ไทย-มาเลเซีย พร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือทุกมิติ

ทำเนียบ 9 ก.พ.- นายกรัฐมนตรีให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ย้ำความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด พร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ โดยเฉพาะการค้าและการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม (The Honourable Dato’ Seri Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลไทย โดยผู้นำไทยและมาเลเซียได้ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

จากนั้น นายกรัฐมนตรีเชิญนายกรัฐมนตรีมาเลเซียไปยังห้องสีงาช้างด้านนอก เพื่อลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึกที่ทั้งสองฝ่ายมอบให้แก่กัน ก่อนหารือข้อราชการเต็มคณะ ในเวลา 17.20 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยฝ่ายไทยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วม ดังนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พลเอกสุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ


ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญของการหารือ ว่านายกรัฐมนตรียินดีและเป็นเกียรติที่ได้ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และคณะผู้แทน ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนภาคพื้นทวีป สะท้อนความสัมพันธ์ในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์โดยธรรมชาติ (Natural Strategic Partners) และการเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดในครอบครัวอาเซียน โดยการเยือนในครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองฝ่ายจะได้หารือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน และผลักดันโครงการที่คั่งค้างให้มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีชื่นชมวิสัยทัศน์ “มาเลเซีย มาดานี” (Malaysia Madani) ของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในการขับเคลื่อนประเทศสู่ความก้าวหน้าโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของรัฐบาลไทย และเป็นพื้นฐานที่สำคัญในความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งนี้ รัฐบาลไทยพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียอย่างเต็มที่ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรีมาเลเซียขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยที่ต้อนรับอย่างอบอุ่น ยินดีที่ไทยและมาเลเซียมีความสัมพันธ์และความร่วมมือที่แน่นแฟ้นในทุกมิติ โดยไทยถือเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดและเป็นมิตรประเทศที่สำคัญของมาเลเซีย นายกรัฐมนตรีมาเลเซียชื่นชมความมุ่งมั่นของนายกรัฐมนตรีในการส่งเสริมและผลักดันความร่วมมือระหว่างกันให้มีก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งมาเลเซียพร้อมให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทยอย่างเต็มที่เช่นกัน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีชื่นชมศักยภาพของไทยในด้านความมั่นคงทางด้านอาหาร และการแสวงหาความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนจากนานาประเทศ โดยมาเลเซียพร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีจากไทย และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดต่อไป

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้หารือร่วมกันในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ดังนี้ การส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ซึ่งเป็นพื้นที่โอกาสทางเศรษฐกิจร่วมกัน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องวางรากฐานพื้นที่บริเวณชายแดนให้เป็น “เสาหลักแห่งความมั่งคั่งร่วมกัน” (pillar of prosperity) พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย และ 4 รัฐภาคเหนือของมาเลเซีย ให้มีความสงบสุข มั่งคั่ง มีความเจริญ เป็น “แผ่นดินทอง” (golden land) ที่แท้จริง โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายควรเร่งรัดโครงการพัฒนาพื้นที่ชายแดนที่สำคัญให้มีความคืบหน้า ได้แก่ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดนไทยและมาเลเซีย โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งถนนเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่ของไทยกับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย และการก่อสร้างสะพานสุไหงโก-ลก – รันเตาปันยัง แห่งที่ 2 ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งและการค้าข้ามแดน กระตุ้นเศรษฐกิจไทยและมาเลเซีย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียพร้อมร่วมมือกับฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด โดยมาเลเซียจะเร่งดำเนินการลดอุปสรรคต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้โครงการเหล่านี้มีความคืบหน้าและประชาชนของทั้งสองประเทศจะได้ใช้ประโยชน์โดยเร็ว


สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้และความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ซึ่งรัฐบาลไทยให้ความสำคัญเป็นวาระแห่งชาติ โดยเน้นการสร้างความมั่นคงควบคู่กับการพัฒนาอย่างรอบด้าน บนพื้นฐานของการเคารพความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ตามหลักการ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และพยายามดำเนินการใน 3 ด้าน ได้แก่ 1) การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นเมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่เข้มแข็ง พร้อมทั้งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมถึงสนับสนุนกิจกรรมแลกเปลี่ยนระดับเยาวชนระหว่างทั้งสองประเทศ 2) ความมั่นคง โดยมีเป้ามายหลักในการยุติความรุนแรงในพื้นที่ และ 3) การพูดคุยเพื่อสันติสุข โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ ทางด้านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียพร้อมมีความร่วมมือกับฝ่ายไทย ซึ่งรวมถึงความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลและบูรณาการด้านข่าวกรองระหว่างกัน ตลอดจนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมายกระดับประสิทธิภาพความมั่นคงชายแดน ซึ่งจะช่วยสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน อันเป็นรากฐานสำคัญในการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี

ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องเพิ่มพูนความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการค้ามูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 โดยให้ความสำคัญกับการขจัดหรือลดอุปสรรคทางการค้าการลงทุนทั้งระบบ พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากกลไกที่มีอยู่ร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายดังกล่าว นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพที่จะขยายความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก โดยเฉพาะด้านความมั่นคงพลังงาน และการซื้อขายพลังงาน รวมถึงความร่วมมือในสาขาใหม่ที่มีศักยภาพ อาทิ เศรษฐกิจดิจิทัลและเทคโนโลยีสีเขียว ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีมาเลเซียพร้อมขยายความร่วมมือกับฝ่ายไทยมากขึ้น รวมถึงความร่วมมือในการส่งออกน้ำมันปาล์ม

สำหรับประเด็นการสมัครเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket ของไทย นายกรัฐมนตรีขอให้มาเลเซียสนับสนุนไทยในการสมัครเป็นเจ้าภาพจัดงานดังกล่าวด้วย ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งยังไม่เคยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงานในระดับ Expo ตลอดจนเป็นพื้นที่ให้ทุกประเทศได้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม นำเสนอจุดแข็งของตัวเอง ตลอดจนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และความร่วมมือเพื่อสร้างอนาคตและคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนร่วมกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียพร้อมให้การสนับสนุนไทยอย่างเต็มที่ โดยเห็นว่าจังหวัดภูเก็ตของไทยมีความพร้อมในทุกด้าน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียมีโอกาสเดินทางมาท่องเที่ยวหลายครั้ง เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สอง

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาอย่างเปิดกว้างและสร้างสรรค์ ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องกันในการกระชับความร่วมมือระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อรับมือกับผลกระทบจากความท้าทายในสถานการณ์โลก .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แอร์อินเดียบินกลับเดลีแล้ว หลังตรวจไม่เจอระเบิด

ภูเก็ต 13 มิ.ย. – เครื่องบินแอร์อินเดีย พร้อมผู้โดยสาร 155 คน ออกจากสนามบินภูเก็ต กลับเมืองเดลีแล้ว หลังตรวจละเอียดยิบ ไม่พบระเบิดตามจดหมายขู่ สอบเครียด 3 ผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย แต่ต้องปล่อยไป เพราะไร้หลักฐานมัด ยันไม่กระทบการให้บริการท่าอากาศยานฯ เมื่อเวลา 09.30 น. หอบังคับการบินสนามบินภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์ควบคุมการบิน บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ว่าลูกเรือสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 379 เส้นทางบิน HKT-ภูเก็ต-DEL (เดลี) ผู้โดยสารจำนวน 156 คน พบข้อความขู่วางระเบิดในแผ่นกระดาษระบุว่า ‘F… you all bomb’ วางไว้ในห้องน้ำ จากนั้นสายการบินได้ประกาศเข้าสู่แผนฉุกเฉิน ให้นักบินนำเครื่องบินมาลงที่สนามบินภูเก็ต โดยทางสนามบินภูเก็ต ได้ประกาศใช้แผนเผชิญเหตุของสนามบิน Airport Contingency Plan และดำเนินการตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ EOC เพื่อควบคุมและบริหารจัดการสถานการณ์ตามแผนฯ […]

คดี “ทักษิณ” ชั้น 14 ศาลเรียกพยาน 20 ปาก-นัดไต่สวนอีก 6 นัด ก.ค.นี้

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – คดี “ทักษิณ” วันนี้ ศาลเตรียมเรียกพยาน 20 ปาก พร้อมนัดไต่สวนอีก 6 นัด ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นการเริ่มกระบวนการไต่สวนเรื่องการบังคับคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ยืนยันไม่มีการปิดด่านบ้านคลองลึก

