ชาติพัฒนากล้า เตรียมเปิดนโยบายเศรษฐกิจหลังตรุษจีน

กรุงเทพฯ 14 ม.ค. – “สุวัจน์” เผยชาติพัฒนากล้า เตรียมเปิดนโยบายเศรษฐกิจหลังตรุษจีน เน้นทุกคนมีงาน มีเงิน ของไม่แพง สร้างแพลตฟอร์มเศรษฐกิจใหม่ให้ประเทศ


วันที่ 14 มกราคม 2566 ที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังเปิดงานวันเด็กแห่งของจังหวัดนครราชสีมา เกี่ยวกับการจัดทำนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า ว่าได้มีการมีการพูดคุยแล้วปรับปรุงนโยบายพรรคให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น โดยได้มีการหารือกับนักวิชาการ ภาคธุรกิจ พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งขณะนี้ร่างนโยบายเสร็จแล้ว แต่ว่าขณะเดียวกันก็ต้องรับฟังความคิดเห็นของสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจําจังหวัด ตามกฎหมายเลือกตั้งแล้วก็ตามคําแนะนําของกกต.

ฉะนั้น พรรคเตรียมที่จะจัดงานในการที่จะรับฟังความคิดเห็นสําหรับร่างนโยบายแล้วก็เปิดสู่สาธารณะ คาดว่าฤกษ์ตรุษจีนน่าที่จะเป็นฤกษ์ดี ตรุษจีนเป็นอะไรที่สะท้อนถึงการจับจ่ายใช้สอย การกระตุ้นเศรษฐกิจ ฉะนั้นหลังตรุษจีน พรรคชาติพัฒนากล้าก็จะนําเสนอร่างนโยบายที่แล้วเสร็จ ซึ่งนโยบายหลักของชาติพัฒนากล้า เราก็พูดมานานแล้วว่าต้องการที่จะจัดทํานโยบาย ที่นําไปสู่ความสําเร็จในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ไปคลายทุกข์ให้กับพี่น้องประชาชน ดังนั้น ถ้าถามว่าวันนี้ สถานการณ์การเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามาถึง ถามว่าอะไรเป็นปัจจัยอันดับหนึ่ง ที่อยู่ในความต้องการของพี่น้องประชาชน ผมคิดว่าเป็นเรื่องเศรษฐกิจ เพราะว่าผลกระทบในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจากโควิดและสถานการณ์เศรษฐกิจของโลก ก่อให้เกิดผลกระทบในเรื่องของรายได้ ในเรื่องของสินค้าราคาแพง ในเรื่องของงานของแต่ละบุคคล หรืองานของผู้ประกอบการแต่ละท่าน ซึ่งได้รับผลกระทบมาก


“พรรคมีความมุ่งมั่นที่จะจัดการในการแก้ไขปัญหา ถ้าได้รับโอกาสในเมื่อมีการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ พรรคได้ทํานโยบายที่เน้นเศรษฐกิจ ที่จะนําไปสู่การมีเงิน การมีงาน และของต้องไม่แพง ฉะนั้น หัวใจ ของนโยบายเศรษฐกิจของชาติพัฒนากล้า คือ ทุกคนมีงานทำ ทุกคนมีเงิน และทุกคนไม่ได้รับผลกระทบจากสินค้าที่มีราคาราคาแพง คือ ของต้องไม่แพง

“แนวคิดของนโยบายที่จะนําเสนอ เราบอกว่าทุกคนต้องมีงานทํา เราก็จะนําเสนอนโยบายในการที่จะสร้างแพลตฟอร์ม พื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเทศ ให้กับพี่น้องประชาชนที่เราเรียกว่า spectrum economy แบ่งเศรษฐกิจตามเฉดสี เช่น นโยบายเศรษฐกิจสีเขียว ก็จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมสีเขียว หรือยานยนต์ไฟฟ้า รถไฟฟ้า คาร์บอนเครดิต ที่จะมาสร้างงานใหม่ๆ ให้กับสังคมไทย โดยจะต้องครอบคลุมผลประโยชน์ของทุกอาชีพที่จะได้รับแล้วก็ครอบคลุมทรัพยากรวัตถุดิบที่ประเทศไทยมีอยู่ที่เป็นจุดแข็ง รวมในเรื่องของสินค้าเกษตร สินค้าสีเขียว ซึ่งเรายังมีรายได้ไม่เพียงพอ พี่น้องเกษตรกรยังยากจน สินค้าเกษตรราคายังไม่ดีนัก จะทำอย่างไรที่จะนําในเรื่องของการแปรรูปอุตสาหกรรม เทคโนโลยีมาใช้ แล้วเปลี่ยนสินค้าเกษตร แทนที่เราจะส่งเป็นวัตถุดิบอย่างเดี่ยว แต่เปลี่ยนส่งออกให้เป็นสินค้าที่มีมูลค่ามากขึ้น โดยใช้เทคโนโลยี อุตสาหกรรมเข้ามา และทำให้มีผู้ประกอบและคนมีงานทำมากขึ้น อย่างนี้ถือว่าเป็นเศรษฐกิจสีเขียว Green Economy เป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องของยานยนต์ไฟฟ้า เป็นเรื่องของนโยบายทางด้านการเกษตร ฉะนั้น ในนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า จะมีความหลากหลายของเศรษฐกิจ ขณะเดี่ยวกันเรามีจุดแข็งของประเทศไทยคือ เรื่องของ Soft power วัฒนธรรม อาหาร การท่องเที่ยว อันนี้จะเป็นเศรษฐกิจอีกสีหนึ่งที่จะเป็นเรื่องของการสร้างสรรค์ โดยการใช้พื้นฐานทางด้าน soft power ต่างๆ มาสร้างให้เกิดเศรษฐกิจใหม่ เพื่อสร้างให้เกิดงานใหม่ๆ “ นายสุวัจน์ กล่าวและย้ำว่า

ในส่วนของที่เกี่ยวข้องกับนโยบายที่ให้ทุกคนมีเงินนั้น เนื่องจากที่ผ่านมาเราประสบปัญหาเศรษฐกิจ ทุกคนมีหนี้ ทําอย่างไรที่จะจัดการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้ทุกคนชะลอการชําระหนี้แล้วก็มีฐานที่จะนําเงินใหม่ๆ เข้ามาเพื่อที่จะได้ไปสร้างอาชีพแล้วก็นํารายได้ใหม่ๆ เข้ามา และเรื่องการปรับโครงสร้างภาษี ให้มีความเหมาะสม ที่ไม่ไปกระทบภาพรวมของรายได้ของประเทศ แต่ว่าทุกคนจะมีภาระในการจ่ายภาษีน้อยลงคือ การมีเงินมากขึ้น ตอนนี้ทุกท่านประสบปัญหาในเรื่องของสินเชื่อ ที่ผ่านมามีวิกฤตเศรษฐกิจ จ่ายหนี้ไม่ตรงเวลาอะไรบ้างก็คือ ถูกติดแบล็คลิสต์ (Blacklist) ที่เรียกว่า Blacklist บูโร ทําให้โอกาสในการที่จะได้สินเชื่อหรือโอกาสที่จะได้เงินก้อนใหม่มาต่อยอดไม่ได้ เราก็คิดว่าควรที่จะต้องปรับระบบของ Blacklist บูโร ให้เป็น Credit Score (เครดิตสกอริ่ง) หมายความว่ายังมีสินเชื่อตามกําลังเครดิตของคุณที่มีอยู่ และในเรื่องของการที่จะสร้างโอกาส ในการที่ทุกคนจะกลายเป็นนักธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้น คือ การสร้างเถ้าแก่ การสร้างโอกาสในการเป็นนักธุรกิจ ใครอยากเป็นลูกจ้าง ใครอยากทํางานก็ทํา แต่ถ้าเกิดคุณอยากจะเป็นนักธุรกิจ เราจะมีโครงสร้างทางธุรกิจ โครงสร้างเรื่องของเงินทุนในการที่จะทําให้ท่านได้ขึ้นมาเป็นนักธุรกิจ และมีงานทำ


และในเรื่องนโยบายของไม่แพงนั้น ตัวหลักที่สําคัญ ที่นําไปสู่ของแพง คือ เรื่องของพลังงาน เพราะพอพลังงานแพง แก๊สแพง แก๊สหุงต้มแพง น้ํามันแพง ก็ทําให้ค่าขนส่งแพง ทําให้วัตถุดิบแพง เป็นต้นทุนให้ผู้ประกอบการ ฉะนั้น ของจึงแพง ต้องถือว่าพลังงาน คือ ต้นทุนของสินค้า ถ้าทำให้ราคาพลังงานถูก สินค้าก็ราคาถูก ถ้าพลังงานแพง สินค้าก็ราคาแพง ฉะนั้น เราจะนำเสนอนโยบายว่าทำอย่างไร ราคาพลังงานและน้ำมันจะไม่แพง เพื่อแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพง

“ผมคิดว่านโยบายของพรรคชาติกล้า จะสามารถตอบโจทย์ ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน และหลังตรุษจีนจะเปิดตัว”นายสุวัจน์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ว่าฯ สงขลา จัดคิวนายอำเภอรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ทุกสัปดาห์

กทม. 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ทำหนังสือด่วน จัดคิวนายอำเภอ เวียนต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” สนามบินหาดใหญ่ ทุกสัปดาห์ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สข 0017.3/17839 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียน นายอำเภอเมืองสงขลา ด้วยจังหวัดสงขลาได้รับแจ้งว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดเดินทางมาราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจราชการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล และมีกำหนดเดินทางกลับไปปฏิบัติราชการ ณ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3103 เวลา 08.25-09.50 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จังหวัดสงขลาจึงขอให้ท่านดำเนินการ ดังนี้ 1. เชิญนายอำเภอเมืองสงขลา ร่วมส่งนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ […]

ดราม่า “ไข่เจียวปู 4,000” ถึงหูพาณิชย์

กรุงเทพฯ​ 18 ส.ค.​-“จตุพร” สั่งกรมการค้าภายในตรวจสอบประเด็น​ดราม่า​ “ไข่​เจียวปู” ร้าน​ Michelin Guide สูงถึง​จานละ 4,000 บาท​ จาก​ที่​แจ้งราคาในเมนู​ 1,500​ บาท ย้ำ​ไม่ตรงปกไม่ได้ กรณี “พีชชี่” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง โพสต์เล่าประสบการณ์สั่งไข่เจียวปูร้านดังราคาเมนู 1,500 บาท แต่ถูกเก็บจริง 4,000 บาท กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ล่าสุด นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จะมอบหมายให้กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้​ยังไม่ได้รับรายละเอียด​ แต่โดยหลักการแล้ว ราคาที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคต้องตรงกับราคาที่ระบุในเมนู หาก “ไม่ตรงปก” จะบั่นทอนความเชื่อมั่นทางการค้า “การค้าขายจะยั่งยืนได้ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ หากผู้บริโภครู้สึกว่า​ ราคาไม่ตรงกับที่เห็นในเมนู ย่อมเสียความรู้สึก” นายจตุพรกล่าว เรื่องนี้เริ่มจาก “พีชชี่” โพสต์ผ่าน X เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ระบุว่าไปทานไข่เจียวปู ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการบรรจุใน Michelin Guide โดยเมนูระบุราคา 1,500 […]

“บิ๊กต่าย” ถกบอร์ดกลั่นกรอง เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมกลั่นกรองแต่งตั้งนายพลสีกากี เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หรือ “บอร์ดกลั่นกรอง” พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. และเลขานุการ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ […]

เสียงเรียกแห่งความอร่อย…ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วโบราณเชียงใหม่

เชียงใหม่ 17 ส.ค. – โดดเด่นไม่เหมือนใคร “ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วสูตรโบราณ” ของอาแปะตี๋อ้วน ที่แต่งกายแบบล้านนาโบราณ เดินหาบขายตามตลาดและย่านชุมชนใน จ.เชียงใหม่ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยใช้การตีกังสดาล หรือระฆังวงเดือน เรียกลูกค้า สะดุดตาผู้พบเห็น หลายคนติดใจในรสชาติและราคาที่ย่อมเยา จนมีลูกค้ามากมาย .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“หลวงพ่ออลงกต” ยืนยันยังไม่ลาออกจากเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ

18 ส.ค. – ปมร้อน “หลวงพ่ออลงกต” ขอลาออกจากเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เปิดทางให้ตรวจสอบวัด ล่าสุด “หลวงพ่ออลงกต” ยืนยันยังไม่ลาออก ขอเวลาจัดการทุกเรื่อง คาด 1 เดือนชัดเจน วันนี้ (18 ส.ค.) มีกระแสข่าวว่า “พระราชวิสุทธิประชานาถ” หรือ “หลวงพ่ออลงกต” ประกาศลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อรับผิดชอบต่อสถานการณ์และเปิดทางให้กระบวนการตรวจสอบดำเนินไปอย่างโปร่งใส ขณะที่ นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยกับทีมข่าวสำนักข่าวไทยว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กำลังติดตามข่าวดังกล่าว แต่ยังไม่ได้รับหนังสือขอลาออกอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะเกิดความชัดเจนในวันพรุ่งนี้ (19 ส.ค.) ส่วนเหตุผลที่หลวงพ่ออลงกตลาออก คาดว่าเปิดทางให้กระบวนการตรวจสอบเดินหน้าได้ พศ.แจ้งวัดหักลดหย่อนเงินบริจาคต้องผ่านระบบ e-Donation ผอ.พศ. ยังกล่าวถึงกรณีอธิบดีกรมสรรพากรทำหนังสือแจ้งมายังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา แจ้งว่ากำหนดให้การบริจาคให้แก่วัด มูลนิธิ สมาคม กองทุน และองค์การต่างๆ ซึ่งผู้บริจาคได้รับสิทธิหักลดหย่อนเงินบริจาค ต้องใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากรเท่านั้น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 […]

“ภูมิธรรม” ​เผยเจรจาเขตแดนไม่จบง่าย ลั่นไม่เคยพูดยุบ ศบ.ทก.

ทำเนียบ 18 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ​เผยเจรจาเขตแดนไม่จบง่าย​ ต้องรอผลประชุม​ RBC​-GBC มอบตำรวจภูธร​ภาค​ 3 รับเรื่องร้องทุกข์​ประชาชน-​ราชการ​ ส่งอัยการสั่งฟ้องแพ่ง​-อาญา​ “กัมพูชา” ส่วนฟ้อง “ฮุนเซน​” หรือ​ “ฮุน​ มาเนต​” ให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย​ ไม่ตอบจัดการเครือข่ายนักการเมืองในไทย​ ชี้​หากทำก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเปิดเผย​ ลั่น​ไม่เคยพูดสักคำ​ ยุบ ศบ.ทก. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ว่า ขณะนี้สถานการณ์บริเวณชายแดนไทยกัมพูชายังต้องเฝ้าระวัง จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องการเจรจาเขตแดนทั้งหลายยังไม่จบง่ายๆ และยังรอการประชุม ตามกรอบต่างๆ ซึ่งการประชุม RBC จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 25-27 สิงหาคมนี้ ขณะที่วันที่ 8-10 กันยายนจะเป็นการประชุม GBC ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ได้สั่งการให้หน่วยราชการติดตามข่าวสาร และประสานงานกันอย่างมีเอกภาพ โดยเฉพาะในเรื่องข่าวสารที่สร้างความสับสนและความเข้าใจผิดให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมยอมรับว่าขณะนี้มีกระบวนการไอโอ จึงขอช่วยกัน อย่าตกเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ พร้อมย้ำว่ารัฐบาลยึดผลประโยชน์ประเทศชาติอธิปไตยของประเทศทรัพย์สินและชีวิตของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง จึงขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ขณะเดียวกันที่ประชุม สมช.ยังมีการพิจารณาเรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมาย กรณีกัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ในการคุกคามอธิปไตยของไทย […]

ทบ.แจงบ้านหนองจานอยู่ในเขตไทย เดิมเป็นที่ลี้ภัยชาวเขมร

กองทัพบก 18 ส.ค.- ทบ. แจงพื้นที่บ้านหนองจาน อยู่ในเขตประเทศไทย เดิมเคยเป็นที่ช่วยเหลือชาวกัมพูชาลี้ภัยจากการสู้รบชั่วคราว ภายหลังพบมีการขยายชุมชน ละเมิด MOU43 แม้ฝ่ายไทยมีการประท้วงอย่างต่อเนื่อง จากกรณีที่มีชาวกัมพูชาได้ออกมาร้องเรียนเรื่องการวางรั้วลวดหนามของทหารไทยบริเวณบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว โดยกล่าวอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นดินแดนของตนนั้น พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าแท้จริงแล้วพื้นที่ดังกล่าวเป็นอาณาเขตของประเทศไทย ซึ่งอยู่บริเวณบ.หนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รอยต่อแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างหลักเขตแดนที่ 46 และ 47 นอกจากนี้ยังพบว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงในพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยการสนับสนุนให้ราษฎรมาสร้างถิ่นฐานอย่างถาวร ทั้งในบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิ์ และนอกบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิ์ในฝั่งประเทศไทย ซึ่งกองทัพบก โดยกองกำลังบูรพา ได้ดำเนินการประท้วงร้องเรียนฝ่ายกัมพูชาในเวทีต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งระดับหน่วยทหารในพื้นที่ และผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน แต่ฝ่ายกัมพูชากลับนิ่งเฉย ไม่มีการชี้แจงในรายละเอียด หรือแก้ไขใดๆ จึงยืนยันได้ว่าฝ่ายไทยได้ใช้การแก้ปัญหาโดยสันติวิธีมาตลอด โฆษกกองทัพบก กล่าวต่อว่าสำหรับปัญหา ณ ปัจจุบัน ฝ่ายกัมพูชา มีเจตนาอันไม่บริสุทธิ์ พยายามจะใช้ประชาชนให้เป็นผู้ออกหน้าในการรุกล้ำพื้นที่อธิปไตยประเทศไทยในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ อาจเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับฝ่ายทหารโดยตรง ทำให้เข้าใจได้ว่า […]

ผู้ว่าฯ สงขลา ยืนยันไม่ได้ออกคำสั่งรับ มท.3

สงขลา 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ยืนยันไม่ได้ออกคำสั่งให้นายอำเภอจัดเวรต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ส่วนมีใครคิดจะปลอมแปลงขึ้นมาก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ออกมากล่าวถึงเรื่องที่มีหนังสือคำสั่งทางราชการให้นายอำเภอของจังหวัดสงขลาทั้ง 16 อำเภอจัดเวรต้อนรับ-ส่ง และจัดห้อง VIP พร้อมอาหารว่าง ต้อนรับ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย นายเดชอิศม์ ขาวทอง ซึ่งรายละเอียดในหนังสือกล่าวว่าให้นายอำเภอเมืองสงขลาปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 คือในวันนี้ ว่าไม่เป็นความจริง ตนไม่ได้ออกหนังสือฉบับนี้ เพราะหนังสือที่ตนลงนามฉบับสุดท้ายในวันนั้นคืองานประชุม ส่วนความจริงตอนนี้มอบหมายให้รองผู้ว่าราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว แต่ให้ข้อคิดว่าหนังสือที่จะขอใช้พื้นที่หน่วยงานจากท่าอากาศยาน ก็ต้องเป็นลายเซ็นของผู้ว่าราชการเท่านั้น ส่วนมีใครคิดจะปลอมแปลงหรือทางหนังสือปลอมขึ้นมาก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป แต่จะให้ได้ความจริงให้เร็วที่สุด เมื่อมีการสอบถามเรื่องความขัดแย้งของจังหวัดสงขลาราชการจังหวัดสงขลากล่าวว่าท่านไม่น่าจะมีความขัดแย้งกับใคร เพราะไม่เคยทำงานในพื้นที่มาก่อน เพิ่งมารับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาในครั้งแรก ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ยังกล่าวอีกว่า วันและเวลาดังกล่าวที่มีการออกหนังสือ ตนก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ไปธุระส่วนตัวงานแต่งงานของญาติที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่จะให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหาความจริงเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเพราะถือว่าเป็นการทำผิดอย่างมาก.-สำนักข่าวไทย