เร่งแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.ภายใน ก.พ.นี้

สำนักงาน กกต. 1 ก.พ. – กกต. แจงคำนวณจำนวนราษฎรยึดตามทะเบียนราษฎร รวมผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย ซึ่งเป็นไปตามที่กฤษฎีกาให้ความเห็นและใช้การคำนวณเหมือนการเลือกตั้งปี 62 เผยไทม์ไลน์แบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. เร่งให้เสร็จภายในเดือน ก.พ.นี้ ขอบคุณนายกฯ ไม่ก้าวล่วงทำงาน ยืนยันพร้อมจัดการเลือกตั้งไม่ว่าจะยุบสภาฯ หรืออยู่ครบวาระ


นายปกรณ์ มหรรณพ พร้อมด้วยนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ และนายกิติพงษ์ บริบูรณ์ รองเลขาธิการ กกต. ร่วมแถลงข่าวชี้แจงกรณีมีการระบุว่า กกต. ขอเวลารัฐบาลในการเตรียมการจัดการเลือกตั้งรวม 45 วัน ว่า กกต. มีการประสานและชี้แจงทำความเข้าใจว่าเมื่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการจัดการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้เรียบร้อยแล้ว เรามีความจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในเรื่องต่างๆ เช่น การที่ กกต.จังหวัด จะต้องแบ่งเขตภายในเวลา 3 วัน การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และพรรคการเมือง อีก 10 วัน โดยเมื่อครบระยะเวลา กกต.จังหวัด จะต้องพิจารณาเพื่อทำความเห็นว่ารูปแบบใดเหมาะสม อีก 3 วัน รวมเป็นเวลา 16 วัน จากนั้นจะส่งให้ กกต. พิจารณา ซึ่ง กกต.กลาง จะรีบพิจารณา โดยตั้งเป้าว่าดำเนินการให้เสร็จภายในไม่เกิน 5 วัน 400 เขต เราจะใช้ระยะเวลาวันละ 100 เขต สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ก่อให้เกิดปัญหากับเรา แต่ไม่ใช่เรื่องสะดวกสบาย เรามีการเตรียมและตั้งเป้าหมายการทำงานไว้เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันเราต้องคำนึงถึงพรรคการเมืองที่ต้องมีเวลาในการดำเนินการคัดสรรผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงจำเป็นต้องเผื่อเวลาให้กับพรรคการเมือง

“ในวันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ จะมีการประชุมร่วมกับพรรคการเมืองเข้ามาหารือเรื่องค่าใช้จ่ายว่าจำนวนที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไร และวิธีการทำไพรมารีโหวต เพื่อให้พรรคการเมืองส่งผู้สมัครได้อย่างถูกต้อง เราไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำงานทุกวัน และกล้าที่จะพูดว่าเราพร้อมที่จะจัดการเลือกตั้งให้ชอบด้วยกฎหมาย” นายปกรณ์ กล่าว


นายปกรณ์ ยังกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ออกมาระบุว่าจะไม่ก้าวล่วง กกต. ทำให้การประสานงานออกมาในรูปแบบที่ดี ท่านเข้าใจในระยะเวลาเหล่านี้ การที่เรามีน้ำใจคิดหวังดีกับส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง อาจจะส่งผลร้ายกลับมาที่ กกต. หากมีความไม่เข้าใจข้อกฎหมายและระเบียบกำหนดว่าอย่างไร ข้อวิจารณ์ต่างๆ เรารับฟังตลอด ถ้าถูกต้องเราพร้อมรับมาปฏิบัติ

ส่วนอีกเรื่องกรณีการประกาศจำนวน ส.ส.แต่ละจังหวัดที่พึงมี ซึ่งคิดจากข้อมูลการประกาศจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 จำนวน 3 วันนี้เป็นข่าวดัง อยากทำความเข้าใจว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา 86 กำหนดให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่มีการประกาศปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง ซึ่งการประกาศจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักรของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จนถึงปี 2557 จะประกาศจำนวนราษฎรรวม ต่อมาปี 2558 เป็นปีแรกที่สำนักทะเบียนกลางประกาศโดยแยกชาย-หญิงของคนที่มีสัญชาติไทย และคนที่ไม่มีสัญชาติไทย และปฏิบัติเรื่อยมาจนถึงการเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งการคิดจำนวนราษฎรต้องคิดยอดรวมอย่างเดียว

“การคิดอย่างนี้เคยมีปัญหาเมื่อปี 2557 ที่อำเภอแม่สอด จะยกฐานะเป็นเทศบาล มีการโต้แย้งว่าควรจะรวมผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยเป็นราษฎรรวมหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นสอดคล้องกับ กกต. ว่าการคิดจำนวนราษฎรนั้นต้องคิดรวมทั้งหมดของบุคคลที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยชอบด้วยกฎหมาย ที่ต้องแยกคนที่มีสัญชาติไทยและไม่มีสัญชาติไทย เพราะต้องคำนึงถึงบุคคลที่มีสิทธิใช้บริการ และผู้เสียภาษีอากรในการคิดค่าธรรมเนียม คือผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยอาจจะได้รับแตกต่างจากผู้ที่มีสัญชาติไทย แต่การคิดจำนวนราษฎรต้องคิดรวมทั้งหมด ไม่ว่าผู้นั้นจะมีสัญชาติไทยหรือไม่ หรือมีสิทธิเลือกตั้งหรือไม่ เพราะคนที่มีสัญชาติไทยก็ไม่ได้เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคน ซึ่งเป็นหลักการทำงานที่สอดคล้องต้องกันและทำมาโดยตลอด ข้อมูลที่นำเสนอคิดว่าทั้งสองปัญหานี้มีความกระจ่างพอสมควร” นายปกรณ์ กล่าว


นายปกรณ์ กล่าวถึงกรอบระยะเวลาการทำงานของ กกต. ที่จะพิจารณาเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งว่า ในช่วงวันที่ 1-3 กุมภาพันธ์ กกต.จังหวัด จะเร่งดำเนินการแบ่งเขตให้แล้วเสร็จใน 3 รูปแบบ จากนั้นวันที่ 4-13 กุมภาพันธ์ จะปิดประกาศรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง เพื่อรับฟังความคิดเห็นของพรรคการเมือง และประชาชน วันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ กกต. จังหวัด จะสรุปและทำความเห็น เลือกรูปแบบเขตเลือกตั้งที่เหมาะสมเพื่อนำเสนอ กกต.กลาง โดยในวันที่ 20-28 กุมภาพันธ์ กกต.กลาง จะพิจารณารูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง คาดว่าใน 1 วันจะพิจารณาไม่ต่ำกว่าร้อยเขต

นายปกรณ์ ยังย้ำว่า จากการลงพื้นที่ก่อนหน้านี้ใน 30 จังหวัด พบว่าไม่มีจังหวัดไหนไม่สามารถแบ่งเขตเลือกตั้งได้ โดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ๆ เช่น นครราชสีมา ขอนแก่น เชียงใหม่ บุรีรัมย์ ซึ่งจะเห็นว่าจังหวัดใหญ่ๆ พร้อมแล้ว และตนได้กำชับว่าต้องดำเนินการตามกฎหมายกำหนด

ส่วนการแบ่งเขตที่เคยถูกข้อครหาเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 นายปกรณ์ ยืนยันว่า การแบ่งเขตในการเลือกตั้งดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย และการที่ระบุว่าแบ่งเขตแบบเส้นก๋วยเตี๋ยว ในเรื่องนี้ตนได้ลงพื้นที่ไปดูในจังหวัดสุโขทัย พบว่าพื้นที่เป็นพื้นที่ภูเขา แต่มีความกว้างที่ห่างกันกิโลเมตร ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

นายปกรณ์ ยืนยันว่า กกต. มีความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะยุบสภาฯ ที่จะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน หรืออยู่ครบวาระ ที่จะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน ไม่ว่าจะเกิดกรณีใดเราสามารถดำเนินการได้ ส่วนกรณีพรรคการเมืองร้องว่าป้ายหาเสียงถูกทำลาย เรื่องนี้ กกต.จังหวัด และ กกต.กทม. ดูแลอย่างเต็มที่ แม้ว่าขณะนี้จะถือว่ายังไม่มีผู้สมัคร หรือว่ายังไม่มีเขตเลือกตั้งที่ชัดเจนที่จะเป็นองค์ประกอบให้สามารถดำเนินการเอาผิดได้ แต่ได้มีการรวบรวมข้อมูล ซึ่ง กกต. จะพิจารณาทุกคำร้องและทุกความเห็น.-สำนักข่าวไทย.

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย