“ธนกร” ระบุกระแสยุบสภาฯ 21 มี.ค. เป็นไปได้

กรุงเทพฯ 28 ก.พ. – รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุกระแสยุบสภา 21 มี.ค. เป็นไปได้ แต่ขึ้นอยู่กับนายกฯ ยืนยันพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของ “ชูวิทย์” ด้าน “อนุทิน” ไม่ให้ราคานายชูวิทย์ และไม่ยุ่งกับคนพาล


นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวว่านายกรัฐมนตรีจะยุบสภาในวันที่ 21 มีนาคม 2566 ว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี แต่มีความเป็นไปได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี

นายธนกร ยังกล่าวถึงการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติเมื่อวานนี้ ว่า ในวันที่ 1 มีนาคมนี้จะมีการเปิดตัวเพิ่มอีก 20 คน ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นแล้วว่าพรรครวมไทยสร้างชาติมี ส.ส.กว่า 40 คน ดังนั้น การที่มีคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์และดูแคลนว่าพรรคคงได้ ส.ส.ไม่เกิน 25 คนคงไม่ใช่ และจากการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีหลายจังหวัดได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน ประชาชนเห็นผลงานของนายกรัฐมนตรี แม้ฝ่ายค้านจะเดินทางปราศรัยโจมตี ดิสเครดิต พล.อ.ประยุทธ์ว่าไม่มีผลงานนั้น ยิ่งฝ่ายค้านพูด ประชาชนจะยิ่งเห็นใจพรรครวมไทยสร้างชาติและ พล.อ.ประยุทธ์ มากขึ้น ยิ่งเป็นการหาเสียงให้รวมไทยสร้างชาติ


ส่วนหลังจากนี้จะมีการเปิดเวทีปราศรัยย่อยหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ผู้สมัครแต่ละพื้นที่จะนโยบายไปนำเสนอกับประชาชน และเชื่อว่านโยบายที่ได้ประกาศออกไป อาทิ บัตรสวัสดิการพลัส 1,000 บาท การแก้ปัญหาหนี้สิน ซึ่งเหล่านี้เป็นสิ่งทำสำเร็จมากแล้ว ไม่เชื่อว่าทำไม่ได้ ยืนยันว่าบัตรสวัสดิการพลัสทำได้อย่างแน่นอน ซึ่งทุกนโยบายนายกรัฐมนตรีมีส่วนร่วม และได้ย้ำกับทีมนโยบาย ว่าทุกนโยบายต้องมีแหล่งที่มาของงบประมาณที่ชัดเจนและทำได้จริง

ทั้งนี้ อย่ามองว่าเป็นการเกทับนโยบายกับพรรคอื่น เพราะต้องยอมรับว่านโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 แต่ละพรรคการเมืองนำไปกำหนดเป็นนโยบายได้ ไม่มีปัญหา แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นพรรคการเมืองใดบอกที่มาของงบประมาณได้ชัดเจน

ส่วนอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ จะจับมือกับฝ่ายค้านในปัจจุบันหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ต้องรอดูหลังการเลือกตั้ง ซึ่งวันนี้พรรคฝ่ายค้านหลายพรรคประกาศไม่ร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งถือเป็นสิทธิของแต่ละพรรค ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร ย้ำนายกรัฐมนตรีเป็นนายกรัฐมนตรีของประชาชนทุกคน ดังนั้นต้อไม่มีความขัดแย้งกับใคร และไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร และมั่นใจว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะไม่ทิ้ง พล.อ.ประยุทธ์ ไปจับมือกับฝ่ายค้าน เพราะมีความผูกพันกันมา 40-50 ปี เชื่อว่า ทั้งสองคนจะไม่ทิ้งกัน


นอกจากนี้ นายธนกร ยังกล่าวถึงกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี รับหนังสือจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แล้วหลายฝ่ายมองว่าเป็นเกมการเมือง ว่า ยืนยันไม่ได้อยู่เบื้องหลังและไม่ได้เกี่ยวข้อง และเป็นสิ่งที่นายชูวิทย์ดำเนินการเองมาโดยตลอด ซึ่งสิ่งที่นายชูวิทย์ พูดก็มีประโยชน์กับประชาชน และย้ำความสัมพันธ์ของนายอนุทินชาญ วีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกับนายกรัฐมนตรี เป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีปัญหาและให้เกียรติกันมาโดยตลอด

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ประกาศจะต้องเผารังหนู พร้อมนำเยาวชน ตัดต้นกัญชา ว่าขอไม่ให้ราคา ก็ไม่อยากจะพูดถึง และเชื่อว่ามีการเมืองอยู่เบื้องหลัง และรู้ด้วยว่าใครอยู่เบื้องหลัง และเชื่อว่าภูมิใจไทยจะไม่เสียคะแนนนิยม

ส่วนที่มีการโจมตีนายเนวิน อย่างรุนแรง เจ้าตัวได้ฝากอะไรมาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นายเนวิน บอกว่า พี่ก็อยู่บ้านของพี่ดีๆอยู่แล้ว และคงไม่สู้กับใคร ทำงานอย่างเดียว ส่วนที่ นายชูวิทย์ ถ่มน้ำลายใส่รูปนายเนวิน นั้น ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ผมเชื่อว่าเวลาที่เขาเจอคุณเนวิน แล้วถ้าทำต่อหน้า ค่อยว่ากัน พร้อมยืนยันไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบร้านกัญชา ภายในโรงแรมของนายชูวิทย์

ด้านนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองได้ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐนานแล้วและได้แจ้งให้พลเอกประวิตร รับทราบแล้วเช่นกัน ซึ่งพลเอกประวิตรเข้าใจ ไม่ได้มีปัญหาอะไร รวมถึงยังไม่ได้รับมอบหมายจากพรรคว่าจะให้ดูแลพื้นที่ใดเป็นพิเศษชัดเจน โดยพรรคมอบหมายให้ดูแลพื้นที่ใดก็จะดำเนินการอย่างเต็มที่

ส่วนกรอบเวลาการยุบสภา นั้นไม่ว่าจะยุบสภาในช่วงเวลาใด เป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ในฐานะสมาชิกพรรคพร้อมดำเนินการตามขั้นตอน และยืนยันว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ไม่ได้เป็นครั้งสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่านายชูวิทย์ จะมาด้านข้างทำเนียบรัฐบาลช่วงเที่ยงปฏิบัติการเผารังหนูชี้ให้เห็นถึงโทษของกัญชา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

พล.อ.ณัฐพล เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล รมช.กห. เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session of Thailand […]

“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด จับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาส

กทม. 7 ส.ค.-“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด บุกจับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ก๊วนกิ๊กเก่า “สีกากอล์ฟ” หลังพบทุจริตยักยอกเงินวัด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปาตแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. นำกำลังตำรวจ บก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ “กอล์ฟทีม EP.1” บุกค้นเป้าหมาย 3 จุด ใน จ.สุราษฎร์ธานี จ.พิจิตร และ จ.สมุทรสงคราม เพื่อจับกุมอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ และ คนใกล้ชิด ที่เคยพัวพันสัมพันธ์ฉาวสีกากอล์ฟ หลังพบกระทำผิดทุจริตยักยอกเงินวัดมาใช้ดูแลสีกา เป้าหมายจุดแรกที่เข้าตรวจค้นเป็นสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทิวากร ดีไพร หรือ […]

มท.1 เด้งฟ้าผ่า ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี

เมืองทองธานี 7 ส.ค.-รมว.มหาดไทย สั่งเด้งฟ้าผ่า “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี” ก่อนประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย เหตุมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณดูแลประชาชนได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการสั่งย้าย ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,600 บาท จากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100 ล้านบาท ส่วนจะย้ายชั่วคราว หรือถาวรน้้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า จะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ว่าได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย​ แต่ปฏิเสธที่จะแสดง​ความเห็น​ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน.-315.-สำนักข่าวไทย

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]