ทำเนียบรัฐบาล 21 ก.พ.-ที่ประชุมครม.อนุมติงบกลาง 396 ล้าน ซื้อรถยนต์หุ้มเกราะกันกระสุน 150 คัน ทดแทนคันเก่าที่ใช้นานกว่า 12 ปี เสริมเขี้ยวเล็บปฏิบัติภารกิจจังหวัดชายแดนใต้
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 396 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายจัดซื้อรถยนต์หุ้มเกราะกันกระสุนทดแทนที่ใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 150 คัน (ราคาคันละ 2.64 ล้านบาท) เนื่องจากรถยนต์หุ้มเกราะกันกระสุนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันผ่านการใช้งานมานานกว่า 12 ปี มีสภาพชำรุดทรุดโทรม เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและไม่ปลอดภัยสำหรับเจ้าหน้าที่
“รถดังกล่าวดัดแปลงจากรถกระบะ 4 ประตู โดยติดตั้งแผ่นเกราะและกระจกกันกระสุนเพิ่มเติม ทำให้มีน้ำหนักมากกว่ารถกระบะทั่วไปประมาณ 1,500 กิโลกรัม หรือ 1.5 ตัน ส่งผลให้ช่วงล่างและเครื่องยนต์เกิดการสึกหรอเร็วกว่าปกติ ซึ่งมีจำนวน 216 คัน โดยปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กำลังขายทอดตลาดจำนวน 150 คัน จึงมีความจำเป็นต้องจัดซื้อรถยนต์หุ้มเกราะกันกระสุนทดแทน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้ปฏิบัติภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับรถยนต์หุ้มเกราะกันกระสุนที่จัดซื้อในครั้งนี้ เป็นรถยนต์บรรทุกประเภทกระบะ (ดีเซล) ขนาด 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบดับเบิ้ลแค็บ โดยติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันกระสุน อาทิ ติดตั้งแผ่นเหล็กป้องกันกระสุน ติดตั้งกระจกป้องกันกระสุน ติดตั้งแผ่นเหล็กป้องกันสะเก็ดระเบิด พร้อมทั้งปรับปรุงช่วงล่างและบานพับประตูให้สามารถรองรับน้ำหนักเกราะได้
“การได้รับสนับสนุนงบกลางเพื่อจัดหารถยนต์หุ้มเกราะกันกระสุนในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ในปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความเสี่ยงต่อการถูกลอบทำร้ายสูง และสามารถให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้ากระชับและเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัย เพื่อช่วยเหลือตัวประกันหรือผู้ได้รับบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย