เปิดสนง.ที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ที่อุบลฯ   

จ.อุบลราชธานี 27 ก.พ.-มท.1 Kick off เปิดสำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ส่วนภูมิภาคนำร่องที่อุบลราชธานี  ชื่นชมการพัฒนางานด้าน Digital Transformation


พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดสำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ จดทะเบียนที่ดินต่างสำนักงานแบบออนไลน์ สำนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี สาขา และส่วนแยก โดยได้รับเมตตาจาก พระปัญญาวชิรโมลี เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม ร่วมงาน โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี  นายชยาวุธ จันทร อธิบดีกรมที่ดิน นายวราพงษ์ เกียรตินิยมรุ่ง ที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมสำรวจ นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นางชัชดาพร บุญพีระณัช รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และประชาชนผู้รับบริการ ร่วมในพิธี

จากนั้นตรวจเยี่ยมการให้บริการสำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ จดทะเบียนที่ดินต่างสำนักงานแบบออนไลน์ สำนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี สาขา และส่วนแยก พร้อมมอบเอกสารสิทธิที่ดินต่างสำนักงานแบบออนไลน์ต่างสำนักงาน ให้กับประชาชนผู้รับบริการประเภทต่าง ๆ รวม 5 ประเภทงานบริการ


พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขอชื่นชมกรมที่ดินที่มุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการพี่น้องประชาชนในเรื่องการจดทะเบียนที่ดินต่างสำนักงานแบบออนไลน์ โดยได้มีจุดเริ่มต้นนำระบบการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ในสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครทั้ง 17 สาขา โดยในครั้งนี้ เป็นการเปิดให้บริการที่จังหวัดอุบลราชธานีซึ่งถือเป็นการเปิดให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นจังหวัดแรกในภูมิภาค ครอบคลุม 10 สาขาส่วนแยก ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติในเรื่องของการพัฒนาระบบราชการและการพัฒนาบริการภาครัฐ ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการพี่น้องประชาชน ทำให้สามารถยกระดับการให้บริการพี่น้องประชาชนได้ โดยขณะนี้สามารถเชื่อมโยงระบบออนไลน์กับสาขาสำนักงานที่ดินทั้ง 461 สาขาทั่วประเทศได้แล้ว ยังคงเหลือเรื่องการนำสารระบบหลังโฉนดที่ดินเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ระหว่างการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล

“ในอนาคตหากสำนักงานที่ดินสามารถให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ครบทุกมิติ ก็จะสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างสะดวกในทุกด้าน เป็นการลดภาระ ทั้งเรื่องการเดินทาง เรื่องเวลา  เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก และเมื่อสามารถบูรณาการเชื่อมโยงระบบเข้ากับ Digital ID ของกรมการปกครองที่กำลังดำเนินการอยู่ เราก็สามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องเดินทางไปสำนักงาน รวมถึงเรื่องการรังวัดที่ดินด้วย จึงขอให้ได้พัฒนาการให้บริการพี่น้องประชาชน ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ดังที่ชาวดินทุกคน ได้มุ่งมั่นทำมาอย่างต่อเนื่องแล้ว “ผมเชื่อมั่นว่าในบรรดาหน่วยงานของรัฐที่ทำเรื่อง Digital Transformation หน่วยที่สามารถพัฒนาได้สูงสุด คือ กรมที่ดิน” อันจะเห็นได้จากที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าลักษณะงานจะมีความยุ่งยาก แต่เราก็ทำได้ดีมาก ด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทของชาวดินทุกคน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว

ด้านอธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า กรมที่ดินได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมของสำนักงานที่ดิน ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับการให้บริการภาครัฐ ให้ทันต่อโลกยุคดิจิทัล การจดทะเบียนต่างสำนักงานแบบออนไลน์ เป็นเป้าหมายหลักในการพัฒนาระบบสารสนเทศที่ดินของกรมที่ดิน ซึ่งกรมที่ดินได้เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2554 เพื่อพัฒนาระบบการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศมีฐานข้อมูลที่ดินกลางของประเทศ โดยได้นำเข้าข้อมูลหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินและสารบบให้เป็นดิจิทัล มีการปรับปรุงแก้ไขประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อรองรับการใช้ทคโนโลยีสารสนเทศ จัดทำระเบียบกรมที่ดินว่าด้วย สำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ต่างสำนักงานแบบออนไลน์ และสำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ทั้งระบบ “นับเป็นก้าวที่สำคัญ ที่กรมที่ดินจะก้าวไปสู่ระบบ Digital Transformation ที่สมบูรณ์อย่างเต็มรูปแบบ เป็นการพัฒนาการให้บริการประชาชนที่เจ้าหน้าที่ต้องเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น แต่เจ้าหน้าที่กรมที่ดินก็มีความกล้าและมุ่งมั่นที่จะก้าวเดินไปในทิศทางเดียวกัน และจะทำให้ดีที่สุด โดยใช้แนวคิด ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน สร้างความสะดวก สบาย รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย


“ปี 2566 กรมที่ดินจะขยายการให้บริการจดทะเบียนที่ดินต่างสำนักงานแบบออนไลน์ใด้ทุกพื้นที่ในจังหวัดอุบลราชธานีทั้ง 10 สำนักงาน ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนที่มีที่ดินอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดอุบลราชธานี สามารถขอจดทะเบียนที่ดินต่างสำนักงานแบบออนไลน์ที่สำนักงานที่ดินใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นในเขตกรุงเทพมหานครทั้ง 19 สำนักงาน หรือในจังหวัดอุบลราชธานีรวมสาขาและส่วนแยกทั้ง 10 สำนักงาน ครอบคลุมโฉนดที่ดินในจังหวัดอุบลราชธานีมากกว่า 8 แสนแปลง ซึ่งสามารถอำนวยความสะดวกให้ประชาชนชาวอุบลราชธานี ได้ปีละกว่า 2 แสนราย และยังช่วยลดระยะเวลาในการทำนิติกรรม มากกว่า 50% ทั้งนี้ กรมที่ดิน มุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการให้ครอบคลุมจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศต่อไปในอนาคต เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความมั่นใจในการดำเนินธุรกรรมด้านที่ดินให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ และกรมที่ดิน จะมุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อคนไทยทุกคน” นายชยาวุธ กล่าว.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย