กำหนดค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง ส.ส.ตามแนวทางพรรคการเมือง

สำนักงาน กกต. 21 ก.พ. – กกต. กำหนดค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ส.ส. หากยุบสภาฯ แบบแบ่งเขต คนละ 1.9 ล้านบาท แบบบัญชีฯ 44 ล้านบาท ถ้าครบเทอมอายุสภาฯ แบบแบ่งเขตคนละ 7 ล้านบาท แบบบัญชีฯ 163 ล้านบาท ย้ำยึดตามแนวทางหารือพรรคการเมืองแล้ว


สำนักประชาสัมพันธ์คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยข้อมูลการประชุม กกต. วานนี้ (20 ก.พ.) ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณากำหนดจำนวนค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 โดยให้ความเห็นชอบรูปแบบที่พรรคการเมืองแสดงความเห็นด้วยจำนวนมากที่สุดระหว่างการหารือร่วมกันระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้งและพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เรื่องการคำนวณค่าใช้จ่ายของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง หรือของพรรคการเมือง ที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ สำหรับการเลือกตั้ง ส.ส. แต่ละครั้ง ให้คำนวณตามค่าใช้จ่ายที่ใช้จ่ายจริงในการเลือกตั้ง ส.ส.

กรณีที่เป็นการเลือกตั้งทั่วไปอันเนื่องมาจากการครบอายุของสภาผู้แทนราษฎร ให้คำนวณค่าใช้จ่ายที่ใช้จ่ายไปตั้งแต่ 180 วันก่อนวันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศให้เลือกตั้งจนถึงวันเลือกตั้ง และกรณีที่เป็นการเลือกตั้งทั่วไปอันเนื่องมาจากการยุบสภาฯ หรือการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง ให้คำนวณค่าใช้จ่ายที่ใช้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ยุบสภาฯ หรือวันที่ตำแหน่งว่างลง แล้วแต่กรณีจนถึงวันเลือกตั้ง


ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง แต่ละคนต้องใช้จ่ายในการเลือกตั้ง กรณีที่เป็นการเลือกตั้งทั่วไปอันเนื่องมาจากการครบอายุของสภาผู้แทนราษฎรต้องใช้จ่ายไม่เกิน  7,000,000 บาท (เจ็ดล้านบาทถ้วน) และกรณีที่เป็นการเลือกตั้งทั่วไปอันเนื่องมาจากการยุบสภาฯ หรือการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง ต้องใช้จ่ายไม่เกิน 1,900,000  บาท (หนึ่งล้านเก้าแสนบาทถ้วน)

พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ต้องใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในกรณีที่เป็นการเลือกตั้งทั่วไปอันเนื่องมาจากการครบอายุของสภาผู้แทนราษฎร ต้องใช้จ่ายไม่เกิน 163,000,000 บาท (หนึ่งร้อยหกสิบสามล้านบาทถ้วน) และกรณีที่เป็นการเลือกตั้งทั่วไปอันเนื่องมาจากการยุบสภาฯ หรือการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง ต้องใช้จ่ายไม่เกิน  44,000,000 (สี่สิบสี่ล้านบาทถ้วน)

กรณีที่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ในเขตเลือกตั้งใด ก่อนประกาศผลการเลือกตั้งให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง แต่ละคนต้องใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่ โดยในเขตเลือกตั้งใดที่ต้องดำเนินการรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งใหม่ ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละคน ต้องใช้จ่ายไม่เกิน 950,000  บาท แต่ในเขตเลือกตั้งใดที่ไม่ต้องรับสมัครใหม่ ใช้จ่ายไม่เกิน 630,000 บาท 


กรณีที่ กกต. ประกาศให้เลือกตั้งใหม่ เขตเลือกตั้งใดที่ไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งได้รับคะแนนเสียงมากกว่าคะแนนเสียงที่ไม่เลือกผู้ใด และต้องรับสมัครใหม่ ใช้จ่ายในการเลือกตั้งไม่เกิน 950,000 บาท และกรณีที่ประกาศผลการเลือกตั้งแล้วและมีเหตุให้ต้องมีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง ใช้จ่ายในการเลือกตั้งไม่เกิน 1,900,000 บาท.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด