กรุงเทพฯ 17 มี.ค.- “องอาจ-ดร.เอ้” ควง 2 รองโฆษก ปชป. ลงพื้นที่พญาไท บุกศูนย์เด็กเล็กพญาไท ดูปัญหา PM 2.5 พร้อมชูนโยบาย “ประกาศสงครามฝุ่น PM 2.5” ต้องได้รับการปราบปรามอย่างจริงจัง
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค ร่วมกันทำกิจกรรมลงพื้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนชุมชนแฟลตลือชา เขตพญาไท-ราชเทวี เพื่อดูผลกระทบการปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และผลกระทบจากการก่อสร้างอาคารใกล้เคียง พร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับตัวแทนศูนย์และตัวแทนชุมชน ถึงผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 กับเด็กเล็กวัย 0-6 ขวบ โดยมีตัวแทน ทีม กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และว่าที่ผู้สมัครเขตพญาไท-ราชเทวี น.ส.ศิริภา อินทรวิเชียร ร่วมประสานงานและพูดคุยในพื้นที่
นายองอาจ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบหายใจ ระบุว่าเราถูกทำให้ตระหนักแค่ว่าฝุ่น PM 2.5 เป็นเพียงฝุ่น แต่จากการศึกษาและค้นคว้างานวิจัย คำว่าฝุ่นจะใช้เรียก PM 2.5 ไม่ได้ เพราะ PM 2.5 คือสารพิษอันตราย เมื่อคนสูดเข้าร่างกายจะค่อยๆ ตาย อีกทั้งเป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ แตก ตัน โรคหัวใจวาย โรคออทิสติกกับลูกในคุณแม่ตั้งครรภ์ หูหนวกทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ มะเร็งทุกชนิด โรคปอด โรคตับ และอื่นๆ มากมายด้วย
ด้านนายสุชัชวีร์ กล่าวว่า วันนี้เราได้นำเครื่องวัดค่าฝุ่น PM 2.5 คุณภาพสูงมาวัดค่าฝุ่นในพื้นที่ศูนย์เด็กเล็กภายในอาคารที่มีเครื่องฟอกอากาศ ระดับค่าฝุ่น PM 2.5 ต่ำกว่ามาตรฐานสากล ถือว่าเป็นค่าฝุ่นที่ใช้ได้ แต่เมื่อเปิดประตูออกมาด้านนอก พบว่าค่าฝุ่นสูงขึ้นเป็น 2 เท่าอย่างเห็นได้ชัด เกินมาตรฐานสากลและมีผลกระทบกับสุขภาพ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ซึ่งฝุ่น PM 2.5 มีผลต่อการพัฒนาสมองเป็นอย่างมาก
“ฝุ่นพิษ PM 2.5 เป็นอันตรายจริงๆ และอยู่กับเราทุกวัน วันนี้ถ้าเราไม่ประกาศสงครามกับ PM 2.5 มันจะไม่ดีขึ้น เพราะเราเติมเข้าไปทุกวัน ทั้งการจราจร การก่อสร้างที่ไม่มีความรับผิดชอบ ทั้งหมดยังดำเนินอยู่ทุกวัน พรรคประชาธิปัตย์ จึงขอทำงานแทนพี่น้องประชาชน เพื่อผลักดันกฎหมายอากาศสะอาดให้ประชาชนมีส่วนร่วม กำหนดพื้นที่มลพิษต่ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ โรงพยาบาล โรงเรียน ให้เป็นต้นแบบ อย่างหลายประเทศที่ทำสำเร็จมาแล้ว เช่น ในกรุงโตเกียว วันนี้พรรคประชาธิปัตย์อยากมาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับกรุงเทพฯ อยากจะปกป้องลูกหลาน พ่อแม่ ของเราทุกคน” นายสุชัชวีร์ กล่าว
น.ส.ศิริภา กล่าวว่า ด้วยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก มลพิษ PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา และเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อเฉียบพลันในระบบทางเดินหายใจส่วนบนที่อาจส่งผลต่อการเสียชีวิตของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ฝุ่น PM 2.5 อันตรายตายจริง สามารถเข้าลึกถึงทางเดินหายใจและปอด ก่อภัยอันตรายต่อปอด สมอง หัวใจของคนไทย ค่าฝุ่นที่สูงกว่ามาตรฐานสากล ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องแก้ปัญหาอย่างจริงจังด้วยกฎหมายอากาศสะอาดที่จะมีการกำหนดให้มีเขตมลพิษต่ำ กำหนดโทษในการผลิตควันพิษเกินกว่าค่ามาตรฐาน กำหนดให้มีคณะกรรมการในการออกนโยบาย ติดตาม ตรวจสอบ รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับอากาศโดยตรง ตลอดจนการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อลดมลพิษจากการเผาในพื้นที่เกษตร
“ประเทศไทยต้องออกมาตรการสร้างแรงจูงใจให้ลดการเผาในพื้นที่เกษตร อาทิ อุดหนุนราคาอ้อยสด เพื่อลดสัดส่วนของอ้อยไฟในท้องตลาด สร้างแรงจูงในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยการให้สิทธิในการลดภาษีที่ดิน ภาษีโรงเรือน สำหรับพื้นที่สีเขียว และส่งเสริมพลังงานสะอาด ถ้าวันนี้ทุกภาคส่วนยังไม่การดำเนินการอย่างจริงจัง ประเทศไทยจะมีประชากรที่เกิดและเติบโตท่ามกลางฝุ่น PM 2.5 ซึ่งถือว่ามีผลกระทบร้ายแรง โดยเฉพาะด้านสุขภาพ เพราะประชากรที่เกิดมาจะมีโรคและร่างกายที่ผิดปกติตั้งแต่เกิดด้วยโรคข้างต้นติดตัวจนวันตายอย่างแน่นอน” น.ส.ศิริภา กล่าว.-สำนักข่าวไทย