กทม. 18 มี.ค.-นายกฯ ติดตามโครงการพัฒนาคลองเปรมประชากร-โครงการพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต ย้ำเร่งเดินหน้าให้เป็นไปตามแผนงาน เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมประชากร และโครงการพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต ที่ล่าสุดผลการดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมประชากร โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการสำรวจรับรองสิทธิ์ชุมชนในเขตกรุงเทพมหานคร และจังหวัดปทุมธานี รวม 6,340 ครัวเรือน พอช. ดำเนินการก่อสร้างที่อยู่อาศัยได้ภาพรวมร้อยละ 18.13 ของครัวเรือนทั้งหมด ขณะที่ความก้าวหน้าโครงการพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งดำเนินงานโดยกรมทางหลวง สำนักงานทางหลวงที่ 13 ณ บริเวณหน้ากองบัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน้าสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ถนนวิภาวดีรังสิต สรุปผลการดำเนินโครงการระยะที่ 2 ตอนที่ 1 ร้อยละ 62.446 ตอนที่ 2 ร้อยละ 66.939 และตอนที่ 3 ร้อยละ 79.166 โดยผลการดำเนินการดังกล่าวมีความก้าวหน้าแต่ยังมีปัญหาอุปสรรค สืบเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้งานล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ นายกรัฐมนตรีจึงขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ได้ร่วมกันบูรณาการการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงการดังกล่าวให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้เพื่อให้เกิดผลสำเร็จในการยกระดับความเป็นอยู่ของชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน
“การดำเนินงานโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมประชากร และโครงการพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต เป็นโครงการนำร่องที่จะพัฒนาประเทศชาติและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาสิ่งรุกล้ำลำคลอง ทำให้การระบายน้ำในคลองมีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันน้ำท่วม รวมทั้งการพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคงในระยะยาว โดยสร้างความเสมอภาคเท่าเทียมกันในสังคม สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจ ตลอดจนสร้างความมั่นคงทางด้านที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน ทั้งนี้ การดำเนินการโครงการในระยะที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี ผลการดำเนินการมีความก้าวหน้า แต่ยังมีปัญหาอุปสรรค สืบเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้งานล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ นายกรัฐมนตรีจึงขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนได้ร่วมกันบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงการให้เป็นไปตามแผนงาน เพื่อให้เกิดผลสำเร็จอย่างยั่งยืนต่อไป” นายอนุชา กล่าว
ทั้งนี้ โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมประชากร ระยะความยาวคลองประมาณ 17 กิโลเมตร จากความยาวทั้งหมด 50.8 กิโลเมตร ใช้รูปแบบการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวทางโครงการบ้านมั่นคง มีกลุ่มเป้าหมายการดำเนินการ 38 ชุมชน 4 พื้นที่ ได้แก่ ดอนเมือง หลักสี่ จตุจักร รวม 32 ชุมชน และพื้นที่เทศบาลตำบลหลักหก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี รวม 6 หมู่บ้าน ยอดรวมทั้งสิ้นจำนวน 6,386 ครัวเรือน ผลการรับรองสิทธิ์ รวม 6,340 ครัวเรือน แบ่งเป็น จตุจักร 5 ชุมชน 621 ครัวเรือน หลักสี่ 13 ชุมชน รวม 2,248 ครัวเรือน ดอนเมือง 14 ชุมชน 2,542 ครัวเรือน และ ต.หลักหก จ.ปทุมธานี 6 หมู่บ้าน 929 ครัวเรือน ยังรับรองสิทธิไม่ครบทุกชุมชน ทั้งนี้ โครงการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากร ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2562 มีความคืบหน้าการดำเนินการ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 มีพื้นที่ดำเนินการได้ (8 โครงการ) 10 ชุมชน 1,158 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 18.13 ของครัวเรือนทั้งหมด สร้างเสร็จ 808 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 12.65 ของครัวเรือนทั้งหมด กำลังก่อสร้าง 285 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 4.46 ของครัวเรือนทั้งหมด พื้นที่พร้อมก่อสร้าง 65 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 1.02 ของครัวเรือนทั้งหมด โดย พอช. มีแผนดำเนินงานระหว่างปี 2565 ถึงปี 2566 รวม 17 ชุมชน ซึ่งหากดำเนินการได้ตามแผนงานจะสามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับชุมชนริมคลองเปรมประชากรได้ไม่น้อยกว่า 2,500 ครัวเรือน
สำหรับโครงการก่อสร้างสายพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อบริหารจัดการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณถนนวิภาวดี โดยกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม มีความคืบหน้าโดยรวมร้อยละ 60 คาดเมื่อแล้วเสร็จตามแผนคือปลายปี 2566 จะสามารถรองรับน้ำฝนได้มากถึง 100 มิลลิเมตร และส่งเสริมการสัญจรทางเลือกเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชน เช่น การเดิน ขี่จักรยาน โดยโครงการฯ มีทั้งหมด 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เป็นการวางระบบท่อระบายน้ำ เชื่อมต่อเส้นทางน้ำไหลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ท่อลอดใต้ถนน และขนาดขนาดท่อเดิมเพื่อเพิ่มการระบาย และติดตั้งโรงสูบน้ำเพิ่มเติม 7 แห่ง ระยะที่ 2 มี 2 สัญญา ประกอบด้วยการปูคอนกรีตปรับทางระบายน้ำใหม่ให้สามารถกักเก็บน้ำได้มากขึ้นคล้ายแก้มลิง ตั้งแต่บริเวณ ถนนดินแดง-แยกลาดพร้าว และบริเวณแยกลาดพร้าว-แยกหลักสี่ โดยขยายคลองรับน้ำข้างถนน ขุดลึก 16 เมตร กว้าง 2-4 เมตร ทั้งนี้ ได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณด้านข้าง ให้มีทางวิ่ง-จักรยาน และประดับต้นไม้สวยงาม ระยะทาง 4 กม. ตั้งแต่บริเวณโรงเรียนหอวังไปจนถึงสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ โดยจะมีการอำนวยความสะดวกด้วยอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย เช่น กล้องวงจรปิด แสงสว่าง เพื่อให้สามารถขี่จักรยานเชื่อมการเดินทางไปยังรถไฟฟ้าสายสีแดงได้ง่ายมากขึ้น ส่วนการวางระบบท่อระบายน้ำสถานีสูบน้ำอีกจุดคือ บริเวณสำนักชลประทาน และบริเวณโรงพยาบาลราชวิถีใหม่ และระยะที่ 3 เป็นการเก็บรายละเอียดความเรียบร้อยของพื้นที่ทำงานทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย