สงขลา 7 มี.ค.- “นิพนธ์” จับมือ “เดชอิศม์” เปิดศูนย์ “สรรเพชญ บุญญามณี” เขตเลือกตั้งที่ 1 สงขลา พร้อมสู้ทุกเขต เย้ย พวกโดดเรือหนี 4 ปีย้าย 3 พรรค
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ภาคใต้ และส.ส.เขต 5 สงขลา ร่วมในพิธีเปิดศูนย์ประสานงานเขตเลือกตั้งที่ 1 สงขลา โดยมีนานไพเจน มากสุวรรณ์ นายก อบจ.สงขลา ผู้บริหาร และสมาชิกสภา อบจ.สงขลา นายวันชัย ปริญญาศิริ นายกเทศมนตรีนครสงขลา พร้อมด้วยผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 9 เขตที่มาร่วมในการเปิดศูนย์นายสรรเพชญ บุญญามณี ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่ 1 สงขลา ประกอบด้วย นายนิพัฒน์ อุดมอักษร ผู้สมัครเขตเลือกตั้งที่ 2 นายสมยศ พลายด้วง ผู้สมัครเขตเลือกตั้งที่ 3 นายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว ผู้สมัครเขตเลือกตั้งที่ 4 นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.เขต 5 รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ และผู้สมัครในเขตเลือกตั้งที่ 5 นางสาวสุภาภรณ์ กำเนิดผล ส.ส.เขต 6 และ ผู้สมัครเขตเลือกตั้งที่ 6 นายศิริโชค โสภา ผู้สมัครเขตเลือกตั้งที่ 7 และนายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง ผู้สมัครเขตเลือกตั้งที่ 9 ร่วมแสดงความยินดีในการเปิดศูนย์ประสานงานนายสรรเพชญ บุญญามณี เขตเลือกตั้งที่ 1 ณ ที่ทำการศูนย์ประสานงาน โดยมีพระครูโสภณวราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ปฐมมาวาสพระอารามหลวง และรองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา เจิมป้าย ศูนย์ประสานงานพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ศูนย์ฯ พร้อมด้วยประธานสาขาพรรค คณะกรรมการสาขา สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และพี่น้องประชาชนเข้าร่วมในพิธีเปิดศูนย์
สำหรับบรรยากาศในช่วงเช้าของการเปิดศูนย์ฯ เสียงเพลงเช้าวันใหม่ของเมธี ลาบานูน ยังคงดังกึกก้อง เรียกความเชื่อมั่น และความศรัทธาที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์ ของพี่น้องประชาชนที่เข้ามาร่วมในพิธีเปิดศูนย์ประสานงาน เขต 1 กลับมาอีกครั้ง ซึ่งทุกคนต่างร่วมแรง ร่วมใจส่งเสียงร้อง เรียกสรรเพชญดังกระหึ่ม แม้อากาศจะร้อนสักเพียงใด แต่ทุกคนไม่ถอย เพราะทุกคนคือครอบครัวประชาธิปัตย์ ที่พร้อมส่งเสียงเชียร์และให้กำลังใจ นายสรรเพชญ บุญญามณี และผู้สมัครทั้ง 9 เขต รวมถึงแกนนำชุมชน ที่สนับสนุนได้ทยอยมาร่วมอวยพร พร้อมทั้งมอบกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดีในการเปิดศูนย์ฯครั้งนี้ ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักสลับกับเพลงเช้าวันใหม่
นายนิพนธ์ กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การเลือกตั้งของระบบประเทศไทยเป็นการเลือกตั้งระบบรัฐสภาไม่ใช่ระบบประธานาธิบดี หรือเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง ซึ่งมันต่างกับการเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ซึ่งคนในกทม. เลือกผู้บริหารโดยตรง แต่ในระบบรัฐสภาของประเทศไทยเลือกผู้แทนราษฎร และผู้แทนเขตจะมี 400 เขต บัญชีรายชื่อจะมี 100 รายชื่อที่ว่าเลือกพรรค ดังนั้น 2 ระบบนี้รวมกัน500 ที่นั่ง ใครรวมเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกิน 250 คนนั้นก็จะได้เป็นรัฐบาล ดังนั้นโพลต้องลงไปให้ลึกว่า โพลนั้นเขาดูเลือกผู้แทนเขต เลือกตั้งพรรค ส่วนบัตรเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีไม่มี เพราะเขาเลือกพรรค นั่นก็คือ เขาเลือกผู้แทนเขต เขตละ 1 คน และเลือกบัญชีรายชื่อ 100 คนรวมกันแล้ว 500 คน ฉะนั้นผู้แทนเขตกับพรรคใครรวมเสียงกันแล้วได้มากที่สุด ผมคิดว่าสิ่งที่ปชป.ทำมาขณะนี้ล้ำหน้าที่สุดคือเราจัดปราศรัยและทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ซึ่งอาจจะมีพี่น้องประชาชนที่ยังไม่เข้าใจอยู่บ้าง หรือยังไม่รู้ว่าพรรคเคยทำอะไรในอดีตซึ่งทางพรรคก็พยายามชี้แจงอยู่ในเรื่องนี้ คือพรรคเสนอตัวบุคคลความพร้อมในเขตเลือกตั้ง พรรคเสนอความพร้อมของพรรคปชป.ที่เป็นสถาบันการเมืองมายาวนานย่างเข้า 77 ปีในเดือนเมษายนนี้ กับพรรคอื่นที่เราเรียกว่าพรรคเฉพาะกิจ ที่ตั้งมาเพื่อให้ใครเป็นนายก แต่ถ้าไม่ได้เป็นนายกพรรคเหล่านั้นก็เลิกไป ซึ่งเห็นมามากแล้วในอดีต ดังนั้นจึงไม่แปลกใจ ประชาธิปัตย์เดินหน้าสร้างความเข้าใจ วันที่ 24 ก.พ.เราปราศรัยเพชรบุรี วันที่ 25 ก.พ. เราปราศรัยหาดใหญ่วันที่ 3 มี.ค.เราปราศรัยพัทลุง วันที่ 5 มี.ค. ปราศรัยที่ปัตตานี และเมื่อวานก็ปราศรัยที่ กทม. ฉะนั้นนี่คือยุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่บอกว่าเราขายความเป็นสถาบันทางการเมือง เราขายความเป็นผู้นำรวมหมู่ เราไม่ฝากความหวังไว้กับคนใดคนหนึ่ง ซึ่งจะเห็นว่าเราเปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาเป็นคนที่ 8 แล้ว ประชาธิปัตย์ก็ยังอยู่ นี่คือความต่างจากพรรคอื่น ทั้งความต่างในเชิงนโยบาย ความต่างในเรื่องผลงานในอดีต และความต่างในเรื่องตัวบุคคลที่เราเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านเป็นส.ส.มา 11 สมัยเป็นรัฐมนตรีตั้งแต่อายุ 36 ปีมาจนถึงปัจจุบันนี้ เป็นรัฐมนตรีมาแล้ว 7 กระทรวง และทุกครั้งที่ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จุรินทร์ได้เป็นรัฐมนตรีทุกครั้ง ถือเป็นนักบริหารรัฐกิจมืออาชีพ นี่คือตัวบุคคลที่เรานำเสนอมาให้พี่น้องประชาชนเลือก ฉะนั้นผมจึงคิดว่ายุทธศาสตร์ของประชาธิปัตย์เดินมาถูกทางแล้ว
นายนิพนธ์ กล่าวต่ออีกว่าในส่วนของสรรเพชญ ผมมองว่าใน 3 -4 ปีที่ผ่านได้ทำงานอยู่กับพี่น้องประชาชนมาตลอด ไม่เฉพาะเขต 1 ซึ่งคราวที่ อำเภอระโนดมีปัญหาในเรื่องของพืขเกษตร สรรเพชญก็เข้าไปแก้ปัญหาให้ที่ระโนด โดยการเอาพืชผลทางการเกษตรมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในเขตเมือง และเขตชุมชนในช่วงโควิด ฉะนั้น 3-4 ปีที่ผ่านมาผมเชื่อว่าคนสงขลารู้และทราบว่าใครที่อยู่เคียงข้างกับพี่น้องประชาชนมาตลอด
“สำหรับประเด็นทางการเมืองในขณะนี้ อย่างเรื่อง ส.ส.ชัยชนะ นั้น วันนี้ได้เข้าไปขอโทษกับท่านอธิการบดี ม.ทักษิณ เรียบร้อย มีการรับขอโทษและให้อภัยกันแล้ว นั้นถือว่าจบแล้ว แต่มีบางคนบางพรรค พวกโดดเรือหนีบ้าง พวก 4 ปี 3 พรรคบ้าง พวกไปไม่รอดบ้าง ที่ยังไม่อยากจบ” นายนิพนธ์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย