fbpx

‘แพทองธาร’ ฟังเสียงสะท้อนปัญหาท่องเที่ยวม่อนแจ่ม

เชียงใหม่ 26 ก.พ.-‘แพทองธาร-เพื่อไทย’ รับฟังผู้ประกอบการม่อนแจ่ม สะท้อนปัญหาการท่องเที่ยว ซัดนโยบายเที่ยวเมืองรอง-คนละครึ่ง แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้าน หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย รับปากดันเชียงใหม่-เชียงราย เป็นเมืองท่องเที่ยวฝาแฝด ขยายสนามบินเชียงใหม่ เพิ่มรายได้การท่องเที่ยวให้ยั่งยืน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ก.พ. 2555 ที่สวนอีเดน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ และ นพ.ไกร ดาบธรรม นายบัณจงศักดิ์ วงศ์รัตนวรรณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ ลงพื้นที่เพื่อพบปะผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ใน จ.เชียงใหม่ และผู้ประกอบอาชีพในม่อนแจ่ม ซึ่งเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวสำคัญของอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่


โดยทันทีที่เดินทางมาถึงคณะของพรรคเพื่อไทยและ น.ส.แพทองธาร ได้ร่วมทักทายถ่ายภาพกับกลุ่มชาติพันธุ์ชาวม้ง และเยาวชนนักฟุตบอลของคริสต์ เอฟซี อะคาเดมี่ ของม่อนแจ่ม ซึ่งก่อตั้งและผลิตนักฟุตบอลส่งให้สโมสรฟุตบอลในประเทศไทย และยังผลิตนักเตะทีมชาติไทย อย่าง นายอานน์ อมรเลิศศักดิ์ นักฟุตบอล ทีมสโมสรฟุตบอลแบงค็อก ยูไนเต็ดที่อยู่ในไทยลีก

จากนั้น น.ส.แพทองธาร พร้อมคณะพรรคเพื่อไทย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ หารือตัวแทนผู้ประกอบการท่องเที่ยวม่อนแจ่ม และ จ.เชียงใหม่ ซึ่งตัวแทนผู้ประกอบการได้สะท้อนปัญหาว่า การท่องเที่ยว 9 เดือนแรกของปี 2565 จังหวัดเชียงใหม่ทำรายได้กว่า 38,000 ล้านบาท และเป็นจังหวัดที่ฟื้นตัวของประเทศ รายได้จากการท่องเที่ยว ที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีนโยบายเที่ยวเมืองรองคนละครึ่งช่วยผลักดันเศรษฐกิจในระยะหนึ่ง แต่ไม่ได้เป็นการผลักดันที่ยั่งยืน ในปัจจุบันธุรกิจร้านคาเฟ่กาแฟ โฮมสเตย์กำลังจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จึงอยากถามพรรคเพื่อไทยว่ามีนโยบายด้านการท่องเที่ยวอย่างไร


อีกทั้งตอนนี้ตัวแทนได้ฝากถึงประเด็นด้านการท่องเที่ยวที่ผู้บริโภคได้เปลี่ยนพฤติกรรมไปแล้ว เพราะมีการเลือกปฏิบัติของระบบราชการในเรื่องที่ดิน เรื่องการท่องเที่ยวที่ยังไม่มีการเน้นเรื่องการท่องเที่ยวในภาพเล็ก แต่กลับเน้นการท่องเที่ยวแบบภาพใหญ่

จากนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในเรื่องรัฐบาลปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเรื่องคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน เป็นการแก้ปัญหาในช่วงโควิด-19 ระยะสั้นตนทำธุรกิจโรงแรมมาก่อนเราสู่กันเลย ทำให้โรงแรมได้ประโยชน์และไม่ใช่การแก้ปัญหาในระยะต้นระยะพรรคเพื่อไทยมีการแก้ปัญหาระยะยาวถาวรจะมีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อที่พี่น้องเจออยู่ทุกวันนี้ โดยการแก้ปัญหาระยะยาวจะเกิดขึ้นแน่ โดยเฉพาะปัญหาที่ดินทำกินและก็มีปัญหาในเขตป่าไม้ ดังนั้นต้องใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการแบ่งเขตแบ่งเส้นทางนี้พรรคเพื่อไทยได้ประกาศนโยบายที่จังหวัดเชียงรายแล้ว โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาแบ่งเส้นทำให้ประชาชนได้ที่ดินทำกินที่เหมาะสมส่วนคนไม่มีที่ทำกินก็จะจัดให้อย่างเหมาะสม

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยอยากให้จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ เป็นเมืองคู่แฝด นอกการท่องเที่ยวแล้ว จะทำรถไฟความเร็วสูงถึงจังหวัดเชียงใหม่ ในภาคเหนือจังหวัดเชียงไหม่ทำรายได้เป็นอันดับ 4 ของประเทศ ทำให้พรรคเพื่อไทยเห็นศักยภาพของจังหวัด นอกจากรถไฟความเร็วสูงแล้ว พรรคเพื่อไทยยังมองเห็นการขยายสนามบินขยายสนามบิน ทั้งนี้ไม่ได้เพิ่มสนามบิน แต่จะต้องดูรายละเอียดในนโยบายอีกครั้ง แต่ต้องทำสนามบินเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดอาชีพใหม่จากการท่องเที่ยว ในตัวของม่อนแจ่ม มีชื่อเสียงมากพอสมควรอยู่แล้ว ถ้าเราเปิดทางให้จังหวัดเชียงใหม่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น เกิดการจ้างงานมากขึ้น ยังไงมันจำนักท่องเที่ยวก็มาเที่ยว


น.ส.แพทองธาร ระบุว่า ถ้าทำนโยบายขยายสนามบินจะทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและให้ประชาชนมีโอกาสรองรับนักท่องเที่ยวและขอฝากพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งด้วยเพื่อผลักดันนโยบายดีๆ ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล

นพ.ชลน่าน ระบุว่า ขอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ตามมา การตัดน้ำตัดไฟในม่อนแจ่ม เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยยอมรับไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ซึ่งตนเห็นว่าคนต้องอยู่กับป่าได้ ครั้งนี้ก็จะเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างโอกาสสร้างรายได้ขยายความเจริญให้กับประเทศชาติ โดยพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่ได้ประกาศที่ประกาศนโยบายสร้างรายได้ใหม่ คนม่อนแจ่มก็มีซอฟต์พาวเวอร์ เพราะได้ส่งนักฟุตบอลไปสโมรสรต่างๆ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย