กรุงเทพฯ 9 มี.ค.-“นพ.ระวี” เล่นใหญ่ “ชักดาบ-ทุบหม้อข้าว” หน้าพระเจ้าตาก เปิดตัว “พลังธรรมใหม่สู้ศึกเลือกตั้ง 66 ยกนโยบายปากท้อง ศาสนา ประกาศตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ ปัดตอบอยู่ฝั่ง “ลุงตู่-ลุงป้อม” ขอรอผลหลังเลือกตั้ง
พรรคพลังธรรมใหม่ นำโดย น.พ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยแกนนำและสมาชิกพรรค จัดกิจกรรมเปิดตัวพรรคพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง 2566 โดยใช้ยุทธการทุบหม้อข้าวหม้อแกง ตั้งขบวนรถแห่เป็นกลุ่มรถจักรยานยนต์ ประมาณ 30 คัน ติดป้ายประกาศนโยบายที่จะใช้หาเสียง เช่น ปากท้อง ทวงคืนน้ำมันไทย ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก เป็นต้น แห่รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้วไปยังอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ โดยใช้เส้นทางผ่านราชเทวี อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ย่านปากคลองตลาด
ทันทีที่ขบวนถึงอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตัวแทนพรรคพลังธรรมใหม่ จุดธูปบูชาพระเจ้าตาก พร้อมกับให้คำปฏิญาณว่าจะทำงานเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน ยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม และประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม จากนั้น น.พ.ระวี ได้ชักดาบและใช้ไม้คมแฝกทุบหม้อดิน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์เดียวกับ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในการกอบกู้เอกราช และได้ตะโกนว่า “ผู้ชนะ” 3 ครั้ง
น.พ.ระวี กล่าวว่า ตนพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทย ในนามพรรคพลังธรรมใหม่ เราขออาสามาแก้วิกฤติของชาติให้หมดสิ้นไป พรรคพลังธรรมใหม่พร้อมนำความสุขความอยู่ดีกินดีและความเป็นธรรมสู่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ส่วนที่ใช้ยุทธศาสตร์ทุบหม้อข้าวหม้อแกง เพราะเห็นว่ายุทธศาสตร์ในอดีตมีความจำเป็นต้องทุ่มเท เพื่อรบให้ชนะ หากแพ้ก็จะตาย เฉกเช่นเดียวกันกับพรรคพลังธรรมใหม่ที่แพ้ก็ตาย เราประกาศตัวสู้เต็มรูปแบบ หากแพ้การเลือกตั้ง พรรคพลังธรรมใหม่ก็คงจะจบ แต่ตนมั่นใจในชัยชนะที่จะเกิดขึ้น จึงตีหม้อเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้สมาชิกทั่วประเทศทุ่มเทในการหาเสียง
“สำหรับเป้าหมายครั้งนี้ พรรคพลังธรรมใหม่ขอประกาศนโยบาย เพื่อนำไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน โดยไม่ใช่นโยบายประชานิยม ที่สำคัญคือพรรคพลังธรรมใหม่จะไม่ดีแต่พูด ในวันแรกหากได้เข้าสภาจะยื่นญัตติ พ.ร.บ.กฎหมายเกี่ยวกับนโยบายของพรรคทันที มองว่าภายใน 1 ปี จะนโยบายที่หาเสียงสำเร็จ ตนขอฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า พรรคการเมืองเล็กพรรคหนึ่งคือกล้าที่จะประกาศสู้เลือกตั้ง หากตนได้เป็นนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าเวลานั้นจะเป็นนาทีทองของประเทศไทย” น.พ.ระวี กล่าว
เมื่อถามว่ากฎหมายใหม่ไม่เอื้อต่อพรรคเล็ก พรรคพลังธรรมใหม่มั่นใจมากีน้อยเพียงใด น.พ.ระวี กล่าวว่า ในฐานะนักกีฬา เรายินดีรับกติกานี้ลงสู้ในสนาม เราไม่ย่อท้อ เราไม่ท้อถอยและเชื่อมั่นว่า 4 แสนเสียงเป็นเรื่องหมู ๆ เราจะเน้นกลยุทธ์การหาเสียงแบบปากต่อปาก เพราะเราไม่มีเงินมาก
ส่วนจุดยืนเรื่องการร่วมรัฐบาลกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี น.พ.ระวี กล่าวว่า ขอประกาศว่าจะรอคะแนนเสียงจากประชาชนว่าพรรคใดได้คะแนนเท่าใด พรรคพลังธรรมใหม่ได้คะแนนเท่าใด จุดยืนพรรคพลังธรรมใหม่ไม่ได้จะอยู่กับพรรค “ลุง” ไหน
“เราถือจุดยืนอยู่ข้างประชาชน เราถือว่าหากเราร่วมรัฐบาลไหน รัฐบาลตอบรับนโยบายของเราในการดำเนินการและเกิดผลดีได้หรือไม่ เราไม่สนใจ เราไม่อยู่กับลุงก็ได้ เราอยู่กับพี่ก็ได้ อยู่กับน้าก็ได้ อยู่กับใครก็ได้ แต่ขอให้คนนั้นตัดสินใจรับนโยบายพรรคพลังธรรมใหม่ที่มาจากประชาชน นโยบายที่จะสร้างความเป็นธรรม กล้าประกาศจุดยืนหรือไม่ที่จะมาอยู่ข้างนายทุน” น.พ.ระวีกล่าว
เมื่อถามย้ำว่าการตอบเช่นนี้ เป็นการอยู่ฝ่ายที่ชนะหรือไม่ น.พ.ระวี กล่าวว่า ไม่ พรรคพลังธรรมใหม่ไม่ได้สนใจว่าจะต้องเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้านแล้วอดอยากปากแห้ง เพราะเรามีจุดมุ่งหมายคือเราต้องเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรและเป็น ส.ส.น้ำดีทั้งพรรค เราจะพิทักษ์ประโยชน์ของประชาชน มองว่าเป็นฝ่ายค้านดีเสียอีก มีสิทธิ์จะพูด
“เป็นรัฐบาลมา 4 ปี เราพูดไม่ได้ พูดมากไปก็กระทบพรรคร่วมรัฐบาล เจอบางอย่างที่ไม่เหมาะสมเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ต้องปล่อยผ่าน เราไม่ได้ไปเอากล้วย เราไม่ชอบเอาเงินทอน แต่สิ่งที่สำคัญคือถ้าเกิดเราได้อยู่พรรคร่วมรัฐบาล เราจะประกาศชัดเจนว่า จะเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาลเหมือนเดิม ถ้ารัฐบาลทำดี เราจะยกมือให้ การสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคพลังธรรมใหม่ต่อสู้ตามแนวทางของพรรคฯ ไม่ได้จับมือกับพรรคอื่น เพราะตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา มีการเจรจากับพรรคเล็กเกือบ 20 พรรค พบว่าแต่ละพรรคมีความเป็นตัวตนของตนเอง จนถึงวันนี้ก็มีหลายพรรคที่มาร่วมกับพลังธรรมใหม่ แต่มาในนามส่วนตัว ไม่ได้มาในนามพรรค” น.พ.ระวีกล่าว
น.พ.ระวี กล่าวว่า กลยุทธ์ของพรรคจะไม่ส่งผู้สมัครครบทุกเขต แต่อาจจะส่ง ส.ส.เขตเพียงภาคละ 1 คนเท่านั้น เพราะมองว่าสังคมการเมืองปัจจุบัน หากไม่มีเงินเป็นถุงเป็นถัง ไม่มีทางชนะส.ส.เขต / พรรค จึงเน้นการหาคะแนนพรรค เพื่อมุ่งเป้าให้ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยจะมีแกนนำพรรคที่จะหาเสียงให้พรรคเกือบ 400 เขตทั่วประเทศ โดยเป้าหมายในการเลือกตั้งว่าจะได้ประมาณ 1.5 ล้านเสียง.-สำนักข่าวไทย