“อนุทิน” นำทีมปราศรัยใหญ่เมืองกาญจน์ ลั่นพร้อมเป็นนายกฯ

กาญจนบุรี 10 ก.พ.- “อนุทิน” นำทีมปราศรัยใหญ่เมืองกาญจน์ ชาวบ้านร่วมฟังกว่า 1.5 หมื่นคน ร่ายนโยบายทุกด้าน ย้ำ “พูดแล้วทำ” อ้อน ขอส.ส.ยกจังหวัด ถ้าได้ยกรมต.ให้ วอนเลือกทั้งคน เลือกทั้งพรรค ชี้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน – ส.ส.ออกกฎหมายสะดวก ลั่นพร้อมเป็นนายกฯ ขอเป็นคนรับใช้คนไทยทั้งประเทศ


นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรค อาทิ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรค นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรค และส.ส.ของพรรคบางส่วน ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี ทั้ง 5 เขต ประกอบด้วย เขต 1 พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ เขต 2 นายสมเกียรติ วอนเพียร เขต 3 นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน เขต 4 นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ และเขต 5 นายอัฏฐพล โพธิพิพิธ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายอนุทิน เดินทางมาถึงเวทีปราศรัย ก็ได้รับเสียงปรบมือจากประชาชนที่มารอฟังการปราศรัย ซึ่งนายอนุทิน ได้เดินทักทายพูดคุยกับประชาชนอย่างเป็นกันเอง โดยมีหลายคนที่เข้าไปขอสวมกอดและถ่ายรูปพร้อมพูดคุยอย่างใกล้ชิดกับนายอนุทิน ซึ่งนายอนุทินได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากตลอดการทักทายประชาชนได้รับเสียงกรี๊ดเป็นระยะ เชียร์เป็นนายกรัฐมนตรี


จากนั้น นายอนุทิน กล่าวปราศรัยว่า “การมาเมืองกาญจนบุรีในครั้งนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี วันนี้มาฝากเนื้อฝากตัว ให้คำยืนยันว่า ว่าที่ผู้สมัครทุกคนของพรรคภูมิใจไทยจะรับใช้พี่น้องประชาชนจนสุดชีวิต วันนี้วันดีวันศุกร์ ฤกษ์ดี ฝนไม่ตก ขี้หมูไม่ไหล คนภูมิใจไทยจึงได้มาพบกันที่นี่ มากันมืดฟ้ามัวดิน มากันถล่มทลาย ดีใจยิ่งนัก ขอเซลฟี่ 1 นาทีก่อน”

ทันทีที่พูดประโยคดังกล่าวจบ นายอนุทิน ก็ได้หยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปประชาชนที่มาฟังการปราศรัยในวันนี้ แล้วระบุว่า จะเก็บรูปนี้ แล้วไปติดตั้งที่ทำการพรรคภูมิใจไทย เพื่อให้รู้ว่า คนกาญจนบุรีต้อนรับพรรคภูมิใจไทยอย่างอบอุ่น

นายอนุทิน ยังกล่าวติดตลกอีกว่า “ตลอดการขึ้นแห่ ว่าที่ผู้สมัครพูดกล่อมหูแต่ว่า เมืองกาญจน์ คืนนี้น่าจะฝันถึงเมืองกาญฯ แต่ก็ดีกว่าละเมอเป็นแต๋ว เป็นติ๋ม เป็นต้อย ไม่งั้นหูขาดครับ”


ช่วงหนึ่ง นายอนุทิน แซว นายยศวัฒน์ หรือ ส.ส.กุ๊ก ซึ่งเป็น ส.ส.กาญจนบุรีของพรรคภูมิใจไทยอยู่แล้วว่า “ไอ้กุ๊ก ทำไมเดินเข้ามาภายงานมีแต่ป้าย ส.ส.กุ๊ก และป้าย ศักดิ์สยาม แถมป้ายศักดิ์สยามก็เป็นไฟ LED แต่ป้ายตนเป็นกระดาษ เห็นโอ๋ สำคัญกว่าหนูหรือ” ทำให้ประชาชนที่มาฟังการปราศรัยถึงกับหัวเราะออกมา

จากนั้น นายอนุทิน ได้เริ่มกล่าวปราศรัยย้ำนโยบายของพรรค ไม่ว่าจะเป็นเกษตรร่ำรวย พักหนี้ 3 ปี เบี้ยเลี้ยงค่าตอบแทนอสม. 2,000 บาท กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาไม่มีผู้ค้ำประกัน และระบุว่า หากได้รับความไว้วางใจกลับเข้าสภาต่อไปจะไม่มีดอกเบี้ย ต่อไปจะเป็นการยืมโดยไม่มีดอกเบี้ย กยศ.จะเหลือเพียง ยศ. เพราะไม่มีกู้แล้วมีแต่ยืม ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล หากอยากให้ดอกเบี้ยเป็นศูนย์ขอให้กาพรรคภูมิใจไทย

นายอนุทิน กล่าวว่า จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเมืองเป้าหมายของพรรคภูมิใจไทย เรามาที่นี่หลายครั้ง วันนี้รู้สึกดีใจที่ได้มาพบชาวเมืองกาญฯอีกครั้ง และวันนี้คือปรากฏการณ์ที่พรรคนำคนที่เป็นส.ส.อยู่แล้วทั้ง 5 คน มานำเสนอต่อชาวเมืองกาญจน์ เราขอพวกท่านได้หรือไม่ ขอให้เลือก 5 คนนี้ของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งแต่ละท่านมีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความรู้ ประสบการณ์ ที่จะทำงานให้ชาวกาญจนบุรี หากท่านเลือกมาครบ 5 คน ก็เอารัฐมนตรีไปเพื่อทำความเจริญให้เมืองกาญจน์

“จ.กาญจนบุรี ไม่มีรัฐมนตรีหลายสมัยแล้ว ผมมั่นใจว่าเลือกตั้งครั้งต่อไปหาก จ.กาญจนบุรี ได้ยกจังหวัดมีรัฐมนตรีแน่นอน และเลือกตั้งครั้งนี้มีบัตร 2 ใบ จะเป็นสิ่งที่เสียประโยขน์ของพี่น้องถ้าเลือกคนของพรรคภูมิใจไทย แต่กาพรรคเป็นพรรคการเมืองอื่น ดังนั้น หากท่านเลือกคนแล้วก็ขอให้เลือกพรรคด้วย เพราะจะช่วยให้พลังของคนที่ท่านเลือกมหาศาล เมื่อเดินเข้าสภาทีพื้นจะร้าวเพราะมีพลังมาก ที่ผมพูดเพราะเรื่องนี้สำคัญมาก ถ้าท่านเลือกยกจังหวัด ก็จะได้ปาร์ตี้ลิสต์อีก 2 คนอยู่แล้ว และถ้าได้พรรคเดียวยกจังหวัดใครจะกล้าขวางท่านเหล่านี้ที่จะทดแทนบุญคุณให้บ้านเกิดเมืองนอนของเขา” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ครั้งหน้าถ้าเลือกพรรคภูมิใจไทย กฎหมายของพรรคจะผ่านฉลุยไม่ถูกสกัด ไม่ว่าจะเป็นกัญชา ดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อการศึกษาเป็นศูนย์ กฎหมายเกษตร พักหนี้ให้ประชาชน 3 ปี สิ่งเหล่านี้ต้องการมือของ ส.ส. มาออกกฎหมาย

“ถ้าพี่น้องเมืองกาญฯ เลือกยกจังหวัด ผมก็พร้อมรับใช้พี่น้อง ในชีวิตนี้ขอให้ได้ยินพี่น้องชาวกาญจนบุรีพูดว่า อั๊วะมีนายกรัฐมนตรีเป็นลูกน้อง ถ้าได้ยกจังหวัดไปเรื่อยๆ ผมก็ต้องเป็นคนรับใช้ของคนไทยทุกคน พี่น้องจะให้โอกาสพวกเราหรือไม่ พวกเราจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะบอกให้รู้ว่าทุกคะแนนที่กาให้เรามีความหมาย ขอให้เราได้ทำหน้าที่นี้ พรรคเราพูดแล้วทำ ขอให้เก็บภูมิใจไทยไว้ในหัวใจ ขอให้เลือกทั้งคน เลือกทั้งพรรค” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

รฟท.ประสาน DSI เลื่อนแจ้งความเอาผิด “เขากระโดง”

ดีเอสไอ 3 ก.ย.-รฟท.ประสาน DSI เลื่อนแจ้งความเอาผิดเรื่องเขากระโดงไม่มีกำหนด ความคืบหน้าการสืบสวนเรื่องร้องเรียนการครอบครองและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดงจังหวัดบุรีรัมย์ อันอาจเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งอธิบดีดีเอสไอมีคำสั่งสืบสวน และดีเอสไอได้ดำเนินการสอบสวนปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานพบกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่รฟท.เกี่ยวข้อง ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ติดต่อจะมอบให้ฝ่ายกฎหมายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ดำเนินการสอบสวนตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมมอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องวันนี้ เวลา 14.00น. ล่าสุดพ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย รฟท.ได้ประสานกลับมายังตน ขอเลื่อนการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ออกไปก่อน อย่างไม่มีกำหนด กรณีนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอตรวจสอบพบ กลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟเข้าไปเกี่ยวข้อง และการรถไฟฯ เป็นผู้เสียหายจึงประสาน รฟท.ไปให้มาแจ้งความดำเนินคดีอาญากับกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่รัฐอื่นในการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณพื้นที่เขากระโดง ต.เสม็ด และ ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ หากรฟท.ไม่มาแจ้งร้องทุกข์ ก็เข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ดีเอสไอจะทำหนังสือแจ้งรฟท.อีกครั้งให้มาแจ้งความร้องทุกข์ หากยังไม่มาอีก ก็จะประชุมพนักงานสอบสวน ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้บริหารการรถไฟฯ เรียกสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องฐานเป็นผู้สนับสนุนเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ติดป้ายให้ ‘ชาวกัมพูชา’ รื้อถอน-ย้ายออก พื้นที่บ้านหนองจาน

สระแก้ว 4 ก.ย.-ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งติดป้ายให้ชาวกัมพูชา รื้อถอน-ย้ายออก พื้นที่บ้านหนองจาน ในส่วนของไทย หากฝ่าฝืนเอาผิด พ.ร.บ.คนเข้าเมือง-ป่าไม้ โทษปรับ-จำคุก เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน จ.สระแก้ว ติดตั้งประกาศบังคับใช้กฎหมายชาวกัมพูชาที่บุกรุกพื้นที่ในราชอาณาจักรไทย บริเวณบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยป้ายมี 3 ภาษา ไทย-กัมพูชา-อังกฤษ พร้อมแผนที่ ระบุว่า “ประกาศให้ชาวกัมพูชาที่บุกรุกถือครองที่ดินและอยู่อาศัยทำกินในราชอาณาจักรไทย เป็นการกระทำความผิดในราชอาณาจักรไทย ตามแผนที่แนบท้ายกรอบสีฟ้า หากเพิกเฉยไม่ดำเนินการจะดำเนินคดีและต้องรับโทษในราชอาณาจักรไทย หากเพิกเฉยไม่ดำเนินการจะดำเนินคดีและต้องรับโทษในราชอาณาจักรไทยตามกฎหมายดังนี้ 1.พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 11 มาตรา 62 และมาตรา 81 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท 2.พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 […]

เร่งล่าคนร้ายฆ่าหญิงสาวยัดกระเป๋าเดินทางถ่วงน้ำ

ชลบุรี 3 ก.ย. – คดีสังหารโหดหญิงปริศนายัดกระเป๋าเดินทาง โยนทิ้งอ่างเก็บน้ำ จ.ชลบุรี ตำรวจเร่งหาเบาะแสล่าตัวคนร้าย พบลายนิ้วมือแฝงบนดัมเบลที่ใช้ถ่วงน้ำหนักกระเป๋า ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน นำกระเป๋าเดินทางสีดำขนาดใหญ่ ซึ่งมีโซ่เหล็ก และกุญแจล็อกแน่นหนา ขึ้นมาตรวจสอบ หลังจากพบลอยอยู่ในอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ จากการตรวจสอบภายในกระเป๋า พบศพหญิงสาว อายุประมาณ 30 ปี ไม่ทราบสัญชาติ เปลือยท่อนบน นุ่งกางเกงขา 3 ส่วน สีครีม นอนขดตัวอยู่ในกระเป๋า พบร่องรอยเขียวช้ำบริเวณลำคอ กลางหน้าอก และดั้งจมูก คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 วัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งศพไปชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมถึงตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลว่า ผู้ตายเป็นใคร มาจากไหน ส่วนบริเวณช่องใส่ของด้านหน้ากระเป๋า พบแผ่นดัมเบล 9 แผ่น (ขนาดน้ำหนัก 5 กก. จำนวน 1 แผ่น / 2.5 […]

แห่แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” ปมยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา

3 ก.ย. – แห่แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” ปมยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา ชี้ผิดมาตรา 112 และมาตรา 157 สะพัด! ตีกลับ พ.ร.ฎ.ยุบสภา เหตุไม่เป็นไปตามระเบียบ-กฤษฎีกาแย้งไร้อำนาจ ด้าน “อนุทิน” บอกยังเป็นแค่ข่าว รอรัฐบาลแจงดีกว่า นายไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เอาผิดนายภูมิธรรม เวชยชัย ในความผิดมาตรา 112 พร้อมเผยว่า การพยายามยื่นทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภา ถือเป็นการกระทำที่มิบังควร เนื่องจากไม่มีอำนาจหน้าที่หรือสิทธิที่สามารถทำได้ นายไทกร ระบุว่า ได้รับข้อมูลว่านายภูมิธรรม นำเรื่องพระราชกฤษฎีกายุบสภาไปส่งยังสำนักพระราชวังแล้ว หนังสือฉบับนั้นได้ถูกส่งกลับมาที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แต่พรรคเพื่อไทยและนายภูมิธรรมยังไม่ยอมที่จะเคารพต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่รู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิในการที่จะใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะยุบสภา กลับมีความพยายามที่จะเรียกประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะใหญ่ โดยมีการทาบทามให้ ดร.วิษณุ เครืองาม และคณะ มาทำหน้าที่ เพื่อที่จะตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาขึ้นอีกฉบับใหม่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อที่จะนำส่งสำนักพระราชวังอีกครั้ง ถือว่าการกระทำที่ไม่บังควร “ศุภชัย” […]