“เสธ.หิ” เดือด ถูกกล่าวหาชักใย “ชูวิทย์”

พรรครวมไทยสร้างชาติ 1 มี.ค.-“เสธ.หิ” เลือดขึ้นหน้า หลังถูกจี้ถามอยู่เบื้องหลัง “ชูวิทย์” เล่นงานภูมิใจไทย ชี้จินตนาการไร้สาระ ยอมรับรู้จักจริง แต่สั่งไม่ได้ ย้ำ ภท.-รทสช.พันธมิตรกัน เผยยกหูหา “อนุทิน” แต่ไม่รับสาย อยากบอก “ผมคิดเรื่องเลว ๆ ไม่เป็น


นายหิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ชี้แจงกรณีถูก ตั้งข้อสังเกตอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ที่โจมตีพรรคภูมิใจไทย ว่า เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ จะไปอยู่เบื้องหลังได้อย่างไร ตนไม่รู้ว่าใครไปพูดให้รู้สึกแบบนั้น

“นายชูวิทย์ โพสต์โจมตีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมาหลายเดือน วิพากษ์วิจารณ์ให้เสียหาย แต่พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ตอบโต้ และวันที่เปิดตัวเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายชูวิทย์ก็มาไลฟ์สดต่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ด้านหน้าเป็นชั่วโมง ถามว่าถ้าผมรู้เห็นเป็นใจ จะให้คนมายืนด่าเจ้านาย 3-4 ชั่วโมงหรือ ถ้าผมสั่งได้ นายชูวิทย์ก็ต้องหยุดพูด แต่มันเป็นไปไม่ได้ ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย” นายหิมาลัย กล่าว


นายหิมาลัย ยอมรับว่ารู้จักนายชูวิทย์มาก่อน เมื่อทราบว่ามาขอพบ จึงไปแจ้งพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่พอใจ โกรธนิด ๆ แต่สุดท้ายก็ให้พบ จะได้พูดคุยทำความเข้าใจ เพราะถือว่านายชูวิทย์ก็เป็นสื่อคนหนึ่งที่มีคนติดตามจำนวนมาก

“พอมาเจอนายกฯ ตามสไตล์นายชูวิทย์ก็พูดหมด ใส่หมด ต่อว่านายกฯ ตรง ๆ แม้แต่เรื่องญาติหรือคนใกล้ตัว ซึ่งนายกฯ ก็ใจเย็นและชี้แจง ว่าจะให้เราไปย้ายคนทุกคนตามที่นายชูวิทย์เรียกร้อง ท่านบอกเราเป็นนายกฯ มีขั้นตอนตามราชการ ต้องสอบสวน ใครผิดก็ค่อยลงโทษตามกระบวนการ และถ้านายชูวิทย์มีหลักฐานก็ส่งมา ส่วนเรื่องญาติของนายกฯ ให้ส่งเรื่องไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ย้ำว่าไม่ปกป้องใคร  นายชูวิทย์จึงบอกนายกฯ ว่าจากนี้มีอะไรให้มาหาได้หรือไม่ นายกฯ จึงตอบว่าให้มาหาได้เลย” นายหิมาลัย กล่าว

นายหิมาลัย กล่าวด้วยว่า สมัยที่ตนและนายชูวิทย์ติดคุกด้วยกัน นายชูวิทย์เดินรอบคุก อะไรที่ไม่ถูกต้องบอกผู้คุมหมด สิทธิพิเศษก็ไม่เอา ซึ่งผู้คุมก็กลัวนายชูวิทย์ร้องเรียนมาก แล้วจะมาบอกว่าตนไปรับเรื่องนายชูวิทย์ทุกครั้งที่ไหน ครั้งแรกที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ครั้งที่ 2 ที่ทำเนียบรัฐบาล


ส่วนที่นายชูวิทย์ร้องเรียนประเด็นรถไฟฟ้าสายสีส้มที่เกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทย  นายหิมาลัย กล่าวว่า เมื่อทราบข่าวว่านายชูวิทย์จะมาที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี จึงให้ตนไปดูว่าจะมายื่นเรื่องอะไร ตนจึงทำการบ้าน ด้วยการดูเฟซบุ๊กของนายชูวิทย์ว่าโพสต์เกี่ยวกับเรื่องอะไร ซึ่งขณะนั้นมีเรื่องทุนจีนสีเทา เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ที่ดิน สปก.-อุทยานแห่งชาติ และกระบวนการยุติธรรมที่มีปัญหา จึงแจ้งให้ผู้ใหญ่ทราบ เพื่อเตรียมคำตอบ แต่ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม

“ไม่ได้เตี๊ยมอะไรกันทั้งนั้น ขอความเป็นธรรมให้บ้าง ผมไปรับนายชูวิทย์แค่ 2 ครั้ง ใครจะใส่ความอย่างไรไม่รู้ นายพีระพันธุ์ ไม่ได้รับจ๊อบนายชูวิทย์ เพราะถ้าว่าง นายพีระพันธุ์ จะมารับเรื่องร้องเรียนด้วยตนเองอยู่แล้ว” นายหิมาลัย กล่าว

เมื่อถามย้ำถึงข้อสังเกตการเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์เป็นการเปิดทางเพื่อสมประโยชน์ร่วมกัน นายหิมาลัย ย้อนถามกลับว่า เปิดทางอย่างไร เพราะนายชูวิทย์ตั้งใจมาถล่มเรา เราก็แค่เตรียมคำตอบและตนก็ไม่เคยเถียงกับนายชูวิทย์ เพราะรู้นิสัยดี ถ้ายิ่งเถียงเรื่องก็ไม่จบจึงได้แค่รับฟัง เพราะเขาเป็นพี่  และเมื่อนายชูวิทย์พูดถึงประเด็นรถไฟฟ้าสายสีส้มนายพีระพันธุ์ตอบไปว่าตนไม่มีข้อมูล ขอเวลาศึกษาก่อนและนายชูวิทย์ก็ไม่ได้ให้เอกสารอะไรไว้ 

“ผมเพิ่งมาทำงาน ผมไม่มาหาศัตรูหรอก โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าและนายเนวิน ชิดชอบ ผมก็ให้ความรักและความเคารพมาโดยตลอด ไม่เหิมเกริมคิดชั่วแบบนี้หรอกครับ ทำไม่เป็น และท่านพีระพันธ์ที่ทำงานร่วมกันมา ถ้าไม่พอใจท่านก็แสดงออกเลย ไม่มีมาแทงลับหลัง พี่ชูวิทย์ก็เช่นกัน ถ้าโมโหก็แสดงออกทันที เขาไม่คิดซ่อนเงื่อนเบื้องหลัง” นายหิมาลัย กล่าว

เมื่อถามว่าเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีพูดอะไรบ้างหรือไม่ นายหิมาลัย กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาที่ดีมาก ๆ ตั้งใจทำงาน ลูกน้องหลายคนที่ทำผิดพลาดไม่เคยตำหนิให้เสียน้ำใจ แต่แบกรับไว้เอง นี่คือผู้บังคับบัญชาที่สุดยอด และผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างตนก็ให้ใจ 100% เอาตัวเข้าแลก ส่วนใครที่ไปพูดกับพรรคภูมิใจไทยใส่ความตนว่าอยู่เบื้องหลัง เป็นจินตนาการที่ไร้สาระ

“ความคิดชั่ว ๆ แบบนี้ตนทำไม่เป็น และไม่มีความจำเป็นต้องทำด้วย พรรคภูมิใจไทยอยู่ในฐานะพันธมิตรของพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ใช่คู่แข่ง เป็นพรรคใหญ่ที่ค้ำจุนความมั่นคงของรัฐบาล ผมมีสติปัญญาพอ ทำไปแล้วจะได้ประโยชน์อะไร ขอฝากให้คิด” นายหิมาลัย กล่าว

ส่วนกรณีดังกล่าวได้มีการพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยแล้วหรือไม่ นายหิมาลัย กล่าวว่า ตนพยายามโทรหานายอนุทินแล้ว แต่ไม่รับสาย จึงไม่มีโอกาสได้ชี้แจง ตนเป็นเด็กไม่สามารถทะเลาะกับใครได้ แม้กระทั่งกับนายชูวิทย์ เพราะสิ่งที่เขาทำก็เป็นประโยชน์ต่อสังคม เพียงแต่เราต้องอดทนเพื่อจะชี้แจง

เมื่อถามย้ำว่าหากตอนนี้พูดอะไรกับนายอนุทินได้จะพูดว่าอย่างไร นายหิมาลัย นิ่งไปสักครู่ แล้วพูดว่า “ก็ต้องบอกท่านรองนายกฯ นะครับว่า ไอ้ผมคิดเรื่องเลวเลวไม่เป็นหรอกนะครับ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสัมภาษณ์นายหิมาลัยมีอารมณ์ขึ้นเป็นระยะจนมีสีหน้าแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]