เร่งแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.ภายใน ก.พ.นี้

สำนักงาน กกต. 1 ก.พ. – กกต. แจงคำนวณจำนวนราษฎรยึดตามทะเบียนราษฎร รวมผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย ซึ่งเป็นไปตามที่กฤษฎีกาให้ความเห็นและใช้การคำนวณเหมือนการเลือกตั้งปี 62 เผยไทม์ไลน์แบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. เร่งให้เสร็จภายในเดือน ก.พ.นี้ ขอบคุณนายกฯ ไม่ก้าวล่วงทำงาน ยืนยันพร้อมจัดการเลือกตั้งไม่ว่าจะยุบสภาฯ หรืออยู่ครบวาระ


นายปกรณ์ มหรรณพ พร้อมด้วยนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ และนายกิติพงษ์ บริบูรณ์ รองเลขาธิการ กกต. ร่วมแถลงข่าวชี้แจงกรณีมีการระบุว่า กกต. ขอเวลารัฐบาลในการเตรียมการจัดการเลือกตั้งรวม 45 วัน ว่า กกต. มีการประสานและชี้แจงทำความเข้าใจว่าเมื่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการจัดการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้เรียบร้อยแล้ว เรามีความจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในเรื่องต่างๆ เช่น การที่ กกต.จังหวัด จะต้องแบ่งเขตภายในเวลา 3 วัน การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และพรรคการเมือง อีก 10 วัน โดยเมื่อครบระยะเวลา กกต.จังหวัด จะต้องพิจารณาเพื่อทำความเห็นว่ารูปแบบใดเหมาะสม อีก 3 วัน รวมเป็นเวลา 16 วัน จากนั้นจะส่งให้ กกต. พิจารณา ซึ่ง กกต.กลาง จะรีบพิจารณา โดยตั้งเป้าว่าดำเนินการให้เสร็จภายในไม่เกิน 5 วัน 400 เขต เราจะใช้ระยะเวลาวันละ 100 เขต สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ก่อให้เกิดปัญหากับเรา แต่ไม่ใช่เรื่องสะดวกสบาย เรามีการเตรียมและตั้งเป้าหมายการทำงานไว้เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันเราต้องคำนึงถึงพรรคการเมืองที่ต้องมีเวลาในการดำเนินการคัดสรรผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงจำเป็นต้องเผื่อเวลาให้กับพรรคการเมือง

“ในวันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ จะมีการประชุมร่วมกับพรรคการเมืองเข้ามาหารือเรื่องค่าใช้จ่ายว่าจำนวนที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไร และวิธีการทำไพรมารีโหวต เพื่อให้พรรคการเมืองส่งผู้สมัครได้อย่างถูกต้อง เราไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำงานทุกวัน และกล้าที่จะพูดว่าเราพร้อมที่จะจัดการเลือกตั้งให้ชอบด้วยกฎหมาย” นายปกรณ์ กล่าว


นายปกรณ์ ยังกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ออกมาระบุว่าจะไม่ก้าวล่วง กกต. ทำให้การประสานงานออกมาในรูปแบบที่ดี ท่านเข้าใจในระยะเวลาเหล่านี้ การที่เรามีน้ำใจคิดหวังดีกับส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง อาจจะส่งผลร้ายกลับมาที่ กกต. หากมีความไม่เข้าใจข้อกฎหมายและระเบียบกำหนดว่าอย่างไร ข้อวิจารณ์ต่างๆ เรารับฟังตลอด ถ้าถูกต้องเราพร้อมรับมาปฏิบัติ

ส่วนอีกเรื่องกรณีการประกาศจำนวน ส.ส.แต่ละจังหวัดที่พึงมี ซึ่งคิดจากข้อมูลการประกาศจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 จำนวน 3 วันนี้เป็นข่าวดัง อยากทำความเข้าใจว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา 86 กำหนดให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่มีการประกาศปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง ซึ่งการประกาศจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักรของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จนถึงปี 2557 จะประกาศจำนวนราษฎรรวม ต่อมาปี 2558 เป็นปีแรกที่สำนักทะเบียนกลางประกาศโดยแยกชาย-หญิงของคนที่มีสัญชาติไทย และคนที่ไม่มีสัญชาติไทย และปฏิบัติเรื่อยมาจนถึงการเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งการคิดจำนวนราษฎรต้องคิดยอดรวมอย่างเดียว

“การคิดอย่างนี้เคยมีปัญหาเมื่อปี 2557 ที่อำเภอแม่สอด จะยกฐานะเป็นเทศบาล มีการโต้แย้งว่าควรจะรวมผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยเป็นราษฎรรวมหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นสอดคล้องกับ กกต. ว่าการคิดจำนวนราษฎรนั้นต้องคิดรวมทั้งหมดของบุคคลที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยชอบด้วยกฎหมาย ที่ต้องแยกคนที่มีสัญชาติไทยและไม่มีสัญชาติไทย เพราะต้องคำนึงถึงบุคคลที่มีสิทธิใช้บริการ และผู้เสียภาษีอากรในการคิดค่าธรรมเนียม คือผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยอาจจะได้รับแตกต่างจากผู้ที่มีสัญชาติไทย แต่การคิดจำนวนราษฎรต้องคิดรวมทั้งหมด ไม่ว่าผู้นั้นจะมีสัญชาติไทยหรือไม่ หรือมีสิทธิเลือกตั้งหรือไม่ เพราะคนที่มีสัญชาติไทยก็ไม่ได้เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคน ซึ่งเป็นหลักการทำงานที่สอดคล้องต้องกันและทำมาโดยตลอด ข้อมูลที่นำเสนอคิดว่าทั้งสองปัญหานี้มีความกระจ่างพอสมควร” นายปกรณ์ กล่าว


นายปกรณ์ กล่าวถึงกรอบระยะเวลาการทำงานของ กกต. ที่จะพิจารณาเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งว่า ในช่วงวันที่ 1-3 กุมภาพันธ์ กกต.จังหวัด จะเร่งดำเนินการแบ่งเขตให้แล้วเสร็จใน 3 รูปแบบ จากนั้นวันที่ 4-13 กุมภาพันธ์ จะปิดประกาศรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง เพื่อรับฟังความคิดเห็นของพรรคการเมือง และประชาชน วันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ กกต. จังหวัด จะสรุปและทำความเห็น เลือกรูปแบบเขตเลือกตั้งที่เหมาะสมเพื่อนำเสนอ กกต.กลาง โดยในวันที่ 20-28 กุมภาพันธ์ กกต.กลาง จะพิจารณารูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง คาดว่าใน 1 วันจะพิจารณาไม่ต่ำกว่าร้อยเขต

นายปกรณ์ ยังย้ำว่า จากการลงพื้นที่ก่อนหน้านี้ใน 30 จังหวัด พบว่าไม่มีจังหวัดไหนไม่สามารถแบ่งเขตเลือกตั้งได้ โดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ๆ เช่น นครราชสีมา ขอนแก่น เชียงใหม่ บุรีรัมย์ ซึ่งจะเห็นว่าจังหวัดใหญ่ๆ พร้อมแล้ว และตนได้กำชับว่าต้องดำเนินการตามกฎหมายกำหนด

ส่วนการแบ่งเขตที่เคยถูกข้อครหาเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 นายปกรณ์ ยืนยันว่า การแบ่งเขตในการเลือกตั้งดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย และการที่ระบุว่าแบ่งเขตแบบเส้นก๋วยเตี๋ยว ในเรื่องนี้ตนได้ลงพื้นที่ไปดูในจังหวัดสุโขทัย พบว่าพื้นที่เป็นพื้นที่ภูเขา แต่มีความกว้างที่ห่างกันกิโลเมตร ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

นายปกรณ์ ยืนยันว่า กกต. มีความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะยุบสภาฯ ที่จะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน หรืออยู่ครบวาระ ที่จะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน ไม่ว่าจะเกิดกรณีใดเราสามารถดำเนินการได้ ส่วนกรณีพรรคการเมืองร้องว่าป้ายหาเสียงถูกทำลาย เรื่องนี้ กกต.จังหวัด และ กกต.กทม. ดูแลอย่างเต็มที่ แม้ว่าขณะนี้จะถือว่ายังไม่มีผู้สมัคร หรือว่ายังไม่มีเขตเลือกตั้งที่ชัดเจนที่จะเป็นองค์ประกอบให้สามารถดำเนินการเอาผิดได้ แต่ได้มีการรวบรวมข้อมูล ซึ่ง กกต. จะพิจารณาทุกคำร้องและทุกความเห็น.-สำนักข่าวไทย.

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย