ทำเนียบ 18 ม.ค.-“วิษณุ” เตือน เพจพรรคการเมืองไลฟ์สดประชุมหน่วยงานราชการ เสี่ยงเรื่องผลประโยชน์แอบแฝง ย้ำอย่าใช้ทรัพยากรบุคคล-งบฯ-เวลาของราชการ เผยหาก นายกฯ เลือกแนวทางยุบสภา-อยู่ครบวาระ ค่อยเรียก กกต.หารือจัดการเลือกตั้ง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ไทม์ไลน์การเลือกตั้ง ว่า ไม่ต้องเรียกคณะกรรมการการเลือกตั้งมาหารือเพื่อวางไทม์ไลน์ ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 3 แนวทางคือ 1.ยุบสภาฯ ก่อนหน้าสมัยประชุม 2.ยุบสภาฯหลังปิดสมัยประชุม หรือ 3.ไม่ยุบสภา แต่ปล่อยให้สภาฯครบวาระไปในวันที่ 23 มีนาคม 2566 โดย 3 แนวทางนี้จะมีวิธีปฏิบัติที่ต่างกัน ดังนั้นไม่รู้ว่าจะหารือ กกต.ว่าอย่างไร เพราะไม่รู้ว่าจะออกมาในแนวทางไหน จึงยังไม่มีการหารือในเรื่องนี้ แต่วันนี้ กกต. เตรียมไทม์ไลน์แค่รัฐบาลอยู่จนครบวาระ จึงกำหนดให้การเลือกตั้งคือในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 แต่หลักทั่วไปที่ทราบกันดีคือการเลือกตั้งต้องจัดในวันหยุด เสาร์หรืออาทิตย์ ซึ่งการที่คณะรัฐมนตรีมีวันหยุดเพิ่มเติมในวันที่ 5 พฤษภาคม ก็ได้มีการหารือเป็นการภายในกับทาง กกต.แล้ว ว่า ถ้าหากการเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 7 พฤษภาคม แล้ว หยุดยาวในช่วงเวลานั้น จะมีปัญหาหรือไม่ ซึ่งทาง กกต. ยืนยันว่า ไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ทั้งนี้ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกระทันหันใน 3 แนวทาง ก็สามารถเชิญ กกต.มาหารือได้ทันที ส่วนงบประมาณในการจัดเลือกตั้ง จะต้องใช้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท
นายวิษณุ กล่าวว่า ทาง กกต. ไม่ได้มีการประสานหรือหารือถึงเรื่องการหาเสียง ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้หากมีการกระทำผิด ทาง กกต. ก็คงมีคำสั่งออกมา หรือ หากคิดว่าเป็นเรื่องที่เกรงว่าคนอื่นจะมีการกระทำผิดซ้ำ ก็จะมีการประกาศออกมา
นายวิษณุ เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีควรจะมีการนำระเบียบหรือแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้งของ กกต. มาแจ้งให้ทราบ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้ง เนื่องจากระเบียบยังไม่ออกมาทั้งหมด รวมถึงกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ ยังไม่มีผลบังคับใช้ แต่เมื่อประกาศใช้กฎหมายลูกฉบับใหม่ ก็ควรทำตอนนั้น ยุบสภาหรือไม่ยุบสภาไม่สำคัญ โดยที่ผ่านมา กกต. มีการออกระเบียบมาหลายครั้ง อาจจะมีการจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เมื่อมีความชัดเจนแล้ว ก็ต้องมีการประมวลออกมา เพื่อให้เกิดความชัดเจน และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีและข้าราชการการเมืองรับทราบ
เมื่อถามว่า กรณีที่ข้าราชการการเมืองมีการปฏิบัติงาน แต่เพจของพรรคการเมือง นำไปถ่ายทอดสด(ไลฟ์สด)การประชุมนั้น ถือว่าทำได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถือว่ามีความเสี่ยง หากนำไปถ่ายทอดเอง ซึ่ง กกต. เคยเตือนแล้ว และตนเคยพูดแล้วว่า 1.อย่าใช้ทรัพยากรของทางราชการ ซึ่งรวมถึงงบประมาณและบุคลากร สถานที่ เพื่อประโยชน์ในการหาเสียงให้แก่ตน ผู้อื่นหรือพรรคการเมือง และ 2.อย่าใช้เวลาของทางราชการ แต่ทั้งนี้ ก็ต้องดูทั้งหมดก่อนถึงจะตัดสินได้ว่าเป็นการถ่ายทอดเพื่อเป็นการทำซ้ำ (repeat) ธรรมดา หรือเพื่อแฝงประโยชน์ของพรรคการเมือง
“เพราะฉะนั้นจะสังเกตว่าบางท่านลาราชการ ตรงนั้นก็หนีเรื่องเวลาไป เช่นไปในเวลา 4 โมงครึ่งหรือ 5โมงเย็น ก็หลบเรื่องเวลาไป บางคนก็ใช้รถส่วนตัว ซึ่งทาง กกต. บอกว่าใช้รถก็ยังใช้ได้อยู่ เพราะว่าไปเติมน้ำมันเอง แต่คุณอย่าใช้รถส่วนกลางเท่านั้น เพราะรถส่วนกลางเป็นน้ำมันหลวง” นายวิษณุ กล่าว
ส่วนกรณีการประชุมของหน่วยงานรัฐ ผู้ที่ถ่ายทอดสดจะต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือหากเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมืองเข้าไปในที่ประชุมของหน่วยงานรัฐ จะอันตรายหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ตนตอบไม่ถูก เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียด
“บุคคลสาธารณะ ใครๆ ก็อยากจะเห็น อยากจะรู้ แต่ต้องไปดูคำพูด และเนื้อหา ของการประชุมนั้นว่าเป็นอย่างไร เช่น หากจะขึ้นไปอวยพรในงานแต่งงาน ก็สามารถทำได้ แต่ต้องไม่เป็นในลักษณะหาเสียง เพราะกฎหมายไม่ได้ห้ามให้ผู้สมัครเลือกตั้งทำกิจกรรมทางสังคมใดๆ ไปงานศพก็ไปได้และให้ซองก็ให้ได้ ไม่ใช่ว่าห้ามให้ แต่ก็ต้องห้ามให้เกิน 3,000 บาท” นายวิษณุ กล่าว
ส่วนที่มีข้าราชการการเมืองบางคน กังวลว่าในเวลาราชการไม่อยากพูดเกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง ของพรรคการเมืองที่สังกัด นายวิษณุ กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น พูดให้เป็น เพราะเลือกตั้งกันมาตั้งหลายครั้งแล้ว ก็รู้อยู่แล้ว จะถูกหรือผิด บางทีก็ไม่รู้ แต่ถ้าดูของเก่า เราก็จะเห็นบรรทัดฐาน.-สำนักข่าวไทย