สระแก้ว 13 มิ.ย. – ผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่สยบข่าวลือปิดด่านคลองลึก หลังชาวไทย-กัมพูชา ตื่นตระหนกแห่ข้ามฝั่ง จนเกิดความวุ่นวายหน้าด่าน ขณะฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เกิดความวุ่นวายขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 12.30 น. หลังจากมีกระแสข่าวลือในกลุ่มผู้ค้าชาวกัมพูชาและชาวไทย ว่าทางการจะมีคำสั่งปิดด่านชั่วคราวในช่วงบ่าย ระหว่างเวลา 13.00-14.00 น. ทำให้ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งเร่งรีบข้ามแดนและสอบถามข้อมูลกันอย่างจ้าละหวั่น โดยข่าวลือดังกล่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากเดินทางข้ามแดนก่อนถึงช่วงเวลาที่เข้าใจกันว่าจะปิดด่าน ทำให้บรรยากาศหน้าด่านเต็มไปด้วยความตึงเครียดและสับสน ด้านผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่ชี้แจงเรื่องดังกล่าว ยืนยันไม่มีคำสั่งปิดด่าน พร้อมขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และย้ำชัดว่าเวลาการเปิด-ปิดด่านยังคงเป็นไปตามประกาศเดิมของกองกำลังบูรพา คือเปิด 08.00-16.00 น. ทุกวัน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือคำสั่งใหม่ ฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทยแหล่งข่าวด้านความมั่นคงกัมพูชา เปิดเผยว่า ฝ่ายปกครองในฝั่งปอยเปตได้ดำเนินการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่เชื่อมโยงกับฝั่งไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมข้อมูลและสื่อสารในพื้นที่ชายแดน ฝั่งกัมพูชาปิดด่านบ้านแหลมไม่แจ้งล่วงหน้าส่วนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เมื่อเวลา 10.45 น. เกิดความวุ่นวาย หลังฝั่งกัมพูชา มีการปิดประตูด่านฝั่ง ต.บึงรัง […]

ผู้รอดชีวิตจากแอร์อินเดียเผยหนีออกทางประตูฉุกเฉินที่เสียหาย

นิวเดลี 13 มิ.ย. – ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุเครื่องบินแอร์อินเดียตก ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 240 คน กล่าวว่า เขาเดินออกมาจากประตูฉุกเฉินที่พังเสียหาย หลังจากเครื่องบินชนเข้ากับหอพักวิทยาลัยแพทย์ในเมืองอาห์เมดาบัด นายราเมศ วิศวาศกุมาร ซึ่งตำรวจระบุว่า เขานั่งอยู่ที่นั่ง 11เอ (11A) ใกล้ประตูฉุกเฉิน และสามารถหนีรอดมาได้ทางช่องทางประตูฉุกเฉินที่ชำรุดเสียหาย เขาถูกบันทึกภาพไว้หลังเหตุเครื่องบินตกเมื่อวันพฤหัสบดี ขณะกำลังเดินกะเผลกๆ อยู่บนถนนในสภาพเสื้อยืดเปื้อนเลือดและมีรอยฟกช้ำบนใบหน้า คลิปภาพชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียผู้นี้ที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ ถูกนำไปออกอากาศในสถานีข่าวเกือบทั้งหมดของอินเดีย หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ลำดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุตกหลังออกเดินทางจากสนามบินได้ไม่นาน นายวิศวาศกุมาร ให้สัมภาษณ์ขณะนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลว่า เขาไม่อยากจะเชื่อว่ารอดชีวิตมาได้อย่างไร และคิดว่าต้องตายแน่ ๆ แต่พอเขาลืมตา เขาก็รู้สึกตัวว่ายังไม่ตาย และพยายามปลดเข็มขัดนิรภัย เพื่อออกจากที่นั่ง และพยายามหนีออกมาจากตัวเครื่องบิน นายวิศวาศกุมาร เล่าว่า เครื่องบินดูเหมือนจะหยุดนิ่งกลางอากาศเป็นเวลา 2-3 วินาที หลังจากที่ขึ้นบินไปในอากาศ และไฟในห้องโดยสารที่เป็นสีเขียวและสีขาวก็สว่างขึ้น เขารู้สึกได้ว่าแรงขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น แต่แล้วเครื่องบินก็ชนเข้ากับหอพักด้วยความเร็ว แพทย์ระบุว่า นายวิศวาศกุมารไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงใด ๆ ในขณะที่เขากล่าวว่า เขาเดินออกจากจุดเครื่องบินตก โดยบาดเจ็บจากบาดแผลไฟไหม้ที่แขนซ้ายเท่านั้น นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี […]