รัฐสภา 16 ก.พ.-ส.ส.เพื่อไทย ชี้ นายกฯ ปราบโกงไม่ได้ เหตุคนใกล้ตัวทุจริต เตรียม ยื่น ป.ป.ช.หลัง ส.ว. เห็นชอบ คนถูกร้องเรียนได้นั่งเลขาฯ ปปง.
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เป็นวันที่สอง มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สองทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่สามารถปราบการทุจริตคอร์รัปชั่นได้ตามที่ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ
“หลายกรณีที่เกิดขึ้นพบความเชื่อมโยงกับคนใกล้ชิดของพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งกรณีนายชัยณัฐธ์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว ที่พบว่าเป็นบุคคลที่มีคดีอาญาติดตัว และเคยบริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ 3 ล้านบาท เมื่อปี 2564 รวมทั้งยังพบกระบวนการทุนจีนที่อาจเข้าข่ายการฟอกเงิน ซึ่งพบความเชื่อมโยงกับหลานของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยมีเงินทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท แต่พบการเช่ารถทัวร์ 50 คัน มูลค่า 175 ล้านบาท ซึ่งขอตั้งคำถามว่าหลานชายของ พล.อ.ประยุทธ์ ฟอกเงินหรือไม่ เพราะผลการตรวจสสอบของ ปปง. ยังตรวจหารถทัวร์ดังกล่าวไม่เจอ” นายวิสาร กล่าว
นายวิสาร กล่าวว่า กรณีของนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช ที่ถูกจับเพราะมีเงินสด 5 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 ต่อมาพบว่าพล.อ.ประยุทธ์มีคำสั่งย้ายให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อ 28 ธันวาคม 2565 ขอตั้งข้อสังเกตว่าการย้ายดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือไม่ให้ถูกตรวจค้นเพิ่มเติมหรือไม่ เนื่องจากนายรัชฎาเป็นน้องชายของเพื่อนร่วมรุ่นคนสนิทและเป็นเพื่อนรักของพล.อ.ประยุทธ์ ขณะเดียวกันการทำโครงการภายใต้กรมอุทยานฯ ทั้งการปลูกป่า ทำแนวกันไฟ ล้วนพบการทุจริตเพราะไม่ได้ทำจริง เช่น ตั้งงบทำแนวกันไฟ 700 กิโลเมตรจากเชียงรายถึงกทม. แต่ไม่เคยถูกตรวจสอบว่าทำครบหรือไม่ และปัญหาไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือปัจจุบันที่พบกว่า 300 จุด อาจเป็นเพราะไม่ได้ดำเนินการแนวกันไฟป่า
“วันนี้ผมไม่มีข้อเสนอแนะ เพราะเท่ากับเป่าปี่ให้กระบือฟัง เพราะใกล้ยุบสภาแล้วเขาคงไม่แก้ไข อย่างไรก็ดี หากจะให้เสนอแนะมีเรื่องเดียวคือ ประยุทธ์รีบ ๆ ออกไป เพราะเพื่อไทยจะได้มา” นายวิสาร กล่าว
ขณะที่นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจผูกขาดแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงใน ปปง. เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน โดยปัจจุบันพบว่าที่สำนักงาน ปปง.ที่ชั้น 3 เป็นห้องเรียกรับเงินและทำกิจกรรมสนุกสนาน ไม่ยำเกรงกฎหมาย ส่วนกรณีวุฒิสภามีมติเห็นชอบให้นายเทพสุ ชวรโชติดาราเป็นเลขาธิการ ปปง. ทั้งที่เป็นบุคคลที่มีเรื่องร้องเรียนจำนวนมาก ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะยื่นป.ป.ช. เพื่อพิจารณามติของส.ว.ดังกล่าว เนื่องจากบุคคลที่ส.ว.เห็นชอบนั้นมีข้อร้องเรียนจำนวนมาก
“มติของส.ว.ที่เลือกเลขาฯ ปปง. ผมสงสัยทำไมไม่พิจารณาให้ดี เพราะคนที่เป็นเลขาฯ ปปง. สามารถให้คุณให้โทษฝ่ายรัฐบาลหรือฝั่งตรงกันข้าม เมื่อส.ว.ลงมติแบบนี้ ผมเกรงว่าหลังเลือกตั้ง ส.ว.จะเลือกกนายกฯ แบบนี้ และจากที่ผมเห็นข้อมูล นายกฯจะกล้านำชื่อเลขาฯ ปปง. ทูลเกล้าฯ หรือไม่ หากจะเอาก็ตามใจ” นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวว่า การทำงานของ ปปง. ปัจจุบัน โดยเฉพาะการประกาศคำสั่งยึดทรัพย์และคืนทรัพย์ ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต แต่ปัจจุบันกลับไม่เปิดเผย โดยอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล ทำให้การยึดทรัพย์ คืนทรัพย์ทำแบบงุบงิบ และตนทราบข่าวว่า ปปง. คืนทรัพย์สินให้เจ้าของบ่อนพนันหลายร้อยล้านบาท การอภิปรายทั่วไปวันนี้ ไม่อาจให้ข้อเสนอแนะใด ๆ ได้ แต่ขอแนะนำเรื่องเดียวคือพรรคท่านไม่ต้องทำนโยบายอะไรนอกจาก ไก่สามอย่าง คือ คิดอย่าง พูดอย่าง ทำอย่าง.-สำนักข่าวไทย