พรรคเพื่อไทย 13 มี.ค.-“เพื่อไทย” เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.เพิ่มอีก 11 คน ก่อนเปิดใหญ่ครบ 400 เขต 17 มี.ค.นี้ ด้าน “ก้อง อรรฆรัตน์” พิธีกรอายุน้อยร้อยล้าน เตรียมลง ส.ส.กทม. แจงเหตุเลือกพรรคเพื่อไทย อยากเห็นเศรษฐกิจดี
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา และประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ภาคเหนือ อีสาน กทม., และภาคกลางเพิ่มเติม
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยขอประกาศรายชื่อผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้งส.ส.พรรคเพื่อไทยครั้งสุดท้ายวันนี้(13 มี.ค.) 11 คน ก่อนประกาศตัวใหญ่ในวันที่ 17 มีนาคม 2566 ครบทั้ง 400 เขต ในส่วนที่ขาดเหลืออยู่ในนามของพรรคต้องขอขอบคุณผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้งส.ส. พรรคเพื่อไทยที่พยายามนำเสนอ พิสูจน์ตัวเองจนได้รับการพิจารณาคัดเลือกเบื้องต้น ก่อนจะเข้าสู่การสรรหาการพิจารณาตามกฏหมายต่อไป
“พรรคเพื่อไทยประกาศเป้าหมายทำหน้าที่อาสารับใช้ประชาชน เรื่องยุทธศาสตร์การเข้าสู่เป้าหมาย โดยจับมือประชาชนด้วยการชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน ได้ที่นั่งในสภา 310 เสียงขึ้นไป ซึ่งได้ประกาศในวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ของพรรคแล้ว ซึ่งจะเป็นหลักประกันในการจัดตั้งรัฐบาลของพี่น้องประชาชนได้” นพ.ชลน่าน กล่าว
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมี 3 กลยุทธ์หลัก ในการเข้าสู่การรับใช้พี่น้องประชาชน คือ 1. ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. พรรคเพื่อไทย ที่เข้าถึงพื้นที่ใกล้ชิด โดยในวันนี้เป็นผู้สมัครที่ได้รับการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน 2. นโยบายของพรรคเพื่อไทย เป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนพึงพอใจได้ด้วยนวัตกรรมเสริม เพิ่มเทคโนโลยี และถือเป็นความหวังอนาคตของประเทศของพี่น้องประชาชน 3. ผู้ที่จะเสนอชื่อเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่เราพร้อมประกาศรายชื่อหลังยุบสภา
ด้านนายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาสดีที่ได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 11 คนที่พรรคเพื่อไทยได้คัดเลือกแล้วว่ามีความสามารถเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพรรค และประชาชน และคนเหล่านี้เป็นนักต่อสู้กองหน้าของพรรคเพื่อไทย จะนำเอาชัยชนะไปถึงเป้าแลนด์สไลด์ 310 เสียงได้ จึงขอเปิดตัวผู้ประสงค์สมัครรับเลือกตั้งส.ส.พรรคเพื่อไทย ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และ กทม. จำนวน 11 คน ได้แก่ ภาคเหนือ จ.ตาก จำนวน 1 คน คือ 1. นายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ ภาคอีสาน จำนวน 5 คน ประกอบด้วย จ.อุดรธานี 1. นายศราวุธ เพชรพนมพร 2. นางหทัยรัตน์ เพชรพนมพร 3. นพ.ภาณุ พรวัฒนา 4. นายวัชรพล ขาวขำ และ จ. ขอนแก่น นายชัชวาล พรอมรธรรม
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ภาคกลาง จำนวน 4 คน ประกอบด้วยจ. สระบุรี 1คนคือ น.ส.ขานิฐานันท์ เทียมประเสริฐ จ.สมุทรปราการ ได้แก่ 1. นายประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย 2. นายนิธิพล บุญเพ็ชร 3. นางสลิลทิพย์ สุขวัฒน์ ส่วนกทม. จำนวน 1 คน คือ 1. นายอรรฆรัตน์ นิติพน หรือ ก้อง พิธีกรชื่อดังรายการอายุน้อย100 ล้าน
นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายอรรฆรัตน์เป็นคนหนุ่ม มีศักยภาพและความสามารถ มีประสบการณ์การทำงานด้านมีเดียและสื่อมวลชน ที่ให้ความสำคัญการสร้างอาชีพ การทำธุรกิจของคนรุ่นใหม่ รวมถึงมีผู้ติดตามจำนวนมาก เชื่อว่าจะสอดคล้องกับความต้องการของคนรุ่นใหม่
“คุณก้องมีจิตใจยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย สอดคล้องกับจุดยืนของพรรค จึงชวนมาเป็นตัวแทนในเขตกทม. เบื้องต้นมองว่าสามารถลงได้หลายเขต ส่วนการรู้จักพื้นที่นั้นไม่กังวล เพราะขณะนี้ได้ทำงานกับพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด ร่วมกับส.ก.ของพรรคเพื่อไทยที่ทำงานอยู่ จะเสริมความเข้มแข็งให้กับพรรคเพื่อไทยได้” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่าเหตุใดนายอรรฆรัตน์จึงตัดสินใจร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย นายอรรฆรัตน์ กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนคนรุ่นใหม่ มีความเชื่อว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน ตัดสินใจว่ามีพรรคเดียวที่จะเลือกคือพรรคเพื่อไทย เพราะคิดถึงบรรยากาศในการทำธุรกิจ เชื่อว่าประชาชนที่ทำธุรกิจ อยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งเรื่องปากท้องและการทำงาน
“ทำให้นึกถึงสมัยพรรคไทยรักไทยและพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เชื่อว่าสิ่งนั้นจะกลับมาในเวลาอีกไม่กี่เดือนนี้ และจะเป็นความหวังของคนไทย เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง จึงอยากเชิญชวนคนรุ่นใหม่ทุกคนที่ใช้สิทธิ์ในครั้งนี้ และคนที่รักพรรคเพื่อไทย โปรดกาเพื่อไทยทั้งผู้สมัครและพรรค เพราะจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ อยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับคำว่าแลนสไลด์” นายอรรฆรัตน์ กล่าว
นายอรรฆรัตน์ กล่าวว่า นโยบายที่ชื่นชอบที่พรรคเพื่อไทยทำ เพื่อ SME และมีกองทุน SML รวมถึง OTOP บรรยากาศทุกๆอย่าง หลายคนนึกถึงวันที่ทุกอย่างมันดำเนินการ และมีความภูมิใจในความเป็นประเทศไทย ความเป็นกรุงเทพฯ ตนอยากเห็นความเป็นผู้นำของประเทศไทยกลับมาอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย
