็นธรรมทางสิ่งแวดล้อม มีความเห็นต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสีข้างต้น ดังนี้


1.แท่งซีเซียม-137 ที่ใช้ในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนของบริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ แพลนท์ 5 เอ จำกัด จัดเป็นวัสดุกัมมันตรังสีอันตรายประเภทที่ 3 ตามการจำแนกของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือ IAEA (International Atomic Energy Agency) ซึ่งเอกสารจากกรมควบคุมโรค ระบุว่าเป็นแหล่งกำเนิดประเภทที่เป็นอันตราย หากไม่จัดการได้อย่างปลอดภัย อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บถาวรไปยังผู้ที่จัดการ หรือผู้ดูแล หรือผู้ที่เกี่ยวข้องที่อยู่ใกล้เคียง เป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง

2.กรณีการสูญหายอย่างไร้ร่องรอยของแท่งซีเซียม-137 ชี้ให้เห็นถึงความไม่รัดกุมในระบบการจัดการวัตถุอันตรายของบริษัทฯ เจ้าของโรงไฟฟ้า รวมถึงหน่วยงานราชการที่มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแล ทั้งยังแสดงถึงพฤติกรรมการปกปิดข้อมูลของบริษัทฯ ทั้งในประเด็นเรื่องการแจ้งล่าช้าตามที่ได้มีการแจ้งความบริษัทในข้อหา “ไม่แจ้งโดยพลันแล้ว” แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือการปล่อยปละละเลยและละเมิดกฎหมายตามมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติในฐานะผู้ครอบครองวัสดุกัมมันตรังสีอันตราย จนเป็นเหตุให้หน่วยงานรัฐไม่อาจรับมือสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งสาธารณชนต้องตกอยู่ในความหวาดหวั่นและเสี่ยงภัย ทั้งยังไม่ได้รับข้อมูลและคำแนะนำที่ถูกต้องและกระจ่างแจ้ง ตอกย้ำถึงปัญหาความไม่รู้และความมืดบอดทางข้อมูลมลพิษและวัตถุอันตรายของหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแล ตลอดจนถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายและขาดความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างอุกอาจ

3.คำอธิบายเกี่ยวกับเส้นทางการสูญหายของแท่งซีเซียม-137 ที่ว่า อุปกรณ์ที่ใช้ตรวจวัดค่าทางอุตสาหกรรมชิ้นนี้มีตำแหน่งติดตั้งอยู่บนที่สูง แต่ได้ร่วงตกลงมา และมีบุคคลนำออกไปจากพื้นที่ มีความไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากโรงไฟฟ้าเป็นพื้นที่ปิด แม้แต่ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รัฐต่างระบุว่า เมื่อแรกลงตรวจสอบหลังจากได้รับแจ้งวัตถุอันตรายสูญหาย ก็ยังไม่อาจเข้าไปในพื้นที่ได้ นอกจากนั้นการที่แท่งซีเซียม-137 เป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในกระบวนการผลิต จึงไม่ควรที่จะหล่นหายหรือสูญไปอย่างชนิดไร้ร่องรอย ประกอบกับจากรายงานข่าวที่ระบุว่าอาจมีคนพบเห็นความผิดปกติของระดับเถ้าลอยในไซโลของโรงไฟฟ้ามาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แต่เหตุใดทางบริษัทฯ โรงไฟฟ้ากลับรายงานการสูญหายของแท่งซีเซียม-137 ต่อสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ในวันที่ 10 มีนาคม 2566


ทั้งนี้ ยังไม่นับว่าสำหรับวัสดุกัมมันตรังสีอันตราย ตามกฎหมายแล้วย่อมต้องมีการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด มีการติดตามสถานะ มีการตรวจจับตาและรายงานการคงสภาพเป็นระยะ การปล่อยปละให้ไม่ได้รับการดูแลย่อมเป็นความผิดมหันต์ของผู้ครอบครอง รวมถึงหน่วยงานมีหน้าที่กำกับดูแลด้วย เรื่องราวที่น่าเคลือบแคลงนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการสืบสวนสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงและเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส

4.การแถลงข่าวของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติที่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า ฝุ่นเหล็กที่พบปนเปื้อนซีเซียม-137 นั้นมาจากแท่งซีเซียม-137 จากโรงไฟฟ้าหรือไม่ ยิ่งตอกย้ำว่าปัจจุบันยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าสารมลพิษที่อาจเกิดจากวัตถุรังสีอันตรายนี้ได้แพร่กระจายไปถึงไหนแล้ว และทำให้สังคมยังอยู่ในสภาวะความไม่รู้ และความมืดบอดทางข้อมูลมลพิษกรณีนี้ต่อไป ขณะเดียวกันการไม่ยืนยันในประเด็นดังกล่าวกลับเปิดประเด็นขึ้นมาใหม่ ว่าแล้วอะไรคือแหล่งที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนของฝุ่นเหล็ก ซึ่งเท่ากับมีเรื่องที่ต้องสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมอีกด้วย

เหตุการณ์คล้ายกับกรณีซีเซียม-137 เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อปี 2543 นั่นคือกรณีโคบอลต์-60 เหตุการณ์เกิดขึ้นจากที่มีการนำวัตถุส่วนหัวของเครื่องโคบอลต์-60 ซึ่งเป็นเครื่องฉายรังสีทางการแพทย์ที่ไม่ใช้แล้ว ออกมาจากสถานที่เก็บที่ไม่มีการควบคุมดูแล นำไปเก็บในลานจอดรถร้าง จนมีคนเก็บของเก่ามาพบ และได้นำไปแยกชิ้นส่วนเพื่อนำไปขายแก่ร้านรับซื้อของเก่า ทำให้รังสีแผ่ออกมาตลอดเวลา จนมีผู้ป่วยรุนแรง 10 ราย ในจำนวนนี้มี 3 รายเป็นผู้ทำงานในร้านรับซื้อของเก่า นอกจากนั้นยังมีชาวบ้านในรัศมี 50-100 เมตร รวม 1,614 คน ต้องเฝ้าระวังและตรวจสุขภาพทุก 6 เดือน

จากโคบอลต์-60 ถึงซีเซียม-137 นับว่าเป็นเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมของการที่วัสดุกัมมันตรังสีหลุดรอดออกจากการควบคุมดูแล เหตุการณ์ทั้งสองนี้เกิดขึ้นห่างกันกว่า 20 ปี แต่ยังคงสะท้อนปัญหาในลักษณะเดียวกัน ทั้งนี้ สำหรับเหตุการณ์ครั้งหลังนี้นับว่ายังไม่จบ ถึงแม้ว่าจากการแถลงของหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบหลักอย่างสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติจะสื่อกับสังคมไปในท่วงทำนองว่าไม่มีสิ่งใดต้องห่วงใยแล้วก็ตาม

ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW)  และกรีนพีซ ประเทศไทย (Greenpeace Thailand) ขอเรียกร้องให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดดำเนินการดังนี้ 1.สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบการปนเปื้อนกัมมันตรังสีในสถานที่ที่มีเบาะแสว่าอาจได้รับซีเซียม-137 โดยตรวจสอบการปนเปื้อนทั้งในสิ่งแวดล้อมและของเสีย เช่น ฝุ่นเหล็กและผลิตภัณฑ์จากโรงหลอม เพื่อประเมินความเสี่ยงและมีมาตรการในการแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนที่ชัดเจน โดยรัฐต้องสนับสนุนมาตรการป้องกันและเยียวยาความเสียหาย เช่น การประกาศพื้นที่เสี่ยงภัย กำหนดรัศมีพื้นที่ที่ต้องมีการตรวจสอบผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และต้องให้ประชาชนที่มีความเสี่ยงได้รับการตรวจสุขภาพโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งจัดทำข้อมูลสื่อสารความเสี่ยงเพื่อความเข้าใจและการเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการดำเนินการอื่นใดเพื่อป้องกันไม่ให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน โดยไม่ผลักภาระให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบต้องรับผิดชอบเอง นอกจากนั้นจะต้องกำหนดแผนการดำเนินการกับฝุ่นเหล็กและวัสดุต่างๆ ที่ปนเปื้อนรังสีซีเซียม-137 ให้ปลอดภัยและชัดเจนรวมทั้งมีการดำเนินการอย่างโปร่งใส

2.กรณีนี้เป็นสถานการณ์อุบัติภัยร้ายแรงซึ่งอยู่ในความสนใจของประชาชนและเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจึงต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงจังและรอบด้าน แล้วเปิดเผยความจริงต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส โดยจะต้องมีการสืบสวนและตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด นับตั้งแต่ก่อนการสูญหาย ว่าระบบการเก็บรักษาวัตถุกัมมันตรังสีและการกำกับดูแลระบบความปลอดภัยของโรงไฟฟ้าที่เป็นผู้ครอบครองวัตถุอันตรายร้ายแรงดังกล่าวเป็นอย่างไร การสูญหายเกิดขึ้นได้อย่างไร มีช่องว่างหรือช่องโหว่อะไรบ้าง เป็นต้น รวมทั้งสืบสวนและตรวจสอบเหตุการณ์ภายหลังจากการสูญหายด้วย โดยควรที่จะต้องมีการสอบย้อนให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเส้นทาง

3.เมื่อตรวจสอบและพบว่ามีการกระทำความผิด หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดหรือละเมิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด และดำเนินการให้เกิดการรับผิดชอบต่อความเสียหายและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ไม่ควรที่จะต้องใช้งบประมาณของรัฐซึ่งคือภาษีของประชาชนไปกับการดำเนินการทั้งหมดของเรื่องนี้ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างและเป็นการป้องปรามเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก

4.หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต้องมีการสรุปบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น และทบทวนช่องว่างในการบังคับใช้กฎหมายควบคุมกำกับดูแลความปลอดภัย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำรอยขึ้นอีก.-สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

“เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เริ่มเปิดจอง 1 ก.ค. เที่ยวจริง 4 ก.ค.

ทำเนียบ 30 มิ.ย.- เชิญชวนคนไทยใช้สิทธิ์ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เริ่มเปิดจอง 1 ก.ค. เที่ยวจริง 4 ก.ค. รัฐสนับสนุนสูงสุด 3,000/คืน นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้าโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ล่าสุด มีผู้ประกอบการท่องเที่ยวยื่นคำขอลงทะเบียนผ่านระบบ https://partner.tat.or.th แล้วกว่า 34,005 ราย และมีผู้ผ่านการตรวจสอบและลงทะเบียนสำเร็จแล้วถึง 6,400 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเข้มงวด เพื่อให้โครงการเกิดประโยชน์สูงสุดและป้องกันการสวมสิทธิ์ ขั้นตอนสำคัญของการลงทะเบียน ผู้ประกอบการต้องกรอกหนังสือยินยอมให้ธนาคารกรุงไทยตรวจสอบข้อมูล เพื่อป้องกันการหลอกลวงและการแฝงตัวของสถานประกอบการที่ไม่มีคุณสมบัติครบถ้วน โดยธนาคารจะใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 3 วัน ก่อนส่งข้อมูลให้ ททท. นำไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 จากนั้นประชาชนจะสามารถจองสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 และเริ่มเดินทางท่องเที่ยวจริงได้ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ สำหรับสิทธิประโยชน์ของโครงการ รัฐบาลจัดสรรสิทธิ์รวม 500,000 […]

นายกฯ เผยผู้นำฝรั่งเศสพร้อมหนุนไทยหาทางออกปมชายแดน

30 มิ.ย.- นายกฯ เผยผลสายตรง “มาครง” แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น สานต่อความร่วมมือทุกมิติ ยกระดับความสัมพันธ์สู่หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ย้ำยึดกลไกทวิภาคีหาทางออกปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งผู้นำฝรั่งเศสเข้าใจในท่าทีและพร้อมให้การสนับสนุน ยืนยันไทยมุ่งมั่นแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมเชิญประธานาธิบดีฝรั่งเศส เยือนไทยอย่างเป็นทางการ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความเผยผลการหารือทางโทรศัพท์กับนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศสระบุ “ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้หารือทางโทรศัพท์กับท่านเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นถึงการสานต่อและกระชับความร่วมมือทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยีอวกาศ กลาโหม และพลังงานสะอาด เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ของไทย-ฝรั่งเศสไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ที่ต่างยึดมั่นในคุณค่าร่วมกันในการส่งเสริมการค้าเสรีระหว่างประเทศและระเบียบโลกที่ตั้งอยู่บนกติการะหว่างประเทศ ดิฉันได้เน้นย้ำบทบาทเชิงรุกของไทยในการส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียน รวมถึงความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงทางออนไลน์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทยที่จะหารือกับฝ่ายกัมพูชาเพื่อหาทางออกของปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งประธานาธิบดีมาครงแสดงความเข้าใจในท่าทีดังกล่าวของไทยและพร้อมให้การสนับสนุน ดิฉันยังได้ขอบคุณฝรั่งเศสที่สนับสนุนไทยในการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป และการสมัครเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ระยะยาวแก่ทั้งสองฝ่าย และดิฉันได้ใช้โอกาสนี้เชิญประธานาธิบดีมาครงเยือนไทยอย่างเป็นทางการในช่วงเวลาที่สองฝ่ายเห็นว่าเหมาะสม โดยประธานาธิบดีมาครงก็ได้เชิญดิฉันเยือนฝรั่งเศสเช่นกันค่ะ ” .-สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 30 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานตอนบน ภาคกลาง ภาคตะวันออก ฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ด้านตะวันตกของภาคกลาง และภาคตะวันออก ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 […]

ตชด.ลาดตระเวนเข้ม 24 ชม. แนวชายแดนไทย-กัมพูชา

สระแก้ว 29 มิ.ย. – ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 ลาดตระเวน ตั้งบังเกอร์ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.โคกสูง เฝ้าระวังพื้นที่ตลอด 24 ชม. หลังมีรายงานกลุ่มชาวกัมพูชาลักลอบเข้ามาใช้พื้นที่ปลูกพืช-สร้างสิ่งปลูกสร้าง ละเมิดข้อตกลง MOU 43 วันนี้ ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 (ตชด.12) จัดกำลังลาดตระเวนแนวชายแดนในพื้นที่เปราะบาง 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโคกสูง และอำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังจากมีกรณีข้อพิพาท ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในจุดที่ยังเป็นพื้นที่ข้อพิพาทจากแนวเขตตาม MOU ปี 2543 ซึ่งห้ามทั้งสองประเทศสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรใดๆ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตชด.12 ในการตรวจจุดแนวชายแดน โดยเริ่มจากแนวตะเข็บรอยต่อบริเวณอำเภอโคกสูง ซึ่งติดกับ จ.บันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นแนวเขตพื้นที่ที่เรียกว่าดินต่อดิน ซึ่งเป็นแนวกั้นธรรมชาติอย่างชัดเจน ซึ่งจะแตกต่างจากแนวชายแดน อำเภออรัญประเทศ ที่มีคลองธรรมชาติ ซึ่งแนวคลองลึกและจะมีแนวลวดหนามกั้นชัดเจนตลอดทั้งเส้นทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ เผยว่า บริเวณ อ.โคกสูง มีรายงานว่ากลุ่มชาวกัมพูชา ลักลอบเข้ามาใช้พื้นที่ปลูกพืชหรือสร้างสิ่งปลูกสร้างเล็กๆ ซึ่งละเมิดข้อตกลง […]