“เพื่อไทย” ยันแลนด์สไลด์ทั้งร้อยเอ็ด ลั่นไม่จับมือใคร

ร้อยเอ็ด 18 ก.พ. – “เพื่อไทย” ยืนยัน “แลนด์สไลด์ทั้งร้อยเอ็ด” หัวหน้าพรรคประกาศลั่น “ไม่จับมือกับใคร ไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง” ด้าน “แพทองธาร” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลั่น “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” พูดจริง ทำจริง เพื่อชาวร้อยเอ็ด


วันนี้ (18 กุมภาพันธ์ 2566) เพื่อไทยบุกร้อยเอ็ด จัดปราศรัยใหญ่ #คิดใหญ่ทำเป็นเพื่อไทยทุกคน ร่วมด้วยแกนนำพรรคเพื่อไทย ส.ส. และสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค ประธานวิปฝ่ายค้าน, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย, น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรคเพื่อไทย, นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย, นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส. พร้อมด้วยผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ร้อยเอ็ด ประกอบด้วย นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์, นายฉลาด ขามช่วง, นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์, นายกิตติ สมทรัพย์, นายศักดา คงเพชร, นายนิรมิต สุจารี, น.ส.จิราพร สินธุไพร และ น.ส.ชญาภา สินธุไพร

เจ้าของฉายารอยยิ้มพิฆาต นักฆ่าขนตางอน เจ้าของพื้นที่อย่าง น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด ขึ้นปราศรัยอย่างดุเดือด บอกเล่าว่า พื้นที่ภาคอีสานเป็นฐานที่มั่นของฝ่ายประชาธิปไตย ที่ได้สร้างนักสู้เพื่อประชาธิปไตยจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะเป็น “ถวิล อุดล” ทนายฝีปากเอก นักการเมืองดาวสภาฯ คนร้อยเอ็ด หนึ่งใน 4 เสือภาคอีสาน ที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับ “ท่านจำลอง ดาวเรือง” ขุนพลอีสานมหาสารคาม และ “ครูเตียง ศิริขันธ์” นักสู้ขุนพลภูพาน สกลนคร หัวหน้าเสรีไทยภาคอีสาน ล้วนเป็นนักต่อสู้และกระบอกเสียงพี่น้องคนอีสาน ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทำให้พี่น้องชาวอีสานได้กินอิ่ม นอนอุ่น จนวาระสุดท้ายของชีวิต การต่อสู้ของบรรพบุรุษชาวอีสานไม่ได้เลือนหาย แต่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น


“นี่คือเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรี คนร้อยเอ็ด และในตอนที่บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย เกิดการต่อสู้ของพี่น้อง นปช. คนร้อยเอ็ดก็ไปต่อสู้กับพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทั่วประเทศ คนอีสานและจังหวัดร้อยเอ็ดยังได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย เป็นเสียงที่สนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมาตลอด”

นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ปราศรัยอย่างดุดัน พร้อมตั้งคำถามถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา และพวกพ้อง ว่า “พล.อ.ประยุทธ์ ปกครองบ้านเมือง บอกว่าไม่เคยทุจริตแม้แต่บาทเดียว มีใครเชื่อบ้าง ผมไม่เชื่อ เพราะการทุจริตไม่ได้หมายความถึงแค่รับสินบนโกงเงินอย่างเดียว แต่การยึดอำนาจคือการทุจริตอย่างหนึ่งที่เลวร้ายที่สุด เมื่อยึดอำนาจแล้วมาปกครองก็นำไปสู่การทุจริตในวงรัฐบาล วงราชการ ทุกกระทรวง ทบวง กรม ชัดเจนที่สุดคือ จับเงินสินบนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ในขณะที่รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี กลับเงียบและไม่มีท่าทีที่จะดำเนินการอะไร จนบัดนี้ปล่อยให้เงียบและคิดว่าคนไทยจะลืม ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จัดการอะไร มองเป็นอื่นไม่ได้คือการช่วยเหลือกัน และปฏิเสธไม่ได้ว่าเหมือนช่วยกันทุจริตอย่างไม่มีความละอาย”

นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ระบุว่า ทุกวันนี้คนไทยทั้งประเทศพร้อมแล้วกับการเลือกตั้ง “วันนี้พี่น้องประชาชนตื่นตัวกันมาก เลือกตั้งซ่อมที่กรุงเทพฯ เพื่อไทยชนะ การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่กาฬสินธุ์และร้อยเอ็ด เพื่อไทยก็ชนะถล่มทลาย กระแสแรงกว่าอดีตที่ผ่านมา ดังนั้น ขอชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมมือกันยกจังหวัดทั้งร้อยเอ็ด แลนด์สไลด์ทั้งร้อยเอ็ด ให้ยิ่งกว่าตอนเลือกนายก อบจ. แลนด์สไลด์ทั้งอีสาน ร่วมกับประชาชนทั้งประเทศเปลี่ยนรัฐบาล แล้วเราจะไปแก้ปัญหาของประเทศ ทำให้บ้านเมืองนี้เป็นประชาธิปไตยเหมือนอย่างที่ชาวร้อยเอ็ดได้ต่อสู้มาตลอด”


นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวปราศรัย พร้อมประกาศกร้าวว่า “พรรคเพื่อไทยไม่จับมือกับใคร” พร้อมระบุว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้วที่จะเป็นรัฐบาล เหลือเพียงประชาชนใช้ปลายปากกา เอาประยุทธ์ออกไปในวันเลือกตั้ง โดยการเข้าคูหากาเพื่อไทย ก่อนจะทิ้งท้ายแนะนำ ส.ส. และว่าที่ผู้สมัครทั้ง 8 คน ได้แก่ นายฉลาด ขามช่วง, นายนิรมิต สุจารี, นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์, น.ส.จิราพร สินธุไพร, นายกิตติ สมทรัพย์, นายศักดา คงเพชร และ น.ส.ชญาภา สินธุไพร เป็นการเลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ยกจังหวัด โดย นพ.ชลน่าน ได้แนะนำ ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 8 คน

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า คู่แข่งพรรคเพื่อไทยมักวิพากษ์วิจารณ์ว่า พรรคเพื่อไทยใช้แต่เงิน พรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยมีรากฐานความคิดนโยบายมาจากการเข้าใจปัญหาของพี่น้อง ทุกนโยบายยืนบนหลักคิดว่า ทำอย่างไรให้พี่น้องมีอาชีพ ทำอย่างไรให้พี่น้องมีโอกาส มีสวัสดิการยามเจ็บป่วย นโยบายเพื่อไทยจึงมีเป้าหมายในการสร้างโอกาส สร้างอาชีพ และสร้างคุณภาพชีวิตให้พี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการโอท็อป โครงการกองทุนหมู่บ้าน เพราะสิ่งที่พรรคเพื่อไทยให้ คือ การให้คุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน ไม่ใช่การแจกเงิน แม้กระทั่งวันนี้ วันที่สินค้าเกษตรตกต่ำ พี่น้องเกษตรกรขายผลผลิตไม่ได้ราคา มีหนี้สินมหาศาล พรรคเพื่อไทยมีนโยบาย พักหนี้เกษตรกร 3 ปีทันที พักทั้งต้นทั้งดอก รอให้พี่น้องฟื้นตัว มีรายได้ ค่อยมาชำระหนี้ เรามีนโยบายที่เข้าไปอยู่ในหัวใจ เพราะเรารู้ว่าพี่น้องเกษตรกรเหนื่อยจากราคาสินค้าตกต่ำ เราจะมาทำให้ราคาสินค้าเกษตรดีขึ้น พี่น้องมีรายได้ขึ้นอีกครั้ง

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ย้ำสโลแกน “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” พร้อมบอกเล่าว่า เพื่อไทยพูดจริง ทำจริงแน่นอน ตั้งแต่ยังเป็นพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน จนวันนี้เป็นพรรคเพื่อไทยแล้ว การทำนโยบายโดยมีพี่น้องเป็นหัวใจสำคัญคือสิ่งที่เหนือสิ่งอื่นใด โดยในการเลือกตั้งครั้งถัดไป พรรคเพื่อไทยจะสานต่อและพัฒนาโครงการต่างๆ ให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น พักหนี้เกษตรกร 3 ปี, โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค และกองทุนหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล เกษตรกรจะได้พักหนี้อีกครั้ง โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค จะใช้ได้ทั่วประเทศผ่านบัตรประชาชนใบเดียว กระจายงบฯ ให้ทุกหมู่บ้านทั่วไทย และละลายค่าแรงขั้นต่ำแช่แข็งให้ขึ้นเป็น 600 บาท ได้แน่นอน เพราะพรรคเพื่อไทย “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]

โฆษก ทบ. ซัดเขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมร

2 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก ซัด เขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมรจนพิการและมีปัญหาทางจิต ยันมีหลักฐานชัดทำทุกอย่างภายใต้กติกาสากล จากกรณี สื่อกัมพูชาปั่นข่าวหนักโจมตีกล่าวหาไทย อ้างว่าปฏิบัติโหดกับ 2 ทหารกัมพูชาที่ถูกส่งกลับ จนพิการและมีปัญหาทางจิต พร้อมจะยื่นเรื่องถึงยูเอ็นนั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 11.08 น. วันที่ 2 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กรณีที่ทหารไทยจับกุม และควบคุมตัว ทหารกัมพูชา ภายหลังจากข้อตกลงหยุดยิง โดยกล่าวหาว่าไทยทำร้ายร่างกายอย่างไม่เป็นธรรมทำก่อนส่งกลับนั้น เป็นเพียงคำกล่าวหา บิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชา และการหยุดยิงแบบฉับพลัน แต่สถานการณ์ความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธต่อกัน ยังไม่สิ้นสุดลงอย่างแท้จริงตามกฎหมายสากล กระบวนการฝ่ายทหารในการควบคุมตัวไว้ก่อน จึงยังสามารถทำได้ตามอนุสัญญาเจนีวา พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพบก มีแผนและพร้อมที่จะเชิญองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ICRC มาดูความเป็นอยู่ของเชลยศึกที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งอยู่ในกรอบการดำเนินการตามขั้นตอนของอนุสัญญาเจนีวาอย่างสมบูรณ์ และชัดเจน หากกังวลเรื่องความเป็นอยู่ เพราะรู้เท่าทันว่าฝ่ายกัมพูชาจะนำเรื่องนี้ไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายทหารไทย ทางผู้แทน UNHCR และ ICRC จึงสามารถขอเข้ามาดูได้ […]