เพื่อไทยยกทัพบุกโคราชปราศรัยจุดแรก “ปักธงชัย”

นครราชสีมา 4 มี.ค.- “เพื่อไทย” ยกทัพ บุกโคราชเมืองย่าโม เปิดปราศรัยจุดแรก ปักธงชัย “ชลน่าน” อ้อนอย่าแบ่งใจให้ใคร ด้าน “ประเสริฐ” ประกาศปั้น “แพทองธาร” นารีขี่ม้าขาวเหมือน “ยิ่งลักษณ์” ชูนโยบายเกษตร ที่ดินทำกิน โอทอป สร้างรายได้


นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัย โคราช ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ ณ อาคารกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เทศบาลเมืองปัก อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ท่ามกลางประชาชนเข้าร่วมฟังการปราศรัยมากกว่า 8,000 คน

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า โคราชจะเป็นเมืองที่มีโอกาสมากที่สุดในประเทศไทย ด้วยจำนวน ส.ส.ถึง 16 ที่นั่ง 16 เขตเลือกตั้ง จึงจัดใหญ่ 3 เวที เริ่มจากปักธงแลนด์สไลด์เพื่อไทยที่อำเภอปักธงชัย ปักให้มั่นคงที่อำเภอคง และปักธงทั้งหมดที่เมืองย่าโม นำทัพใหญ่โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครับเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้ที่ประชาชนให้การตอบรับเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยมากที่สุด และขอฝากผู้ประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของเพื่อไทยให้ได้ดูแลพี่น้องประชาชน


“เขตเลือกตั้ง 400 เขต และบัญชีรายชื่อ 100 คน พรรคเพื่อไทยต้องได้อย่างน้อย 250 ที่นั่งขึ้นไป เพื่อไทยทำตัวให้เท่ากับ ส.ว.ก่อน จะปิดสวิตซ์เขาได้ มั่นใจว่า ส.ว.ส่วนหนึ่งจะกลับมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทยซึ่งขายนโยบายแบบประชาธิปไตยกินได้”นายแพทย์ชลน่าน กล่าว

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเป็นคนโคราชโดยกำเนิด เกิดที่สีคิ้ว เติบโตทำงานและเข้าสู่การเมืองจนเป็น ส.ส.โคราชด้วยความภาคภูมิใจ จึงกล้าพูดเต็มปากว่าเป็นคนโคราช ไม่เหมือนบางคนที่อ้างว่าเป็นคนโคราช แต่เกิดที่ไหนก็ไม่รู้ เพียงอาศัยอยู่บ้านหลวง น้ำฟรี ไฟฟรี และมาอ้างว่ารักคนโคราช 8 ปีของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำชาวโคราชเสียโอกาส ทั้งที่เป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจลำดับ 2 ของประเทศ เสียโอกาสในด้านคมนาคม จากเดิมที่รัฐบาลเพื่อไทยมีแผนรถไฟฟ้าความเร็วสูงมาโคราช และทำทั่วประเทศ แต่รัฐบาลลดเหลือรถไฟความเร็วปานกลางและยังสร้างไม่ถึงไหน มอเตอร์เวย์สร้างเสร็จแต่เปิดใช้ไม่ได้เต็มรูปแบบ ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ หากพรรคเพื่อไทยมา เรามีนโยบายทำราคาข้าว อ้อย ข้าวโพด จะปรับตัวดีขึ้นอย่างแน่นอน โอทอปจะกลับมา เพราะเราจะมีนายกรัฐมนตรีที่ออกไปหาตลาดขายของต่างประเทศ ผ้าพื้นเมืองปักธงชัย ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใส่ในการประชุมคณะรัฐมนตรี คือฝีมือพี่น้องโคราช รวมถึงปัญหาเอกสารสิทธิที่ดินทำกิน พี่น้องต้องเข้าถึงสิทธิทำกินอย่างยุติธรรมและเท่าเทียม

“พี่น้องโคราช เคยสร้างนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก วันนี้เราจะมาร่วมใจกันอีกครั้งขอคนโคราชรวมหัวใจเป็นดวงเดียว เลือกแพทองธาร เป็นนารีขี่ม้าขาว เป็นนายกรัฐมนตรี เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ กาเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค เอานโยบายประชาธิปไตยกินได้ของพี่น้องกลับมา เอาเผด็จการสืบทอดอำนาจออกไป” นายประเสริฐ กล่าว


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ครอบครัวชินวัตรเอง มีความผูกพันธ์ กับ อ.ปักธงชัยมาตั้งแต่อดีต เพราะในสมัยคุณย่าเคยรับผ้าไหมจาก อ.ปักธงชัย ไปขายที่ร้านทอไหมไทยชินวัตร ในกรุงเทพฯ เพราะมีคุณภาพและสวยงามมากพอที่จะส่งออกสู่ตลาดโลกได้ ซึ่งนโยบาย ‘ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์’ จะส่งเสริมให้สมาชิกครอบครัวที่ต้องการพัฒนาความรู้ ความสามารถผ่านการสนับสนุนของรัฐ หารายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยมีรายได้ขั้นต่ำ 200,000 บาทต่อปี

ทั้งนี้ ในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย มีการตั้งศูนย์เอาชนะความยากจนที่โคราชเป็นที่แรก สมัยรัฐบาลเพื่อไทย โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีโครงการพัฒนารถไฟฟ้าความเร็วสูง วางแผนเริ่มต้นที่โคราช แต่ก็มีรัฐประหารเข้ามาหยุดความเจริญ หยุดความกินดีอยู่ หยุดศักดิ์ศรีของพี่น้องประชาชน พรรคเพื่อไทยจึงกลับมาทวงคืนความเจริญให้กับพี่น้องประชาชน

นางสาวแพทองธาร กล่าวอีกว่า จากปัญหาที่กินทำกิน พรรคเพื่อไทยมี 4 ขั้นตอนที่จะทำให้ชีวิตของพี่น้องประชาชนดีขึ้นได้ คือ

  1. นำเทคโนโลยีมาใช้ในการพิสูจน์สิทธิ์อย่างเป็นธรรม
  2. จัดสรรที่ดินสำหรับผู้ที่ไม่มีที่ดินทำมาหากิน
  3. แก้กฎหมายที่ขัดต่อความเป็นธรรม เป็นอุปสรรคในการทำมาหากินของประชาชน
  4. ที่ดินของรัฐที่ไม่ได้ใช้จะถูกจัดสรรให้พี่น้องประชาชนได้มีที่ดินทำกินถ้วนหน้า

ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งที่เกิดขึ้นทุกปี พรรคเพื่อไทยมีทางออก ผ่านการสร้างอ่างเก็บน้ำ และทางระบายน้ำลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุด รวมถึงการยกถนนให้เป็นสะพานสาธารณะ นโยบายพักหนี้เกษตรกร 3 ปี และเพิ่มรายได้ให้ประชาชน 3 เท่า ผ่าน 3 ดี ได้แก่ ดินดี น้ำดี เมล็ดพันธุ์ดี เพื่อให้ราคารสินค้าเกษตรดีถ้วนหน้า ราคาผลิตภัณฑ์ขึ้นยกแผง

“ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทย ทำนโยบายสำเร็จได้ เพราะแรงสนับสนุนจากประชาชนทุกคน และในเลือกตั้งครั้งต่อไป หากอยากให้นโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นจริง ต้องขอฝากพรรคเพื่อไทยไว้ในอ้อมใจ เลือกเพื่อไทย ให้แลนสไลด์ ทั้งคน ทั้งพรรค” นางสาวแพทองธาร กล่าว

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นโยบายหาเสียงของคู่แข่งที่ทยอยเปิดตัว หลายพรรคการเมืองเห็นแต่นโยบายแจกเงิน ซึ่งแจกได้เมื่อประเทศมีเงินแล้ว มีวิธีหาเงินต้องมีถึงจะแจกได้ บางพรรคประกาศว่า ‘ทำแล้ว ทำอยู่ และทำต่อ’ ซึ่งพี่น้องสงสัยว่าคงหมายถึงอยู่กู้หนี้ต่อไป ‘กู้แล้ว กู้อยู่ และกู้ต่อ’ แต่เพื่อไทยมีแต่นโยบายทำงานหาเงินเข้าประเทศ ลดรายจ่ายค่าครองชีพ และเพิ่มรายได้เพิ่มราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้นเพราะเราคิดใหญ่ คิดเป็นและทำงานเป็น ด้วยการ

  1. ลดรายจ่าย ลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ค่าแก๊สหุงต้ม ค่าปุ๋ยการเกษตร
  2. หาเงินให้ประเทศ ด้วยการเปิดตลาดใหม่ หาสินค้าเกษตรไปขาย เพิ่มรายได้ให้ประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยโตโดยเฉลี่ย 5% ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันโตเฉลี่ยประมาณแค่ 2%
  3. ราคาสินค้าเกษตรต้องสูงขึ้น เกษตรกรต้องมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าเป็นอย่างน้อย ขายข้าวได้ราคา พอหมดฤดูไปรับจ้าง ก็จะต้องมีรายได้แรงงานขั้นต่ำ 600 บาท/วันในปี 2570 เมื่อเศรษฐกิจโตแล้ว นายจ้างมีกำไรมากขึ้น เขาก็ต้องยินดีจ่ายค่าแรงสูงขึ้น

“ถ้าพี่น้องต้องเลือกระหว่าง อยู่กับคนที่หาเงินเป็น กับคนที่เก่งแต่กู้ พี่น้องจะอยู่กับใคร ประเทศจะโตมีเงินเข้าประเทศเพราะนายกรัฐมนตรีของเพื่อไทย จะค้าขายเป็น ไม่ใช่เป็นแต่กู้หนี้ และหนี้เหล่านั้นก็ไม่ได้หายไปไหน กลายมาเป็นเพิ่มค่าไฟค่าน้ำค่าแก๊ส ภาษี ดังนั้น เลือกเพื่อไทย เลือกคนหาเงินเป็นให้แลนด์สไลด์ทั้งโคราช” นายสุทิน กล่าว

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาเยียวยาพี่น้องประชาชนชาวโคราช หลังจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชามาเยือนโคราชเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้พี่น้องอกสั่นขวัญแขวน ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์กู้หนี้ทะลุเพดานกว่า 10 ล้านล้านบาท และมีแนวโน้มจะกู้เพิ่มขึ้นไปอีก ถ้าหากได้กลับมาเป็นรัฐบาล พรรคเพื่อไทยมีแต่แนวทางที่จะมายกระดับคุณภาพชีวิตให้พี่น้องประชาชน ให้ลูกหลานมีโอกาส ให้คนยากคนจนพึ่งพาตัวเองลืมตาอ้าปากได้

พรรคเพื่อไทยเพิ่งแต่งตั้งทีมเศรษฐกิจระดับชาติมาเป็นความหวังให้ประชาชน และได้นายเศรษฐา ทวีสิน เข้ามาร่วมงาน แม้มีคำถามจากพลเอกประยุทธ์ว่าเก่งตรงไหน ประเทศไม่ใช่บริษัทเอกชน ตนมองว่า ในทางกลับกัน ถ้าเปรียบประเทศเป็นบริษัทเอกชน วันนี้เรากำลังมียามทำหน้าที่อยู่ในบริษัท ตนไม่ได้ดูถูกอาชีพยามซึ่งเป็นอาชีพสุจริต แต่หน้าที่ต้องเป็นไปตามศักยภาพ มีความชอบธรรมในการเข้าไปทำงาน

“พลเอกประยุทธ์มีความชอบธรรมอย่างไร 8 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้แก้ปัญหาเลย ทุกเรื่องมีแต่นโยบายฉาบฉวย วันนี้จึงอยากให้คนโคราชจับมือให้มั่น ตัดสินใจให้เด็ดขาด ตัดสินใจจะแลนด์สไลด์ไปกับพรรคเพื่อไทยทั้งจังหวัด” นายณัฐวุฒิกล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ-อีสาน

กทม. 27 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง และฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและอีสาน ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน และอ่าวตังเกี๋ย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. […]

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย