พรรคเพื่อไทย 16 ม.ค.- “ชลน่าน” แนะ จับตา 3 วัน รัฐบาลถือฤกษ์ยุบสภาหนีการอภิปราย ม.152 โยน ถาม พปชร. มีอุดมการณ์เดียวกับเพื่อไทยหรือไม่
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ว่า การที่รัฐบาลตอบกลับว่า ความพร้อมตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป มองว่า เป็นเวลาที่เนิ่นนานเกินไป จึงได้ทำหนังสือทักท้วงไปยังประธานสภา และประธานสภาเห็นพ้องกับฝ่ายค้าน เพราะปกติการยื่นญัตติจะอภิปรายภายใน 1 เดือน
ส่วนกรอบการอภิปราย จะสอบถามข้อเท็จจริง เสนอแนะครอบคลุมทุกประเด็นในสังคม เช่น ยาเสพติด ทุนจีนสีเทา การแต่งตั้งโยกย้ายราชการ ส่วนเนื้อหาสาระ และกรอบเวลา นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน จะเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ ทั้งนี้ ฝ่ายค้านต้องการกรอบเวลาในการอภิปราย 22 ชั่วโมง
นายแพทย์ชลน่าน ยังย้ำว่า เพื่อไทยให้ความสำคัญกับการอภิปรายครั้งนี้ เพราะถือเป็นครั้งสุดท้าย แม้จะไม่มีการลงมติในสภา แต่ประชาชนจะตัดสินใจในการเลือกตั้ง ดังนั้น ผู้อภิปรายจะถูกคัดเลือก และมอบหมายจากพรรค เพราะพรรคมั่นใจว่าจะสามารถนำเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์ได้
นายแพทย์ชลน่าน ยังกังวลว่า รัฐบาลจะยุบสภาหนีการอภิปราย เห็นได้จากการตอบกลับความพร้อมที่เนิ่นนานเกินไป ซึ่งผิดปกติว่าจะหนีการอภิปรายหรือไม่ ประกอบกับกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะยุบสภาก่อนวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ดังนั้น การตอบว่าพร้อมหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ คือการหลีกเลี่ยงหรือหนีการอภิปรายหรือไม่ จึงอยากฝากไปถึงผู้มีอำนาจ ถ้าหนีสภาให้คิดดีๆ เพราะประชาชนจะพิพากษาในสนามเลือกตั้ง ควรใช้โอกาสในสภาตอบชี้แจง ที่อาจจะได้ใจประชาชนบ้าง
ส่วนช่วงเวลาที่คาดว่ารัฐบาลจะยุบสภานั้น นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ต้องติดตาม โดยเฉพาะหลังวันที่ 6 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป ที่จะเป็นการย้ายสังกัดพรรควันสุดท้าย ถ้า ส.ส.ที่เคยประกาศตัวชัดเจนยังไม่ย้ายพรรคไปไหน แสดงว่ามีโอกาสที่จะยุบสภาได้ ซึ่งได้ข่าวมาว่า มีการดูฤกษ์งามยามดีในการยุบสภา เพื่อให้ได้กลับมามีโอกาสสืบทอดอำนาจ คือ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ , 24 กุมภาพันธ์ และ 7 มีนาคม 2566 พร้อมมองว่า หากตรงไปตามข่าวยุบสภาก่อนวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก และต่อให้ถือฤกษ์ยาม แต่ฤกษ์งามยามดีของประชาชน ก็คือ วันเข้าคูหากาบัตรเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นวันพิพากษา
นายแพทย์ชลน่าน ยังกล่าวถึงการที่รัฐบาลเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วงใกล้เลือกตั้ง เป็นชิงความได้เปรียบทางการเมือง แต่ก็ดีใจกับประชาชนที่ได้เงินเพิ่มหลังรัฐบาลทำงานมา 8 ปี พึ่งจะมาเพิ่มในช่วงท้ายของรัฐบาล และเชื่อว่า ประชาชนรู้ว่า เงินที่ได้คือภาษีของประชาชน ดังนั้น มองว่า เป็นวิธีคิดที่ผิดมาก และประชาชนคงไม่ลงคะแนนให้
ส่วนกรณีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ ระบุลักษณะไม่ได้ปิดโอกาสจับมือกับพรรคพลังประชารัฐในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายแพทยชลน่าน ย้ำว่า นางสาวแพทองธารไม่ได้พูดออกมาว่าจะจับมือกับใคร แต่พูดในหลักการเท่านั่นแหละ ซึ่งส่วนตัวได้ย้ำมาตลอดว่า การประกาศจับมือหลังเลือกตั้งก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ถือเป็นมารยาทที่ไม่ดีทางการเมือง ไม่เคารพอำนาจประชาชน เพราะยังไม่รู้เลยว่าประชาชนจะมอบอำนาจให้ใคร ถ้าถึงเวลาที่ชัดเจนว่าประชาชนให้อำนาจกับพรรคเพื่อไทยเกิน 250 เสียง การตั้งรัฐบาลจะมีโอกาสเลือกพรรคการเมืองมาร่วมงานได้ ซึ่งการจะจับมือกับใคร พรรคจะดูเสียงที่ประชาชนมอบให้เป็นหลัก และก่อนจะจับมือกับพรรคใดนั้น จะไปถามประชาชนอีกครั้ง
เมื่อถามย้ำว่า พรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐ ขณะนี้ถือว่ามีอุดมการณ์เดียวกันหรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ต้องไปถามพรรคพลังประชารัฐ ว่า มีอุดมการณ์เดียวกันหรือไม่.-สำนักข่าวไทย