ไทย-มาเลเซีย พร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือทุกมิติ

ทำเนียบ 9 ก.พ.- นายกรัฐมนตรีให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ย้ำความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด พร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ โดยเฉพาะการค้าและการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม (The Honourable Dato’ Seri Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลไทย โดยผู้นำไทยและมาเลเซียได้ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

จากนั้น นายกรัฐมนตรีเชิญนายกรัฐมนตรีมาเลเซียไปยังห้องสีงาช้างด้านนอก เพื่อลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึกที่ทั้งสองฝ่ายมอบให้แก่กัน ก่อนหารือข้อราชการเต็มคณะ ในเวลา 17.20 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยฝ่ายไทยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วม ดังนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พลเอกสุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ


ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญของการหารือ ว่านายกรัฐมนตรียินดีและเป็นเกียรติที่ได้ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และคณะผู้แทน ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนภาคพื้นทวีป สะท้อนความสัมพันธ์ในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์โดยธรรมชาติ (Natural Strategic Partners) และการเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดในครอบครัวอาเซียน โดยการเยือนในครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองฝ่ายจะได้หารือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน และผลักดันโครงการที่คั่งค้างให้มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีชื่นชมวิสัยทัศน์ “มาเลเซีย มาดานี” (Malaysia Madani) ของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในการขับเคลื่อนประเทศสู่ความก้าวหน้าโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของรัฐบาลไทย และเป็นพื้นฐานที่สำคัญในความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งนี้ รัฐบาลไทยพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียอย่างเต็มที่ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรีมาเลเซียขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยที่ต้อนรับอย่างอบอุ่น ยินดีที่ไทยและมาเลเซียมีความสัมพันธ์และความร่วมมือที่แน่นแฟ้นในทุกมิติ โดยไทยถือเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดและเป็นมิตรประเทศที่สำคัญของมาเลเซีย นายกรัฐมนตรีมาเลเซียชื่นชมความมุ่งมั่นของนายกรัฐมนตรีในการส่งเสริมและผลักดันความร่วมมือระหว่างกันให้มีก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งมาเลเซียพร้อมให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทยอย่างเต็มที่เช่นกัน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีชื่นชมศักยภาพของไทยในด้านความมั่นคงทางด้านอาหาร และการแสวงหาความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนจากนานาประเทศ โดยมาเลเซียพร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีจากไทย และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดต่อไป

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้หารือร่วมกันในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ดังนี้ การส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ซึ่งเป็นพื้นที่โอกาสทางเศรษฐกิจร่วมกัน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องวางรากฐานพื้นที่บริเวณชายแดนให้เป็น “เสาหลักแห่งความมั่งคั่งร่วมกัน” (pillar of prosperity) พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย และ 4 รัฐภาคเหนือของมาเลเซีย ให้มีความสงบสุข มั่งคั่ง มีความเจริญ เป็น “แผ่นดินทอง” (golden land) ที่แท้จริง โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายควรเร่งรัดโครงการพัฒนาพื้นที่ชายแดนที่สำคัญให้มีความคืบหน้า ได้แก่ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดนไทยและมาเลเซีย โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งถนนเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่ของไทยกับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย และการก่อสร้างสะพานสุไหงโก-ลก – รันเตาปันยัง แห่งที่ 2 ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งและการค้าข้ามแดน กระตุ้นเศรษฐกิจไทยและมาเลเซีย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียพร้อมร่วมมือกับฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด โดยมาเลเซียจะเร่งดำเนินการลดอุปสรรคต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้โครงการเหล่านี้มีความคืบหน้าและประชาชนของทั้งสองประเทศจะได้ใช้ประโยชน์โดยเร็ว


สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้และความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ซึ่งรัฐบาลไทยให้ความสำคัญเป็นวาระแห่งชาติ โดยเน้นการสร้างความมั่นคงควบคู่กับการพัฒนาอย่างรอบด้าน บนพื้นฐานของการเคารพความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ตามหลักการ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และพยายามดำเนินการใน 3 ด้าน ได้แก่ 1) การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นเมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่เข้มแข็ง พร้อมทั้งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมถึงสนับสนุนกิจกรรมแลกเปลี่ยนระดับเยาวชนระหว่างทั้งสองประเทศ 2) ความมั่นคง โดยมีเป้ามายหลักในการยุติความรุนแรงในพื้นที่ และ 3) การพูดคุยเพื่อสันติสุข โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ ทางด้านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียพร้อมมีความร่วมมือกับฝ่ายไทย ซึ่งรวมถึงความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลและบูรณาการด้านข่าวกรองระหว่างกัน ตลอดจนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมายกระดับประสิทธิภาพความมั่นคงชายแดน ซึ่งจะช่วยสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน อันเป็นรากฐานสำคัญในการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี

ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องเพิ่มพูนความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการค้ามูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 โดยให้ความสำคัญกับการขจัดหรือลดอุปสรรคทางการค้าการลงทุนทั้งระบบ พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากกลไกที่มีอยู่ร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายดังกล่าว นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพที่จะขยายความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก โดยเฉพาะด้านความมั่นคงพลังงาน และการซื้อขายพลังงาน รวมถึงความร่วมมือในสาขาใหม่ที่มีศักยภาพ อาทิ เศรษฐกิจดิจิทัลและเทคโนโลยีสีเขียว ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีมาเลเซียพร้อมขยายความร่วมมือกับฝ่ายไทยมากขึ้น รวมถึงความร่วมมือในการส่งออกน้ำมันปาล์ม

สำหรับประเด็นการสมัครเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket ของไทย นายกรัฐมนตรีขอให้มาเลเซียสนับสนุนไทยในการสมัครเป็นเจ้าภาพจัดงานดังกล่าวด้วย ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งยังไม่เคยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงานในระดับ Expo ตลอดจนเป็นพื้นที่ให้ทุกประเทศได้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม นำเสนอจุดแข็งของตัวเอง ตลอดจนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และความร่วมมือเพื่อสร้างอนาคตและคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนร่วมกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียพร้อมให้การสนับสนุนไทยอย่างเต็มที่ โดยเห็นว่าจังหวัดภูเก็ตของไทยมีความพร้อมในทุกด้าน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียมีโอกาสเดินทางมาท่องเที่ยวหลายครั้ง เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สอง

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาอย่างเปิดกว้างและสร้างสรรค์ ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องกันในการกระชับความร่วมมือระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อรับมือกับผลกระทบจากความท้าทายในสถานการณ์โลก .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตร.แจ้ง 2 ข้อหามือมีดทำร้าย “เป๊ก” คาดปมเข้าใจผิด

3 ส.ค.- ตำรวจ สน.หัวหมาก แจ้ง 2 ข้อหา หนุ่มวัย 21 ใช้มีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” นักร้องชื่อดัง บาดเจ็บที่คางเป็นแผลฉกรรจ์ อ้างถูกหาเรื่องก่อน เบื้องต้นคาดปมเข้าใจผิด จ่อสอบปากคำเพิ่มเติม เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 3 ส.ค.68 ร.ต.อ.ชัยนรินทร์ กวีพราหมณ์ รอง.สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธมีด มีผู้บาดเจ็บ ภายในปั๊มน้ำมัน ซอยรามคำแหง 76 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมกำลังสายตรวจฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.หัวหมาก และอาสามูลนิธิสยามร่วมใจปู่อินทร์ ที่เกิดเหตุอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน พบร่างนายผลิตโชค หรือ เป๊ก อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง มีบาดแผลฉกรรจ์ถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณใต้คาง 1 แผล ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงเร่งทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเร่งนำตัวส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมิติเวช ส่วนผู้ก่อเหตุไม่หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ […]

เฝ้าระวังตลอดคืน พบโดรนปริศนาบินล้ำเขตแดนอรัญฯ

สระแก้ว 3 ส.ค.- พบโดรนปริศนาไม่ทราบฝ่ายบินล้ำแดนจากกัมพูชาเข้ามาในไทย ชาวบ้าน-ชรบ.ในพื้นที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เฝ้าระวังตลอดทั้งคืน คืนที่ผ่านมา เวลา 21.00 น. ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยจุดที่ทีมข่าวเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างจากแนวชายแดนเพียง 2 กิโลเมตร บรรยากาศในพื้นที่ขณะนั้นมีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ออกมาคอยเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับแจ้งว่าอาจมีโดรนปริศนาเข้ามาในพื้นที่ ระหว่างที่ทีมข่าวกำลังสัมภาษณ์พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ พบโดรนลำหนึ่งบินเข้ามาจากเขตชายแดนฝั่งกัมพูชา ล้ำเข้ามาในอาณาเขตประเทศไทยลึกประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะที่โดรนลำนั้นลอยอยู่เหนือพื้นที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ใช้ไฟสปอร์ตไลต์กำลังแรงสูงร่วมกับแสงเลเซอร์จากอุปกรณ์ของทหาร ส่องไปยังโดรนปริศนาอย่างชัดเจน ทำให้เห็นลำตัวของโดรนแม้อยู่ในความมืด สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่มีการเปิดเผยว่าโดรนลำนั้นมีเป้าหมายใดหรือเป็นของฝ่ายใด ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงยังคงเพิ่มมาตรการตรวจตราและเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดหรือภัยคุกคามความมั่นคงในพื้นที่ -สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ

3 ส.ค. – เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ ห้วงปะทะวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ (3 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา ทหารได้ทำลายบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ ซึ่งสามารถขึ้นมาถึงภูมะเขือได้ หลังทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ภูมะเขือ ผลักดันทหารกัมพูชาอยู่บนจะงอยหน้าผาออกไปทั้งหมด พร้อมทำลายกระเช้า และฐานทหารกัมพูชาด้านล่างภูมะเขือ โดยการใช้โดรนติดระเบิด ล่าสุดมีการเผยแพร่ภาพทหารทำลายบันไดช่องคานม้า ในระหว่างยึดพื้นที่ได้จากการเหตุปะทะช่วง 5 วันที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

ชาวเชียงใหม่ร่วมจุดเทียนสดุดี 15 วีรบุรุษชายแดน

3 ส.ค.- ชาวเชียงใหม่ ร่วมกันจุดเทียน แสดงความไว้อาลัย สดุดี 15 วีรบุรุษทหารที่พลีชีพปกป้องแผ่นดินไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณ หน้าลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ตัวเมืองเชียงใหม่ ประชาชนได้รวมตัวทำกิจกรรมร้องเพลง เขียนข้อความ พร้อมโบกธงชาติไทย เพื่อส่งกำลังใจให้กับทหารที่อยู่แนวหน้า ชายแดนไทย-กัมพูชา และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย เพื่อเป็นการสดุดีทหาร 15 นายที่พลีชีพในการสู้รบปกป้องอธิปไตย อีกทั้งอ่านรายชื่อทหาร วางพวงหรีดและจุดเทียน แสดงความไว้อาลัยพร้อมทั้งยืนสงบนิ่ง อธิฐานขอให้เจ้าหน้าที่ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา ปลอดภัยทุกนาย นอกจากนี้ บริเวณย่านถนนท่าแพ หน้าอาคารพุทธสถานเชียงใหม่ มีการนำภาพทหารที่เสียชีวิตทั้ง 15 นายติดไว้ริมถนนและมีการตั้งโต๊ะเพื่อให้ประชาชน มาวางดอกไม้ แสดงความอาลัย -สำนักข่าวไทย