พระโขนง 19 ก.พ. – หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ เขตพระโขนง-บางนา พร้อมเผยเตรียมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร 33 เขต 3 มี.ค.นี้ มั่นใจชาวกรุงเทพฯ จะให้การต้อนรับ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำความผูกพันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับชาวกรุงเทพฯ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ในทุกการเลือกตั้ง ไม่เคยถูกคนกรุงเทพฯ ทอดทิ้ง เว้นเพียงการเลือกตั้งในปี 2562 ที่เป็นอุบัติเหตุทางการเมือง แต่ในการเลือกตั้งกรุงเทพมหานครครั้งนี้ เสียงตอบรับของประชาชนชาวกรุงเทพฯ ที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์จะมากขึ้น เพราะจากการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ สก.ที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้ชนะการเลือกตั้งแต่ก็ได้รับชัยชนะมาเป็นอันดับ 2 ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จากการที่พรรคฯ ส่งนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ลงเลือกตั้งดังกล่าว แต่ในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ พรรคฯ ก็จะส่งนายสุชัชวีร์ ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อต่อไป จึงมั่นใจว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ชาว กทม. จะต้อนรับพรรคประชาธิปัตย์อย่างอบอุ่น
นายจุรินทร์ ยังย้ำความพร้อมของพรรคประชาธิปัตย์ ในการเข้าสู่การเลือกตั้ง ทั้งผู้สมัครของพรรค 33 เขตการเลือกตั้ง โดยจะมีการเปิดตัวในวันที่ 3 มีนาคมนี้ เน้นนโยบายการหาเสียง และระบบการบริหารจัดการ ซึ่งหากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำจัดตั้งรับฐบาล ก็พร้อมเดินหน้าสร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติตามยุทธศาสตร์ของพรรคฯ ผ่านนโยบายสำคัญ เช่น การประกันรายได้เกษตรกร, การสร้างธนาคารชุมชน ชุมชนละ 2,000,000 บาท เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนให้ประชาชนตามชุมชน เป็นทุนหมุนเวียนสร้างอาชีพ, นโยบายนมโรงเรียน 365 วัน จาก 240 วัน, การพัฒนาระบบศึกษาให้มีอินเทอร์เน็ต เร็ว แรง และฟรี โดเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ที่จะต้องมีไม่นอยกว่า 100,000 จุด
ขณะเดียวกัน ในวันนี้ (19 ก.พ.) นายจุรินทร์ พร้อมด้วยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคฯ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ , นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และนางสาววทันยา วงศ์โอภาสี รวมไปถึงแกนนำพรรค ได้เปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ เขตพระโขนง-บางนา พร้อมเปิดตัวนายสุทธิ ปัญญาสกุวงส์ อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ เขตพระโขนง 2 สมัย เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตพระโขนง ของพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ด้วย
ด้านนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานสภาที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค บอกถึงผลสำรวจทั่วประเทศพบว่า คนกรุงเทพฯมีความเชื่อมั่นต่อพรรคการเมืองน้อยที่สุด แสดงให้เห็นว่า คน กทม.สนใจการเมือง และมองเห็นพฤติกรรมนักการเมือง 3-4 ปีที่ผ่านมาตกต่ำมาก มีหลายคำเกิดขึ้น เช่นคำว่า ” กล้วย ” เพราะมีการแจกเงินในเวลาที่มีการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งในฐานะที่ได้รับการเลือกตั้งตลอด 48 ปีไม่เคยมี หรือจะมีก็แอบๆ แต่ปัจจุบันโจ่งครึ่ม , นอกจากนั้น ยังมีคำว่า ” เห็บ ” ที่เปรียบเหมือนการสูบเลือด มักเกาะติดอยู่กับหมา เช่นการย้ายจากพรรคการเมืองจน ไปอยู่พรรคการเมืองรวย แต่ไม่นับที่ย้ายจากพรรคการเมืองรวยมาพรรคการเมืองจน เช่นพรรคประชาธิปัตย์ , และคำว่า ” งูเห่า ” ซึ่งทุกอย่างเป็นเหตุให้คน กทม. ขาดความเชื่อมั่น แต่ไม่สามารถถอดใจได้ เพราะบ้านเมืองไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเดินไปในเส้นทางประชาธิปไตยที่นานาชาติยอมรับ และการเมืองในระบบนี้ คือการปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน แต่ปัญหาทำอย่างไรให้ได้นักการเมืองซื่อสัตย์มาบริหารประเทศ จึงเชื่อว่า การเลือกตั้งที่จะมาถึงเป็นการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของระบอบประชาธิปไตย .-สำนักข่าวไทย